จากวันนี้ไป นายเป็นสามีเก่าแล้ว

บทที่5 ไปร่วมงานเลี้ยง



บทที่5 ไปร่วมงานเลี้ยง

หล่อนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? เสิ่นอีเลยรู้สึกระแวงอย่างแรง

ผู้หญิงคนนั้นเหยียบรองเท้าส้นสูงเดินมายืนตรงหน้าเธอ ยิ้ม หวานแต่กลับบาดใจเธอนัก

“คุณเงิน ไม่เจอกันนานนะคะ เมื่อวานเจอคุณที่โรงแรม ยัง ไม่ทันได้ทักทายอะไรกันเลย!

เธอไม่ได้สนใจหล่อน คิดจะเดินไปข้างหน้า แต่กลับโดนหล่อน ดึงแขนไว้

“สองปีมานี้ฉันอยู่ที่เมืองนอกตลอด เลยไม่ได้ติดต่อเพื่อนทาง

นี้เลย ไม่รู้ว่าสองปีมานี้คุณเป็นเป็นยังไงบ้างหรอ?”

สอันจึงทำหน้าสบายๆ แต่สายตาบอกชัดกำลังเยาะหยัน

เสิ่นอีเวยสะบัดแขนหล่อนออกอย่างแรง สวนกลับไปหนึ่งค่ ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ฉันจะอยู่ยังไงก็ไม่รบกวนเธอมาเป็นห่วง หรอก”

“ทำร้ายพี่สาวตัวเองเพื่อผู้ชาย? แถมยังต้องยอมโดนคนด่า ประณาม? ชื่อเสียงตกต่ำไม่เหลือดีเนี่ยนะ?” สอนนิ่งขุดมาพูดที ละเรื่อง ล้วนเป็นสิ่งที่เสิ่นอีเวยเจอมาตลอดสองปีนี้ทั้งนั้น

เสิ่นอีเวยสูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าเย็นเยียบลง เธอเดินเข้า ใกล้สอันฉิง ใช้เสียงเบาแบบแน่ใจว่าอีกฝ่ายได้ยินพูดว่า “สอันฉ่ง กระดาษห่อไฟไม่ผิดหรอก ตอนนั้นฉันสลบไปแล้วก็จริง แต่ยังพอมีสติอยู่นะ เธอทำอะไร พูดอะไรไม่ได้มีแต่เธอที่รู้หรอก นะ”

สอนนิ่งอึ้งไป แววตาแวบประกายแค้นขึ้นมาวูบหนึ่ง สาม สาวที่เมาท์แตกเมื่อกี้เห็นประกายไฟออกจากสองสาวข้างหน้า

เลยตัดสินใจเดินเลียบค่าแพงออกไปอย่างเงียบๆ

“แต่ไม่มีใครเชื่อเธอนี่ แม้แต่เพิ่งเจ๋อเฉิงสามีเธอก็ไม่เชื่อเธอ เธอน่าจะทุกข์ทรมาณพอดูนะจริงไหม? ฮะๆ…”

เชิงเจ๋อเฉิงสามคนบาดใจเธอนัก เธอเป็นสายตาไปทางอื่น พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง

ทางเดินที่เงียบงันจนขนาดเข็มตกสักเล่มคงได้ยิน

“ฉันกลับประเทศมาเจอเพื่อนเก่า พี่สาวเธอน่าจะยังนอนอยู่ที่ โรงพยาบาล ดังนั้นเลยได้แต่มาหาเธอ ต่อไปเรามีโอกาสเจอกัน อีกเยอะ”

น้ำเสียงของสอนฉิงพูดราบเรียบ แต่เสิ่นอีเวยฟังแล้วอยาก จะอาเจียน

หลังจากสวอันฉิงเดินจากไป เธอยืนพิงกำแพงอย่างอ่อนแรง แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น กะจะเนียนทรุดลงไปพักสักหน่อย กลับเห็นเวลาบนนาฬิกาข้อมือ

หกโมงห้าสิบนาที

งานเลี้ยง!
เงินอีเวยคืนสติเฉียบพลัน เพิ่งเจ๋อเฉิงเกลียดคนมาสายที่สุด โดยเฉพาะเขายังกำชับเธอเมื่อวานอีก

ซวยแล้วๆ

เงินอีเวยรีบกลับบริษัทเก็บของ และเรียกรถไปที่ร้านชุดราตรี

โดยด่วน เธอเป็นลูกค้าขาประจำของที่นี่ ดังนั้นเจ้าของร้านเลย เตรียมชุดตามที่เธอโทรสั่งระหว่างทางไว้เรียบร้อยแล้ว

เธอมาปรากฏตัวที่หน้าประตูทางเข้างานก็ตอนสองทุ่มสอง

นาที

พอเห็นสีหน้าเขา เธอแอบตัวลีบไป เขาเกลียดคนมาสายที่สุด ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนก็ตาม

เธอใส่ชุดราตรีสีดำ สะท้อนเรือนร่างสะโอดสะองออกมา

ทำให้ดูเหมือนหงส์ดำที่สง่าเชิดหยิ่ง

สายตาของเขากลับไม่ได้หยุดที่เธอเลย เสิ่นอีเวยทำหน้าเรียบ เฉย แต่แอบผิดหวังในใจ

เสิ่นอีเวยควงแขนเขาเดินเข้างาน บรรดาลูกคุณหนูคุณชายทั้ง

หลายมองตรงมาเป็นทางเดียว

เดิมเสิ่นอีเวยไม่ค่อยชอบที่ที่คนแปลกหน้าพลุกพล่านขนาดนี้ เลยพูดอะไรไม่ได้มาก ได้แต่ทักทายตามที่เพิ่งเจ๋อเฉิงแนะนำ

ตอนแรกเธอดีใจที่เขายอมพาเธอออกงาน แต่พอคิดดูดีๆ ใน สายตาคนนอกเขาเป็นคนที่เพอร์เฟคส์ไปทุกอย่าง แถมยังเฉียบ ขาดอีกด้วย ดังนั้นเขาไม่มีทางยอมให้คนนอกเอาเขาไปนินทาว่าไม่ใส่ใจภรรยาและครอบครัวแน่นอน

นี่เป็นสาเหตุหลักที่เขายอมพาเธอออกงานล่ะมั้ง ไม่ใช่เพราะ ว่าสนใจแต่เป็นเพราะต้องการหุบปากคนนอกนี่เอง พอคิดถึงตรงนี้ สีหน้าเสิ่นอีเวยราบเรียบลง ดูไม่มีชีวิตชีวาเลย

“เธอทําหน้าอะไรน่ะ?”

เสียงเขาขึ้นข้างหูอย่างไม่พอใจ

เธอเงยหน้ามองเขา พยายามยิ้มรับ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าน่า เกลียดแน่

“ฉันไม่สนว่าอยู่บ้านเธอจะเป็นยังไง อยู่ในที่แบบนี้ ต่อให้ต้อง เล่นละคร เธอก็ต้องแสดงให้ดี

เสิ่นอีเวยทำท่าจะพูดต่อ แต่หางตาเหลือบไปเห็นผู้หญิงคน

หนึ่งเดินมาจากทางซ้ายของพวกเขา

พอเธอหันไปก็สบตากับหล่อนเข้าพอดี และอึ้งกิมกี่ไปเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ