บทที่ 17 เล่นงาน
หลินฝางได้ยินคำด่าพวกนี้จนชินแล้ว สีหน้าเขาจึงเรียบเฉย เหมือนเดิม
“คุณพ่อต้องรีบกินปลิงทะเลนั่นให้หมดไวๆ นะครับ เพราะถ้า เอาไว้นานคุณภาพของมันจะแย่ลง ”
หยาง งเทาเหลือบมองหลินฝางแล้วพยักหน้าลงโดยไม่แสดง สีหน้าอะไรออกมา “รู้แล้ว”
เนื่องจากเมื่อวานจ้าวให้เป็นคนนอนเฝ้า ดังนั้นวันนี้เลยเป็น คิวของหลินฝาง
หลินฝางไม่มีท่าที่ปฏิเสธ
เพราะเขารู้ว่านี้เป็นสิ่งที่เขาควรทำ
หลังจากหยางเยว่ จ้าวไร่ และพวกญาติๆของหลินฝางทยอย กลับไปเมื่อตอนค่ำ หลินฝางก็นอนเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ เนื่องจากไม่มีที่นอน หลินฝางจึงทำได้เพียงแต่ฟุบหน้าหลับลงบน โต๊ะ
เช้าวันรุ่งขึ้นเสียงนาฬิกาปลุก ในโทรศัพท์ดังปลุกหลินฝางให้
เขาเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแล้วก็ลงไปซื้ออาหารเช้า มาให้หยางจิ่งเทา จากนั้นก็ลากสังขารตัวเองออกไปโบกรถไปทำงานที่บริษัทเครื่องมือการแพทย์เจ้าห
วันนี้เป็นวันทำงานวันแรกของเขา!
“หยุดนะ!
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในบริษัท จู่ๆก็มีเสียงตะโกนเรียกให้หลิน ฝางหยุดดังขึ้นอย่างเย็นชา
หลินฝางหันไปมองก็เห็นแค่จูเยวเยว่เดินออกมาจากแผนก ต้อนรับ
เธอใส่ชุดทํางานสีดำ สวมถุงน่องยาว แต่งหน้าเข้มๆ แล้วมอง มาทางหลินฝางด้วยสายตาเย็นชา
“มาทำงานวันแรกก็สายเลยนะหลินฝาง เห็นเงินเดือนๆนี้คง
ต้องหักไปซักสามร้อยแล้วล่ะ เซ็นชื่อซะสิ”
จูเยวเยวส่งใบเซ็นชื่อมาให้
หลินฝางได้แต่อึ้ง “เริ่มทำงานเก้าโมงไม่ใช่เหรอครับ ตอนนี้ เพิ่งจะ8โมง50นาทีเอง ผมไม่ได้สายซักหน่อย!
“เก้าโมง ใครบอกนายว่าเก้าโมง? ” จูเยวเยวมองหลินฝาง อย่างเย็นชา
“มันเขียนไว้ในระเบียบการทำงานของบริษัทอย่างชัดเจนว่า เริ่มทำงานเก้าโมงและเลิกงานหกโมงเย็นนี่นา” หลินฝางพูด
“หึหึ นั่นมันก็แค่ระเบียบที่เขียนไว้เฉยๆ ที่บริษัทของพวกเรามี ประชุมช่วงเช้าตอนแปดโมงครึ่งด้วย ส่วนเก้าโมงน่ะเป็นเวลาเริ่มทํางาน ซึ่งตอนนี้พวกเราก็ได้ประชุมช่วงเช้าเสร็จไปแล้ว และ นายก็ไม่ได้เข้าร่วม นั่นก็แปลว่านายมาสาย เพราะงั้นเลยต้อง โดนหักเงินเดือน! ” จูเยว่เยวพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“ประชุมช่วงเช้า? ถ้างั้นเมื่อวานก่อนที่ผมจะออกไปทำไมคุณ ถึงไม่บอกผม? ” หลินฝางขมวดคิ้วขึ้น ถ้าบอกเขาไว้ล่ะก็เขาไม่มี ทางมาสายแน่
อันที่จริงเขาไม่ได้สนใจเรื่องที่โดนหักเงินเดือนไปสามร้อยนั่น เลยด้วยซ้ำ แต่เขาแค่รู้สึกตงิดๆ ใจเหมือนโดนหลอก
“เรื่องแบบนี้ยังต้องให้ฉันบอกอีกหรอ? ทำไมนายไม่รู้จัก ถาม? ! ”
จูเยวเยว่พูดเสียงดังมากขึ้นอีก “เลิกเถียงฉันได้แล้ว รีบเซ็นชื่อ ซะ ไม่เซ็นก็ออกไป! มาทำงานวันแรกก็สายแล้ว วินัยในการ ทํางานแบบนี้ คอยดูนะว่าทางบริษัทจะจัดการกับนายยังไง นายมาทำงานที่นี่มันก็เหมือนกับเป็นแกะดำนั่นแหละ
“ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งของ ”
เนื่องจากจูเยว่เยว่พูดเสียงดังมากจึงทำให้พนักงานจำนวนไม่ น้อยหันมามองด้วยความสงสัยพร้อมกับแสดงท่าที่ยินดียินร้าย กับความโชคร้ายของคนอื่นออกมาด้วย
หลินฝางได้แต่ส่ายหน้าไปมาแล้วยื่นมือไปหยิบใบเซ็นชื่อมา
เซ็น
กว่าจะได้งานไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หลินฝางจึงไม่อยากโดนไล่ออกตั้งแต่วันแรก
พอเห็นหลินฟางเซ็นชื่อจูเยวเยวก็อมยิ้มมุมปากขึ้น
หลังจากเซ็นชื่อเสร็จ หลินฝางก็เดินมาที่โต๊ะทำงานของเขา มันอยู่ตรงมุมห้องแถมยังมีถุงขยะจำนวนมากวางอยู่ข้างๆ พร้อม กับส่งกลิ่นโชยมาเป็นระยะๆด้วย
“หลินฝาง นี่คือเนื้อหาของงานที่นายได้รับมอบหมายให้ทํา ดู เองแล้วกันนะ” จูเยว่เยาหอบกองเอกสารปีกใหญ่ออกมาแล้ว โยนลงตรงหน้าของหลินฝาง
“ดูเอง? ไม่มีคนสอนก่อนเริ่มงานเหรอครับ? ” หลินฝางถาม ด้วยความสงสัย
“สอนก่อนเริ่มงาน? ฝันไปเถอะ ตอนนี้มีแค่นายคนเดียวที่อยู่
ในตำแหน่งนี้ พวกเราคงไม่มาเสียเวลาสอนก่อนเริ่มงานอะไรให้
นายคนเดียวหรอกนะ”
จูเยวเยว่เหล่มองหลินฝางอย่างเหยียดหยาม “ใช่แล้ว จำไว้ ด้วยนะว่าตอนพักกลางวันให้เอาขยะที่อยู่ข้างๆไปทิ้งด้วยเพราะ นายนั่งตรงนี้ จากนี้ไปนายก็รับผิดชอบหน้าที่เอาขยะไปทิ้งด้วย แล้วกัน”
หลังจากพูดจบ จูเยว่เยวก็หันหลังเดินกลับไปทันที พอจูเยว่เยวเดินออกไป หลินฝางก็หยิบกองเอกสารขึ้นมาดู
เนื่องจากหลินฝางอยู่ฝ่ายการตลาด งานหลักของเขาก็คือ บุกเบิกตลาดการค้า เจรจาหาแนวร่วมกับทางโรงพยาบาลและคลินิก พร้อมทั้งจัดหาอุปกรณ์การแพทย์
เขาวุ่นอยู่กับการดูเอกสารทั้งเช้า พอถึงช่วงพักทานอาหาร
กลางวัน หลินฝางก็เอาขยะทั้งหมดลงไปทิ้งที่ข้างล่างตึก เพราะ เขาไม่อยากให้สภาพแวดล้อมการทํางานของเขาสกปรก “ฮ่าฮ่า เด็กใหม่นี่เชื่อฟังดีจริงๆ หัวหน้าสั่งให้เอาขยะไปทิ้ง
เขาก็เอาไปแหนะ!
พอเห็นภาพตรงหน้า พวกเพื่อนร่วมงานของหลินฝางต่างก็พา กันวิพากษ์วิจารณ์เขา
“ไม่รู้ว่าไอ้นี่ไปทำอะไรให้ผู้จัดการ ไม่พอใจ บริษัทพวกเรา ไม่มีประชุมตอนเช้าแล้วหักเงินเดือนซักหน่อย!
“จริงด้วย อีกอย่างเขาก็เป็นแค่เด็กใหม่! น่าสงสารจริงๆ มา ทำงานวันแรกก็โดนหักเงินไปตั้งสามร้อย
“คนที่น่าสงสารมันก็มักจะโดนหมั่นไส้อยู่แล้ว อีกอย่างไอ้เด็ก ใหม่นี่แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นคนใจปลาซิว ถ้าเป็นฉันนะฉันคง โมโหไปแล้วล่ะ!
ช่วงพักกลางวัน
เนื่องจากเมื่อวานหลินฝางนอนไม่เต็มอิ่มเขาจึงฟุบหลับลงบน
โต๊ะอย่างรวดเร็ว
ตึงตึงตึง!
หลินฝางรู้สึกได้ว่ามีเสียงเคาะบนโต๊ะอยู่สองสามที เขาลืมตา ขึ้นอย่างงัวเงีย จูเยวเยวนั่นเอง
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ? ” หลินฝางถาม
“นายรีบไปโรงพยาบาลเหรินหมิงตอนนี้แล้วจัดการเจรจา ธุรกิจให้เรียบร้อยหน่อย” จูเยวเยว่เอาเอกสารปีกหนึ่งโยนลง ตรงหน้าหลินฝาง
“แต่ว่าตอนนี้มันพักกลางวัน………
“พักกลางวัน? อยากนอนกลางวันก็กลับไปนอนที่บ้านไป นี่ มันที่ทำงาน ไม่ใช่ที่นอน! จะไปคุยงานหรือจะกลับบ้านห้ะ! ” เยวเยว่เร่งเขาด้วยท่าทีไม่แยแส
“ก็ได้!”
หลินฝางส่ายหน้าไปมาอย่างจนปัญญาจากนั้นก็หยิบเอกสาร เดินออกจากบริษัทไป
“เห้อ น่าสงสารจริงๆ!
“ไม่รู้ว่าไอ้นไปทำให้ใครไม่พอใจ มาวันแรกก็โดนหัวหน้า เล่นงานเข้าให้แล้ว!
บรรดาพนักงานที่ถูกเสียงดังโวยวายปลุกให้ตื่นขึ้นในช่วงพัก กลางวันต่างมองตามหลังหลินฝางด้วยความสงสาร จากนั้นก็ฟุบ หลับต่อ
พอสั่งหลินฝางออกไปเจรจาธุรกิจแล้ว จูเยว่เยวก็เดินไปที่ห้องท่านประธานทันที
“ประธานวยคะ ฉันสั่งให้เขาออกไปแล้วค่ะ ตอนนี้ข้างนอก อากาศร้อนมากก็เลยให้เขาออกไปตากแดดซักหน่อย! ” พอจ เยวเยว่เดินเข้ามาในห้องเธอก็พูดไม่หยุด
“ทําได้ดีมาก” เว่ยหยู่นั่งจิบกาแฟ ตากแอร์เย็นๆอยู่ในห้อง ทํางาน
“ไอ้นี่มันโชคร้ายจริงๆ เป็นศัตรูหัวใจของใครไม่เป็นมาเป็น ศัตรูหัวใจของท่านประธานเว่ย คอยดูได้เลยว่าจะไม่มีวันไหนที่ มันจะอยู่ในบริษัทได้อย่างมีความสุขแน่” จูเยวเยวยิ้มร่าแล้วพูด ตอ
“การเจรจากับทางฝั่งโรงพยาบาลเหรินหมิง หลินฝางนั้น
“หึหึ หลี่เฉียงผู้อำนวยการโรงพยาบาลเหรินหมิงนั่นหัวแข็งจะ ตาย คืนก่อนฉันก็ไปมาแล้วครั้งหนึ่ง ไอ้แก่นั่นให้ตายยังไงก็ไม่ ยอมตกลงซักที ฉันถอดใจไปแล้วล่ะ”
เว่ยหยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น เพราะคืนวันนั้นเป็นวันที่เขา เจอหยางเสวกับหลินฝาง
“เพราะงั้นงานชิ้นนี้ ไอ้ยาจกหลินฝางนั่นทำไม่ได้แน่นอน เดี๋ยว พอมันกลับมา พวกเราค่อยเอาเรื่องนี้มาหาเรื่องหักเงินเดือนมัน อีกดีกว่า!”
“ประธานเว่ยคะ มันพึ่งมาทำงานวันแรกเอง นี่พวกเราทำเกินไปรึเปล่า ฉันกลัวว่ามันจะขอลาออกตั้งแต่วันแรก” จูเยวเยวพูด ขึ้นอย่างกังวล
เว่ยหยู่ชะงักไปครู่หนึ่ง “ที่คุณพูดก็มีเหตุผล ผมผิดเองที่อยาก จะเล่นงานไอ้ขยะหลินฝางนั้นมากเกินไป และถ้าเขาไม่ยอมทำ ตามมันก็ไม่สนุกแล้วงั้น! ดูเหมือนว่าจะต้องวางแผนระยะยาว ไว้แล้ว ช่วยผมคิดหน่อย ……
ณ ห้องทํางานผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเหรินหมิงเมืองตง
หลี่เฉียงนั่งสูบบุหรี่อยู่ในห้อง ดวงตาฉายแววความกังวลออก
ความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวตั้งแต่เมื่อวานยังคงวนเวียนอยู่
“หวางเว่ยหมิงบอกว่าเรื่องที่ช่วยย้ายโรงพยาบาลให้หยางจึง เทา เสิ่นหวยชุนเป็นคนฝากให้ทำ ฉะนั้นคนที่ฝากให้ทำก็ต้อง เกี่ยวข้องกับเสิ่นหวยชุนและหยางจึงเทา ตอนแรกฉันนึกว่าเป็นพี่ เขยคนโตจ้าวสีไห์ ”
“ซึ่งถ้าเกิดว่าจ้าวสีไห่สามารถติดต่อเงินหวยชุนด้วยตัวเองได้ ด้วยอำนาจของเขา เขาก็ไม่จำเป็นเลยที่จะโค้งคำนับหรือก้มหัว อะไรให้ฉัน เพราะเสิ่นหวยซุนเป็นคนที่หวางเว่ยหมินเคารพ นับถือมาก”
“แต่ทว่าลูกเขยคนรองที่ชื่อหลินฝางนั้น ทุกครั้งที่เจอฉันกลับมีสีหน้าราบเรียบ ไม่ใส่ใจเลย…….
“หรือว่า…….คนที่ฝากให้ทำเรื่องนี้ที่จริงแล้วเป็นหลินฝาง ลูกเขยคนรอง?! พอคิดถึงตรงนี้ ดวงตาเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ