ชีวิตสําส่อนของฉัน 18+

บทที่ 10 เซ็กส์อันเร่าร้อน



บทที่ 10 เซ็กส์อันเร่าร้อน

หลายปีต่อมา ผมชอบคำพูดค่าหนึ่งมาก การที่ตกหลุมรักคุณคือ ความหายนะอย่างหนึ่ง ดังนั้นผมจะต้องหลุดพ้นจากความ หายนะนี้!

หลังจากเสร็จกิจอันเร่าร้อนภายในรถแล้วเธอจึงลุกขึ้นมาขับ รถต่อ เธอเปิดเพลงในรถ ให้เสียงดังมากยิ่งขึ้น เธอผิวปากไป ด้วย จากนั้นโยกตัวตามจังหวะดนตรีไปด้วย ทางหลวงที่ เลียบแม่น้ำแห่งนี้ยาวมาก เธอมีความสุขมาก เธอเปิดหลังคารถ เส้นผมของพวกเราถูกลมพัดพลิ้วไปมา

“อา!” อยู่ๆเธอก็ตะโกนเสียงดังออกมา เธอหัวเราะอย่างมี ความสุข ผมสะดุ้งตกใจที่อยู่ๆเธอร้องออกมา เธอพูดเสียงดังว่า “มีความสุขมั้ย?”

ผมพูด “มีความสุข!”

“อะไรนะ? พี่ไม่ได้ยิน

ผมพูดเสียงดังว่า “มีความสุข!”

เธอหันหน้ามามองผม จากนั้นจึงหันหน้ากลับไปแล้วตะโกนว่า “อยากเดินทางไปให้ไกลสุดขอบฟ้ากับพี่มั้ย?”

“อยากสิ!” ผมก็ตอบเธอด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ช่วงเวลา นั้นที่ผมได้อยู่กับเธอมันช่างมีความสุขเหลือเกิน ผมไม่รู้ว่าความ สุขนั้นมาจากอะไร คือการที่ไม่ต้องทำงาน คือการที่ได้รู้สึกเพลิดเพลินเปรมปรีดิ์ คืออะไรอีกผมเองก็ไม่อาจจะรู้ได้เช่นกัน ผมเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่มีชีวิตเรียบง่ายและยังขาดประสบการณ์ ต่างๆมากมาย บางทีมันอาจจะเป็นเช่นนี้จริงๆก็ได้

“ยะ!” เธอขับรถไวมาก ราวกับว่ากำลังแข่งรถอยู่ ผมรู้สึก มีนหัวเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกเสียวเป็นอย่างมาก ผมคิดว่าพวกเรา กำลังเดินทางไปให้ไกลสุดขอบฟ้าจริงๆ

รถยนต์ได้เข้าไปจอดอยู่ในคฤหาสน์เก่าแก่หลังหนึ่งที่อยู่ติด กับริมแม่น้ำ ที่นั่นทิวทัศน์ช่างงดงาม ผมเรียนมหาวิทยาลัยที่ เมืองเจียงมาสี่ปี แต่ผมกลับไม่เคยรู้ว่าเมืองเจียงจะมีสถานที่ที่ งดงามได้ขนาดนี้ ภายในสวนเต็มไปด้วยต้นบอสตัน ไอวี่ อีกทั้ง มีซุ้มกุหลาบป่า ด้านในมีสระว่ายน้ำ มีศาลา มีสนามเทนนิส สวน นี้หันไปทางทิศใต้ทำให้แสงแดดส่องครอบคลุมบริเวณพื้นที่สวน ทั้งหมด

หน้าประตูมีสุนัขสีขาวสองตัว มีคนรับใช้อยู่สองสามคน มีคน สูงอายุคนหนึ่งกำลังตัดแต่งกิ่งไม้ใบหญ้าอยู่ ส่วนคุณป้าอีกสอง คนที่อยู่ทางนั้นกำลังตากผ้าปูที่นอนและผ้าห่มอยู่

“ลงมาเถอะ ถึงบ้านแล้ว!” พี่เหมยผิวปากด้วยความซุกซน จากนั้นสุนัขสองตัวจึงวิ่งเข้ามาหาเธอ เธอนั่งยองๆเพื่อลูบสุนัขที่ สวยงามสองตัวนั้น เธอพูดกับสุนัขขนยาวสลวยว่า “ลูกรัก รีบ เรียกพี่ชายเร็ว โอ๊ะ ไม่สิ ต้องเรียกว่าคุณลุง!”

เธอทำให้ผมหัวเราะออกมา เธอเก่งไม่เบาที่สามารถผิวปาก โดยใช้นิ้วมือได้
ผมก็เข้าไปลูบสุนัขเหล่านั้นแล้วพูด “สวยดีนะ!”

“เดิมที่ยังมีอีกตัว แต่มันขึ้นสวรรค์ไปแล้วล่ะ ฉันเอามันไปฝัง ไว้บนเขาที่อยู่ห่างไกล นายดูสิ ” เธอพูดๆอยู่ก็ชี้นิ้วไปที่เนิน เขาที่อยู่ห่างไกลออกไปให้ผมดู ผมเหมือนจะมองเห็นสุสาน น้อยๆอันหนึ่ง เชี่ย คนรวย จะฝังหมาตัวหนึ่งยังต้องหรูหรา ฟุ่มเฟือยขนาดนี้

ผมพยักหน้า

“เข้ามาเถอะ!”

หลังจากที่ผมเดินเข้าไป ผมมองเห็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกตกใจ สุดขีด ในสวนมีที่จอดรถ ในนั้นมีรถสปอร์ตจอดอยู่สิบกว่าคัน ทั้งหมดล้วนแต่มียี่ห้อที่แตกต่างกัน เธอช่างใช้เงินฟุ่มเฟือยจริงๆ

เราเดินผ่านเสาในบ้านหลายต้น เธอบอกกับผมว่า “นายเห็น เสาเหล่านั้นมั้ย? พวกมันถูกขนส่งมาจากแอฟริกาใต้ ลำพังแค่ ค่าขนส่งก็หลายล้านแล้ว!!

ผมคิดในใจ เธอจะพูดเห่อหรือโอ้อวดกับผมหรอ? ถึงยังไง ผมก็ไม่ได้ชื่นชอบหรืออินกับอะไรพวกนี้อยู่แล้ว แค่เสาไม่กี่ต้น ต้องใช้เงินมากมายมหาศาลเพียงนี้ ถ้าอยู่ที่บ้านเกิดผมเงิน ขนาดนี้สามารถซื้อบ้านทุกหลังในหมู่บ้านแล้วล่ะ

เมื่อคนรับใช้ของพี่เหมยเห็นว่าเธอกลับมาแล้วพวกเขาจึงเดิน เข้ามาทักทายเธอ พี่เหมยเรียกพวกเขาว่าคุณลุงคุณป้า แต่พวก เขากลับไม่พูดอะไร พี่เหมยพูดซุบซิบกับผม “พวกเขาพูดไม่ได้ คราวหน้านายไม่ต้องพูดกับพวกเขานะ ถ้าเจอหน้าแค่ยิ้มให้พอ!”

ผมพยักหน้า จากนั้นเดินเข้าไปในห้องกับเธอ ภายในห้องถูก ตกแต่งอย่างหรูหรา มีกลิ่นอายแห่งความเก่าแก่ ภายในห้องถูก ตกแต่งแบบสไตล์ประเทศอาเซียน ข้างในมีกลิ่นหอมของธูป ช่างหอมเย้ายวนเป็นอย่างมาก แต่กลิ่นของมันก็ค่อนข้างจะแรง และแสบจมูกเล็กน้อย

พื้นห้องได้ปูพรมเอาไว้ มีลวดลายของดอกไม้ที่ดูแปลก ประหลาด ตามขอบของพรมมีลวดลายคล้ายๆกับสัญลักษณ์ โบราณบางอย่าง มีพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งวางอยู่ แลดูสะอาด สะอ้านและถูกทำความสะอาดจนแวววับ โซฟาทำมาจากไม้ มะฮอกกานีแกะสลักแบบดั้งเดิมและผ้าฝ้าย บันไดก็ทำมาจากไม้ มะฮอกกานีเช่นกัน ทุกที่ล้วนแต่มีลวดลายของดอกไม้ ดูแล้วช่าง น่าปวดหัวเหลือเกิน กลางห้องโถงมีโคมระย้าอันใหญ่ห้อยอยู่ ผมคิดในใจถ้าของสิ่งนั้นตกลงมาคงจะทับคนตายแน่นอน

“จากนี้คิดซะว่าที่นี่คือบ้านของตัวเองนะ!” เธอหยิบเครื่องดื่ม ออกมาจากตู้เย็นให้กับผม ผมดื่มแล้วจ้องมองไปรอบๆห้อง “สวยมากเลย!”

เธอนั่งลงบนโซฟา จากนั้นจึงตบโซฟาแล้วพูด “มานั่งนี่สิ!”

ผมพยักหน้า หลังจากนั่งลงแล้ว เธอมองไปรอบๆแล้วพูด “ทั้งหมดนี้เป็นของมาจากประเทศแถบอาเซียน พวกมันถูกขนส่ง มาหมดเลย!”

“เธอเชื่อในศาสนาพุทธมั้ย?ผมถามเธอ
“งั้นๆนะ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง!” พูดๆอยู่เธอจึงลุกขึ้นมายืน จาก นั้นเดินไปอยู่ตรงหน้าพระพุทธรูป เธอจุดธูป เธอเรียกให้ผมเดิน มาตรงนั้น “เจียเหลียง มาน มาไหว้คุณป้ากวนอิมหน่อย!

เธอทำให้ผมหัวเราะออกมา ผมเดินเข้าไป จากนั้นจึงค่านับ ด้วยความเคารพ

เธอตบมือแล้วพูด “โอเค คุณป้าบอกว่านายคือเด็กดีคนหนึ่ง

ท่านให้ฉันดูแลนายดีดี OK! ” ผมหัวเราะแล้วพูด “เธอไปเป็นญาติกับเขาได้ยังไงกัน?”

“มันแน่นอน พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันก็แซ่กวน เหมือนกัน ! ” เธอพูดๆอยู่จึงเอามือมาลูบศีรษะของผม

ผมคิดว่าเธอเป็นคนที่ร่าเริงสนุกนานมากจริงๆ เวลาที่ผมอยู่ กับพี่เหมย ผมจะรู้สึกผ่อนคลายมาก ในตอนนั้นเรื่องน่ากลัว ต่างๆยังไม่คืบคลานเข้ามา ผมรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังอยู่บน สวรรค์ ผมกลายเป็นเด็กน้อยที่ลืมทางกลับบ้าน

พี่เหมยพาผมเดินชมชั้นบนของบ้าน ห้องไหนใช้ทำอะไรบ้าง

ข้าวของชิ้นไหนมาจากไหนบ้าง เธอชอบสีอะไรบ้าง เป็นต้น เธอ

พูดสิ่งต่างๆมากมาย มีบางห้องที่เธอไม่ได้พาผมเข้าไป เธอพูด

ให้ผมรู้สึกกลัว “ห้องเหล่านี้ห้ามเข้านะ เดิมทีเป็นห้องของคุณ

ยายของฉัน หลังจากที่คุณยายเสียแล้วเธอไม่ชอบให้ใครเข้าไป

ในห้องของเธอ!” ผมรู้สึกตกใจกลัวจนขนลุก เธอหัวเราะออกมา

แล้วดีดไปที่ศีรษะของผม จากนั้นพูด “ไม่เป็นไรแล้ว เห้อ!”

สุดท้ายผมก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ดี ต่อมาผมจึงเดินตามเธอเข้าไปในห้องนอนของเธอ นี่คือสถานที่ที่สำคัญที่สุด หลังจากที่ผมเดิน เข้ามาแล้วเธอจึงล็อกประตูห้องเอาไว้ เธอนอนอยู่บนเตียง จาก นั้นหายใจเข้าแล้วพูด “จะเอาอีกรอบมั้ย?”

ผมกัดริมฝีปาก จากนั้นตอบเหมือนคนตะกละว่า “เอา!”

จากนั้น เราสองคนกอดกันแล้วจูบกันอย่างดูดดื่ม จากนั้นพลิก ตัวไปมา ท้ายที่สุดผมกอดเธอจากด้านบน ผมโยกไปมาจน ทำให้หัวเตียงของเธอมีเสียงดังออกมา เธอคงกลัวคนข้างนอก ได้ยินจึงร้องครางออกมาเบามากจนแทบจะไม่ได้ยินเสียง เธอ กัดไหล่ของผมอย่างแรง เชี่ย เหมือนกับว่าไหล่ของผมจะมีเลือด ไหลออกมา

วันเวลาเหล่านั้นผมรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก ทุกๆวันใช้ ชีวิตอย่างมีระเบียบแบบแผน ตอนกลางคืนนั่งดูทีวีกับพี่เหมย กินข้าว จากนั้นก็ ส่วนในช่วงกลางวันพวกเราขับรถออกไปช็อป ปิ้ง เธอพาผมไปเปลี่ยนโฉมกลายเป็นคนใหม่ เธอพาผมไป ตัดผมให้สั้นและดูดีมีออร่า แลดูเป็นผู้ชายสดใสแข็งแรงมาก ใน ช่วงบ่ายพวกเราไปตกปลาที่ริมแม่น้ำ ถ้าไม่ไปตกปลาก็ไปตี เทนนิสกัน ในตอนเริ่มต้นผมตีไม่ค่อยเป็น เธอจึงสอนผมตี เทนนิส ต่อมาผมจึงเริ่มตีเก่งขึ้น

เมื่อเธอแพ้ เธอจึงกระทืบเท้ากับพื้นด้วยความโมโห เธอบอก ว่าผมไม่ควรจะรังแกเธอ บางครั้งเธอตีจนเหนื่อย เธอจึงกระโดด ขึ้นมาขี่หลังของผม เอามือทุบผมเล่น ผมรู้สึกมีความสุขมากแล้ว ดื่มกับความรู้สึกเหล่านี้
ในช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตก บางครั้งพวกเราไปเดินเล่นด้วย กัน ที่นั่นไร้ซึ่งผู้คน ผมก็ไม่รู้สึกกลัวอะไร ผมโอบเธอแล้วเดินเล่น ไปด้วยกัน บางครั้งก็วิ่งไล่กันราวกับเป็นเด็กน้อยสองคน พวก เราดูเหมือนเป็นแฟนกันมาก เธอดูไม่แก่เลยสักนิด เธอมีพละ กำลังและสดใสกว่าผมซะอีก ผมตกหลุมรักเธอขึ้นมาจริงๆ ผม รักผู้หญิงคนนี้ แต่พวกเราสองคนก็ไม่มีใครพูดคำว่ารักออกมา ไม่เคยพูดจริงๆ

สําหรับเรื่องงานของเธอ ผมเองก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย เธอ บอกกับผมอย่างเรียบง่ายหลายหน พูดจาคลุมเครือไม่ชัดเจน ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

วันเวลาที่ดีเหล่านั้นผมรู้สึกคิดถึงมันเหลือเกิน ผมกลัวเวลาที่ เดินไปข้างหน้า ผมดื่มกับช่วงเวลาเหล่านี้ในทุกๆวัน จน กระทั่งวันหนึ่งผมกลับมาจากข้างนอก ผมเห็นไอ้คนสารเลวคน นั้นที่ผมไม่มีวันลืม

คือเขาที่ทำให้ผมต้องติดยา ตอนนี้คนคนนั้นปรากฏตัวอยู่ใน สวนของพี่เหมย ผมอยากจะพุ่งเข้าไปเพื่อฆ่าเขาให้ตายจริงๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ