บทที่8 ซื้อชุดใหม่ให้ฉีฉี
บทที่8 ซื้อชุดใหม่ให้ฉีฉี
วันต่อมาหลินอี้จุนไปทำงานตามปกติ แต่เธอยังโกรธลู่เฉินอยู่ มากถึงขนาดออกไปโดยไม่จัดเตรียมอาหารเช้าไว้
ลู่เฉินตื่นมาทำอาหารเช้าและส่งฉีฉีไปโรงเรียนหลังจากพวก เขารับประทานอาหารเสร็จ
เดิมทีครูใหญ่คิดตุกติกเล็กน้อยเนื่องจากเป็นการเข้าเรียนกลาง เทอม
แต่ลู่เฉินยื่นบัตรธนาคารให้เขาใบหนึ่งพร้อมบอกว่าข้างในมีเงิน อยู่หนึ่งแสน ครูใหญ่ไม่แม้แต่จะตรวจเช็กก็รีบตกลงทันที
“ฉีฉีคะ คุณพ่อพาหนูไปซื้อชุดใหม่สักสองชุด แล้วพรุ่งนี้เรามา เรียนหนังสือกันดีไหม” ลู่เฉินจูงมือน้อยๆ ของฉีฉีเดินเข้ามาใน ห้าง
“ดีค่ะคุณพ่อ ฉีฉือยากได้ชุดสวยๆ ชุดที่คุณยายซื้อให้ครั้งที่แล้ว ไม่เห็นสวยตรงไหนเลย” ฉีฉีพูดด้วยความดีใจ
“ได้ค่ะ งั้นเราไปเลือกชุดสวยๆ กันเลย คุณพ่อจะซื้อชุดที่สวยที่ สุดให้ฉีฉี” ลู่เฉินยิ้ม
“คุณพ่อ ฉีฉีขอเลือกเองนะคะ” เด็กน้อยพูด
“ได้ค่ะ เจ้าหญิงน้อยของพ่อชอบชุดไหน คุณพ่อก็ซื้อชุดนั้น ให้ ตกลงไหมคะ” ลู่เฉินอุ้มฉีฉีขึ้นมากอด เธอเพิ่งจะออกจากโรง พยาบาลได้ไม่กี่วัน เขาไม่อยากให้เธอเดินมากเกินไป
ไม่นานก็มาถึงห้างซินเทียนเจ๋อ ลู่เฉินพาฉีฉีไปที่ร้านขายเสื้อผ้า
เด็ก
ห้างซินเทียนเจ๋อนี้มีโซนเสื้อผ้าทั้งสิ้นสามชั้น ล้วนเป็นสินค้า นําเข้าราคาแพง และยังมีขนม โรงภาพยนตร์และสวนสนุกต่างๆ บรรยากาศครึกครื้นสนุกสนาน
“คุณพ่อคะ นั่นคุณน้า” ฉีฉีชี้ไปที่ร้านขายเสื้อผ้าสตรี
ลู่เฉินมองตามมือไป เขาเห็นหลินอี้เจียและเพื่อนของเธออีก สองสามคนเดินออกมาจากร้านเสื้อผ้า
“คุณน้าๆๆ” ฉีฉีร้องเรียกหลินอี้เจีย
หลินอี้เจียได้ยินเสียงของฉีฉีจึงยิ้มและเดินมาตามเสียงเรียก
“ฉีฉี มาให้น้าอุ้มหน่อยนะคะ” หลินอี้เจียอุ้มฉีฉีขึ้นมากอด
“คุณน้าก็มาซื้อเสื้อผ้าใหม่เหมือนกันเหรอคะ คุณพ่อก็พาฉีฉีมา
ซื้อเสื้อผ้าเหมือนกัน นิยม
“ใช่ค่ะ น้าซื้อเสื้อผ้าให้ฉีฉีด้วยนะ” หลินเจียพูด
“โอ้โห อี้เจีย นี่หลานที่เธอพูดถึงบ่อยๆ ใช่ไหมเนี่ย น่ารักที่สุด
เพื่อนๆ ของหลินเจียเข้ามาล้อมรอบไว้บ้างยิ้มให้บ้างจับ แก้มทำให้ฉีฉีกลัวและรีบหลบ พวกเธอยิ่งสนุกมากขึ้น
“คุณน้า ฉีฉีจะให้คุณพ่ออุ้ม
ฉีฉีมองดูบรรดาสาวๆ ที่แกล้งเธอ ทำให้เธอไม่อยากอยู่ใน อ้อมอกของหลินอี้เจียต่อ
“ฉีฉีคะ น้าพาไปซื้อชุดสวยๆ นะ ไม่ต้องไปสนใจคุณพ่อหรอก” หลินอี้เจียโอ้เธอ
“ไม่เอาค่ะ จะเอาคุณพ่อ” ฉีฉีบิดตัวพยายามจะให้หลินอี้เจียวาง เธอลง
หลินอี้เจียไม่รู้จะทำอย่างไร ทำได้เพียงยื่นคืนมาให้ลู่เฉิน ใช้ สายตาดูถูกกวาดมองไปที่เขา
ลู่เฉินไม่อยากเสียเวลาใส่ใจหลินอี้เจีย เขาอุ้มฉีฉีเดินไปทาง ร้านเสื้อผ้าเด็ก
“ลู่เฉิน เสื้อผ้าร้านนี้เป็นแบรนด์ดังนำเข้าจากอิตาลี ถูกสุดก็น่าจะ หลายพันอยู่ คุณมีปัญญาซื้อเหรอ ? ” หลินอี้เจียตะโกนตามหลัง ไป
เธอรู้ดีว่าลู่เฉินไม่ได้ทำงานมาพักหนึ่งแล้ว เงินที่ใช้อยู่ล้วนเป็น ของพี่สาวเธอที่ทำงานมาได้ทั้งนั้น
ที่สำคัญคือตอนรักษาฉีฉี ลู่เฉินก็ได้ไปหยิบยืมเงินคนอื่นมา หลายแสนแล้ว !
เมื่อเห็นลู่เฉินจะใช้เงินซื้อเสื้อผ้าโดยสรุ่ยสุร่ายยิ่งทำให้เธอรู้สึก
ไม่ดี
“ผมมีปัญญาซื้อ” ลู่เฉินพูดเรียบๆ
“มีปัญญาซื้อ?” หลินอี้เจียเดินตรงไปพร้อมกับพูดจาประชด ประชันว่า “คุณจะซื้อเสื้อผ้าแพงๆ พวกนี้ให้ฉีฉี ถามพี่สาวฉันดู หรือยัง?”
ลู่เฉินเบื่อที่จะสนใจเธอ เดินตรงเข้าร้านไป
“อี้เจีย พี่เขยเธอรวยนี่นา ได้ยินมาว่าเสื้อผ้าเด็กร้านนี้แพงหูฉี่ เลยนะ ชุดหนึ่งอย่างน้อยก็หลายพัน เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
“มีเงินบ้าอะไรกัน” หูหงหัวเราะเยาะ ได้ยินมาว่าตอนนี้ติดหนี้ เขาตั้งหลายแสน งานการก็ไม่ทำ อยู่บ้านงอมืองอเท้าขอเงินเมีย ใช้นี่”
“หา ผู้ชายที่ไหนไม่ทำงาน รอให้ผู้หญิงเลี้ยงเนี่ยนะ?” เพื่อนอีก คนหนึ่งอุทานขึ้น
“ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าจะมีผู้ชายประเภทนี้อยู่ ขยะชัดๆ” อีกกี่คนที่ เหลือส่ายหัวอือออตามกันไป
บางคนคิดในใจว่า ถ้าในอนาคตพวกเธอมีสามีไร้ความสามารถ เช่นนี้ คงเขี่ยทิ้งไปนานแล้ว
ลู่เฉินได้ยินดังนั้นรู้สึกรำคาญใจจนสีหน้าเปลี่ยนไป
หลินอี้เจียมักพูดจาดูถูกเสียดสีเช่นนี้เป็นประจำ ในฐานะพี่เขย เขาพยายามหลีกเลี่ยงเธอมาตลอด แต่ในวันนี้เธอหยามศักดิ์ศรี กันต่อหน้าสาธารณชน อาจทำกันเกินไปหน่อย
“คุณพ่อขา ฉีฉือยากได้ชุดนี้” ขณะที่ลู่เฉินกำลังจะเอ่ยบางอย่าง ออกมานั้น ฉีฉีได้ชี้ไปที่ชุดสีขาวชุดหนึ่ง
“ได้ค่ะ” ลู่เฉินพยายามกลั้นความโกรธไว้ในใจ เขาพยักหน้าแล้ว เดินไปทางชุดที่ลูกสาวเลือก
“คุณผู้ชายคะ ชุดนี้เป็นสินค้านำเข้าจากอิตาลีใหม่ล่าสุด เพิ่งมา ถึงเมื่อวานนี้เอง ลองให้คุณหนูใส่ดูไหมคะ ? ” พนักงานสาวแสน สวยยิ้มแนะนําชุด
ลู่เฉินพยักหน้า พนักงานแนะนำกำลังจัดเตรียมเสื้อผ้าเพื่อพา ฉีฉีไปยังห้องลองชุด มีสามีภรรยาคู่หนึ่งจูงมือเด็กวัยหญิงสามสี่ ขวบเข้ามา
“คุณแม่ขา หนูก็อยากได้ชุดนั้นเหมือนกัน” เด็กน้อยชี้มาทางชุด ที่พนักงานถืออยู่ในมือ
“น้องคะ ช่วยคิดเงินชุดนั้นให้หน่อย” ผู้หญิงที่ดูท่าทางมีเงินคน นั้นพูดขึ้นกับพนักงานแนะนำชุด
พนักงานมองมาที่ลู่เฉินแล้วรู้สึกลำบากใจ
เพราะลู่เฉินได้เลือกชุดนี้ก่อนแล้วกำลังจะไปลองชุดด้วย “คุณพ่อขา หนูก็จะเอาชุดนี้” ฉีฉีเห็นคนอื่นแย่งของกับเธอ ก็ดึง มือลู่เฉินสายไปมา
“ขอโทษนะครับ ลูกสาวผมแกเห็นและเลือกชุดนี้ก่อนและกำลัง จะไปลองชุด พวกคุณลองเลือกชุดอื่นดูนะครับ” ลู่เฉินพูดกับแม่ ของเด็กคนนั้น
“ลองชุดเหรอ ? คนระดับรากหญ้าอย่างพวกคุณต่อให้ลองไปก็ ไม่มีปัญญาซื้อหรอก ยังชอบมาลองกันอยู่ได้ ทำชุดเลอะเปล่าๆ” ผู้หญิงคนนั้นเชิดใส่แล้วใช้สายตาดูถูกมองมาที่เฉิน
เขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา เธอคิดว่ายังไงเขาก็ไม่มีเงินซื้อ ชุดแพงๆ แบบนี้แน่นอน
“ถ้าไม่ลองใส่ดูจะรู้ได้ยังไงว่าพอดีตัวไหม?” หลินอี้เจียเดินตาม เข้ามาด้วยอารมณ์หงุดหงิด
แม้จะไม่ชอบลู่เฉินนัก แต่เธอก็ไม่สามารถเห็นคนอื่นมารังแกฉีฉี ต่อหน้าต่อตาได้
“ใส่ไม่ได้ก็ทิ้งไปสิ ไม่เห็นจะยากตรงไหน เด็กๆ ควรได้รู้คุณค่า แท้จริงของเงิน อ้อลืมไป พวกเธอคงไม่เข้าใจชีวิตเศรษฐีสินะ” ผู้ หญิงคนนั้นพูดด้วยสายตาดูถูกพวกหลินอี้เจีย
นี่เรียกว่าการสอนให้เด็กรู้ค่าของเงินเหรอ ?
ทุกคนเบิกตากว้างงุนงงกับแนวคิดของผู้หญิงคนนี้ที่ไม่เหมือนใครจริงๆ
เกรงว่าจะเป็นการสอนให้เด็กกลายเป็นคนล้างผลาญละไม่ว่า
“รบกวนคุณช่วยพาลูกสาวผมไปลองชุดทีครับ” สู่เฉินพูดกับ พนักงาน
เขาขี้เกียจสนใจคนประเภทนี้ ผู้หญิงไร้เหตุผลจะให้เขาอธิบาย อย่างไรก็ไร้ประโยชน์
“คุณลองถามเธอดูว่าจะขายให้คุณหรือขายให้ฉัน ? ” เธอยิ้มยะ เยือกแล้วมองมาทางสู่เฉิน
ต่อด้วยหันไปพูดกับพนักงานขาย “เมื่อครู่ที่เราเลือกเสื้อผ้าไว้ ห้าชุด รวมๆ กันแล้วน่าจะสี่หมื่นกว่า ถ้าเธอขายชุดนี้ให้เขา ห้าชุด นั้นเราคงไม่เอาแล้ว
“อ้อ แล้วฉันคงต้องฟ้องไปยังผู้จัดการใหญ่ของเธอด้วย คอยดู กันว่าผู้จัดการจะปกป้องเธอหรือเข้าข้างฉัน” หล่อนพูดอย่างหยิ่ง ผยอง แล้วหันไปหาลู่เฉินดวงตาเต็มไปด้วยความยั่วยุ
ลู่เฉินนิ่งเงียบ หลินอี้เจียและเพื่อนๆ ได้แต่มองมาทางพนักงานขาย ว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไป
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ