จากวันนี้ไป นายเป็นสามีเก่าแล้ว

บทที่14 ไปคุยต่อหน้ากับสบู่อันนิ่ง



บทที่14 ไปคุยต่อหน้ากับสบู่อันนิ่ง

เงินอีเวยที่วิ่งออกจากคฤหาสน์มีความรู้สึกเหมือนวิ่งหนีตายออก จากกรุงที่ขังเธอมานาน

ต่อมาก็ต้องไปถามสวอันนิ่งให้แน่ใจเรื่องตอนนั้น ถึงจะพอรู้ ว่าหล่อนคงไม่ยอมเปิดเผยความจริง แต่เธอไม่สามารถรออยู่ เฉยๆได้

เสิ่นอีเวยหยิบมือถือมือสั่นออกมา โทรหาหล่อน นัดกันเจอที่ ร้านกาแฟ ยี่สิบนาทีหลังจากนั้น สบู่อันนึงก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ

เพราะเป็นวันธรรมดา คนในร้านเลยค่อนข้างน้อย บรรยากาศ เลยเงียบ

เสิ่นอีเวยเปิดประเด็นก่อนเลย

“วันนี้ฉันนัดเธอออกมาเพื่อจะถามเรื่องนั้นเมื่อสองปีก่อน สวอันฉิงวางถ้วยกาแฟลง มองพลางยิ้มให้เธอ

“คุณเสิ่นดูจะเลอะเลือนนะคะ สองปีก่อนไม่ใช่เพราะว่าคุณ อิจฉาพี่สาวตัวเอง เลยทำร้ายเธอซะขนาดนั้น สุดท้ายตัวเองเลย ชนะได้แต่งงานกับเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ใช่หรือคะ?”

เสิ่นอีเวยหน้าตาเย็นชา “อย่ามาพูดพล่อยๆนะ ความจริงมัน ไม่ใช่อย่างงั้น เธอกล้าถามศีลธรรมในใจเธอไหมว่าเธอไม่เคย ทําอะไรเลย?”
สวีอันจึงเอนหลังพิงเก้าอี้เน้อยๆ พลางว่า “เธอช่วยคิด เคลียร์ๆหน่อย ที่เกิดเหตุน่ะรอยนิ้วมือบนแก้วเสิ่นหุ้ยเป็นของเธอ นี่เป็นหลักฐานนะ เธอชอบเชิงเจ๋อเฉิง แต่ในใจเขามีแต่พี่สาวเธอ เธอไม่ยอมแพ้ นี่คือแรงจูงใจ เบาะแสทุกอย่างพุ่งไปที่เธอ เธอจะ มาจับฉันส่งตำรวจไปมอบตัวไม่ได้นะจริงไหม?”

“แต่คืนนั้นฉันไม่ได้เมานะ ตอนฉันยังมีสติได้กลิ่นน้ำหอมเธอ ฉันรู้ว่าห้องมืด แต่ฉันไม่ได้พึ่งเจอเธอครั้งแรก ฉันคุ้นกับกลิ่นน้ำ หอมอเธอมาก”

สวีอันจิงหัวเราะหยัน “เงินอีเวยเธอเล่นตลกหรอ? แค่กลิ่น น้ำหอมก็มาโบ้ยว่าฉันเคยเข้าไปในห้องนั้น? ฉันถามเธอว่า เดียว เสิ่นหุ้ยเป็นเพื่อนรักฉัน ฉันมีเหตุผลอะไรที่จะทำร้ายเธอ?”

เสิ่นอีเวยถึงจะรู้อยู่แล้วว่าสอันจึงต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้ แต่ เธอก็ยังอดเสียใจไม่ได้ เธอกำหมัดแน่นบอกตัวเองให้สงบลง แต่ก็ดูไม่ค่อยได้ผลนัก

เงินอีเวยลุกไปเข้าห้องน้ำ เธออยากไปล้างหน้าสงบสติ อารมณ์ แต่ไม่ได้รับรู้เลยว่าตอนตัวเองหันหลังไป สอนนิ่งมี สีหน้ายิ้มแบบมีแผนการ

พอกลับมาจากห้องน้ำ เธอก็รู้ว่าคงถามไม่ได้เรื่องอะไรแล้ว เลยจะกะขอตัวกลับ

“สอันฉิง ฉันยังยืนยันคำพูดเดิม ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว หวัง ว่าที่เธอบอกว่าไม่ได้ทำอะไรจะเป็นเรื่องจริง

สอันนิ่งมองเสิ่นอีเวยพลางยิ้มน้อยๆ
พอจะลุกขึ้น เสิ่นอีเวยถึงรู้ตัวว่าไม่ชอบมาพากล เธอรู้สึกมึน หัวเหมือนจะเป็นลม รีบคว้าโต๊ะพยุงตัวไว้

“อ้าว คุณเงินเป็นอะไรหรอ?” สวอนจึงทำหน้าเป็นห่วงเป็นใย แต่ไม่คิดจะมาช่วยพยุงเลยสักนิด

เงินอีเวยมองหน้ายิ้มเล่ห์ของหล่อน ก่อนก้มมองแก้วกาแฟตัว เอง และเข้าใจในบัดดล

เสี่นอีเวยพูดแทบไม่ออก “สอนนิ่ง…เธอใส่อะไรลงไปในแก้ว

กาแฟ น?”

ตอนนี้เธอแทบยืนไม่อยู่แล้ว ทั้งตัวไร้เรี่ยวแรง สอนนิ่งรู้ว่า ได้การแล้ว เลยหยิบมือถือออกมา โทร

“ตอนนี้มาได้แล้ว”

ไม่นาน ก็มีบอดี้การ์ดสองคนเข้ามา เสิ่นอีเวยรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี

ทั้งสองคนไม่พูดอะไร ตรงเข้ามาหิ้วปีกเธอไปด้านนอก เธอได้ เรี่ยวแรงต้านทานเพราะฤทธิ์ยา อ่อนปวกเปียกไปทั้งร่าง

เธอโดนโยนลงเบาะหลังอย่างไม่ปราณี ไม่นานรถก็เคลื่อนตัว

เธอรู้ว่ามันไม่ชอบมาพากล พยายามเอื้อมมือไปเปิดประตู แต่ ทํายังไงก็ทําไม่ได้

ผู้ชายสองคนเมื่อกี้ไม่ได้ขึ้นรถ ทั้งคันมีแต่เธอกับสอนนิ่ง

“สอนฉิง เธอคิดจะทำอะไรกันแน่… สอันฉิงยิ้มแล้ว “แต่งงานกับเซิ่งเจ๋อเฉิงมาสองปีไม่เห็นเธอท้องซะที ฉันเดาคงเพราะว่าเขาไม่แตะต้องเธอเลยล่ะ ? เธอคง เหงามากสินะ?”

เธออยากสวนกลับ แต่ไม่มีแรงจะพูดเลย

สอนฉิงหันมามองเธอ ก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายลึกว่า “รู้สึกไม่ สบายล่ะสิ? วางใจเถอะ เดี๋ยวเธอก็จะได้รู้ว่าอะไรที่เรียกตายทั้งเป็นแล้วล่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ