ตอนที่ 9 เรื่องที่ไม่คาดคิด
เสี่ยวหนานรู้สึกว่าเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี ดวงตาที่คมลึกมีความ เศร้าอยู่ในนั้น ราวกับว่ามีเรื่องกวนใจที่ซ่อนเอาไว้เยอะมาก
“คุณ……..อารมณ์ไม่ดีเหรอ”
เสี่ยวหนานตักมันฝรั่งทอดมาใส่ชามของตัวเอง และยังคงอด ไม่ได้ที่จะถามเขา
จิ้งอี้เซวียน หันมามองเธอ
“เห็นท่าทางคุณดูไม่ค่อยดี” เสี่ยวหนานก็พูดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“กินข้าวเถอะ”
จิ่งอี้เซวียน สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร
เขาไม่อยากบอกเธอ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขาเห็นชีวิตหนึ่ง ตายอยู่ในมือของเขาต่อหน้า และเขา หมอที่ช่วยชีวิตคน คนไข้ที่ อยู่บนเตียงผ่าตัดตรงหน้า ก็ได้กลับไปสู่สวรรค์
ความรู้สึกโดดเดี่ยวของชีวิตนั้นที่ตายไป เขาคิดว่าในฐานะ หมอ เขาควรจะเคยชินกับมันนานแล้ว แต่ว่า เขากลับพบว่าเขา ยังไม่สามารถรู้สึกเคยชินกับมันได้สักที
ในใจมีความรู้สึกที่หนักอึ้งจนไม่สามารถพูดออกมาได้ เหมือน มีอะไรกดทับหน้าอกเขาไว้ จนทำให้เขาหายใจไม่ค่อยสะดวก เล็กน้อย
เห็นจิ้งอี้เซวียน ไม่อยากพูด เสี่ยวหนานก็ไม่ได้ถามต่อ จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะเอามาใส่ใจ
เธอก้มหน้า แสร้งทำเป็นกินข้าว แต่ในใจกลับกระสับกระส่าย
เพราะเขา
สายตาของจิ้งอี้เซวียน มองไปที่ใบหน้ารูปไข่ของเสี่ยวหนาน มองอย่างพิจารณา หัวใจรู้สึกหนักอึ้ง เหมือนกับว่าคำพูดที่ดูเป็น ห่วงเป็นใยของเธอค่อยๆกระจายออกไป จนรู้สึกเหมือนเมฆเปิด แล้วเจอแสงสว่างในชีวิต
เสี่ยวหนานกินเสร็จ บนโต๊ะยังเหลือแค่ครึ่งหนึ่ง สรุปจิ้งอี้เซ วียน ก็ไม่ได้กินอะไร เพียงแค่นั่งมองเธอกินข้าวที่อยู่ตรงข้าม เท่านั้น
เสี่ยวหนานใช้ผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ดปาก ถึงได้ถามเรื่องงาน ตกแต่งกับเขาต่อ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะของเขาก็ ดังขึ้นมา
เป็นสายจากแผนกของโรงพยาบาลที่โทรเข้ามา
“พี่รองรีบกลับมาด่วน คนไข้คนหนึ่งของคุณเกิดเรื่องแล้ว อาจจะต้องทําการผ่าตัดด่วน” โทรศัพท์ปลายสายเป็นไข่หลิง ที่ อยู่ในแผนกเดียวกัน มีศักดิ์เป็นพี่สาม
“คนไข้คนไหน” จิ้งอี้เซวียน ขมวดคิ้วแน่น
“คุณป้าที่ขายผัก เตียงที่ 18 ชั้นสิบ”
“ฉันรู้แล้ว คุณเตรียมการผ่าตัดไปก่อน ฉันจะรีบกลับไปเดี๋ยว
“โอเค”
จิ่งอี้เซวียน กดวางสายอย่างรวดเร็ว
“ที่โรงพยาบาลมีเรื่องด่วนเหรอ” เสี่ยวหนานคาดว่าการพูด คุยในครั้งนี้จะต้องพักเอาไว้ก่อน
“อืม คนไข้ต้องทำการผ่าตัดด่วน” จึงอี้เซวียน เก็บโทรศัพท์ ลุกขึ้น ก้มหน้าลงมามองเสี่ยวหนานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “คุณหยี สำหรับเรื่องงานที่ฉันจะให้ตกแต่งใหม่ ครั้งหน้าถ้ามีเวลาฉัน ค่อยมาหาคุณ ใหม่”
“อืม ได้ค่ะ” เสี่ยวหนานพยักหน้า เข้าใจว่าเขารีบร้อนมากพอ สมควร
จิ้งอี้เซวียน พยักหน้าตอบ แล้วเดินออกจากโต๊ะอาหารไป เดิน
ตรงไปทางเคาน์เตอร์เก็บเงิน
แผ่นหลังที่ตรงและกว้างของเขา ค่อยๆหายไปจากประตูร้าน อาหาร เสี่ยวหนานซักสายตากลับมาอย่างไม่อยากละสายตา ใน ใจรู้สึกเหมือนได้สูญเสียเขาไปอีกครั้ง
หลังจากสิบนาทีที่จิ้งอี้เซวียน รีบมาที่โรงพยาบาล เขาเข้าไป ในห้องผ่าตัด หลังจากเปลี่ยนมาเป็นชุดผ่าตัดสีน้ำเงินที่ปลอด เชื้อ ก็เข้ามาทําความสะอาดและฆ่าเชื้อที่มือ
พี่สามใช่หลิง ก็เปลี่ยนชุดปลอดเชื้อเสร็จเรียบร้อยและเดินเข้า มาด้วยเช่นกัน “พี่รอง การผ่าตัดวันนี้ในตอนบ่ายก็ไม่ต้องเอามาใส่ใจเลย พวกเราเป็นแค่หมอไม่ใช่ผู้กอบกู้โลก พยายามอย่าง สุดความสามารถแล้ว”
“วางใจได้ ผลกระทบจะไม่เกิดขึ้นกับการผ่าตัดครั้งนี้แน่นอน
จิ้งอี้เซวียน หยิบแปรงที่อยู่ข้างๆขึ้นมา แล้วขัดไปที่แขนของ ตัวเองทั่วๆ
“อ้อ ใช่แล้ว ครอบครัวของผู้ป่วยไม่ได้อาละวาดใช่ไหม” จิ้งอี้ เซวียน ถามขึ้นอีกครั้ง
“ไม่อาละวาด ทุกคนอาจจะเตรียมทำใจมานานแล้ว
“อืม” จิ่งอี้เซวียน พูดเสียงทุ้มต่ำอีกครั้ง
ไข่หลิง มองเขาแล้วยิ้มขึ้นมา “เห็นสีหน้าของคุณดีกว่าสีหน้า ที่เพิ่งออกจากห้องผ่าตัด ทำไม เจอเรื่องอะไรดีๆมางั้นเหรอ”
“ไม่มี” จิ้งอี้เซวียน ไม่ยอมรับ “เพียงแค่อารมณ์เย็นขึ้นกว่า
ตอนบ่ายเท่านั้นเอง” เขาเงยหน้ามองตัวเองในกระจก ในใจรู้สึก เต้นเป็นจังหวะ
ปิดน้ำ ฆ่าเชื้อเสร็จ เขาก็ยกสองแขนขึ้นค้างไว้ แล้วเดินไปข้าง
ในห้องผ่าตัด “ฉันไปก่อน คุณก็รีบตามมา”
“อืม โอเค”
พลบค่ำเวลาหนึ่งทุ่ม ครอบครัวหนึ่งสามคนกำลังกินข้าวตรงโต๊ะอาหาร
เสี่ยวหนานตักข้าวมาใส่ในชามอย่างรวดเร็ว “แม่ ฉันยังมีหา งานเสริมที่ต้องทำ พวกคุณก็นอนไปก่อน ไม่ต้องรอฉัน คืนนี้ฉัน ไม่กลับ ทำเสร็จก็จะไปหาหยังหยังที่โรงพยาบาลเลย
“เสี่ยวหนานคุณกินช้าๆหน่อย” คุณแม่หยี ฉินหลาน พูดเตือน เธอ พูดเสียงต่ำและถอนหายใจออกมา “คุณคิดว่า บ้านของผู้ หญิงคนหนึ่งที่มีฐานะก็ดี ทำไมต้องทรมานตัวเอง โดยการทำงาน หนักแบบนี้”
“แม่ ฉันไม่เป็นไร ลูกสาวของคุณน่ะแข็งแกร่งมาก” เสี่ยว หนานพูดปลอบแม่ของตัวเอง
“แข็งแกร่ง คุณคิดว่าตัวคุณเองเป็นเฮอร์คิวลิสงั้นสิ”หยีซีโร่ก็ อดไม่ได้ที่จะแขวะพี่สาว “คุณคิดตัวเอง หนึ่งปีมานี้คุณดูซูบ ผอมจนเหลือแต่กระดูก ปกติก็ไม่ดูแลตัวเองให้ดีอยู่แล้วด้วย
“หนานหนาน แม่คิดมานานแล้วว่า ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คุณต้องรับปากกับแม่ว่าจะไปดูตัว ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่คุณน้า หลิน เพื่อนข้างบ้านแนะนำมา แต่งงานมาแล้วสองครั้ง อายุ สามสิบแปดปี มีลูกสาวหนึ่งคน ฐานะทางบ้านถือว่าดีมาก ได้ยิน คุณน้าหลิน เขาเป็นคนที่ไม่เลวเลย คุ้มที่จะไปเจอนะ”
ฟังคำพูดของแม่ที่เกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุด ในใจของเสียว หนานรู้สึกอึดอัด “แม่ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ยอมไปดูตัวหรอกนะ คุณก็รู้ สุขภาพร่างกายของหยังหยังแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเราไม่ว่าจะคุย กับใครก็เป็นเพียงการลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเท่านั้น ฉันรู้สึก ยินดีตรงไหนที่ต้องไปดูตัว
“พี่ ปีนั้นฉันกับแม่ขอร้องคุณมาตลอดว่าอย่าเก็บหลังหญิงไว้ แต่คุณก็ไม่ฟัง ตอนนี้พอเกิดมาก็มาป่วยแบบนี้ แถมยังทำให้คุณ เหน่อย…… ค่าพูดของหยีซีโร่ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกฉินหลานพูด แทรกขึ้นมา ไม่ให้เธอคำหลังต่อ “คุณพูดอะไรออกมา ถ้าหยัง หยังได้ยินคำนี้เข้า คงจะเสียใจมาก
“พี่ คุณก็รู้ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น…..”หยีซีโร่กลัวพี่สาว จะเสียใจ รีบอธิบายกับเธอว่า “ฉันไม่ได้จะโทษหยังหลังฉันก็ ปวดใจแทนคุณ เห็นคุณลำบากขนาดนี้ ฉันที่เป็นน้องสาว ก็รู้สึก ไม่สบายใจไปด้วย”
“ฉันรู้” เสี่ยวหนานพยักหน้า “ฉันรู้ว่าคุณกับแม่เป็นห่วงฉัน เอาล่ะ พอเถอะ ฉันรับปากพวกคุณ รอให้อาการของหยังหยังดี ขึ้นกว่านี้หน่อย ฉันจะไปดูตัวทันที ไปดูตัวทุกวันเช้าสายบ่ายเย็น สามเวลาเลย ขอเวลาจัดการปัญหาของตัวเองภายในหนึ่งปีได้ ไหม”
ฟังคำพูดของเสี่ยวหนานคุณแม่หยีกับหยีซีโร่ต่างก็มองหน้า กัน และก็ไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย
ถ้ารอหลังจากอาการหยังหยังดีขึ้น…..แต่อาการป่วยนี้ มันจะ ดีขึ้นเมื่อไหร่กันล่ะ ตั้งแต่ตอนนี้คงจะไม่ดีขึ้นแล้วใช่ไหม
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ