การโต้กลับอันงดงามของสาวชาวบ้าน

ตอนที่ 7 ตื่นตกใจและระเบิดพลัง



ตอนที่ 7 ตื่นตกใจและระเบิดพลัง

นางรู้สึกได้ว่าตัวนางถูกร่างที่มีขนหยาบยาวปกคลุมและ

ส่งกลิ่นเหม็นคาวออกมาจากร่างกายกระแทกใส่ แต่ว่าทำไม

นางถึงไม่รู้สึกถึงการโจมตีที่รุนแรงและความเจ็บปวดอย่างที่

คิดไว้ล่ะ นางเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกใจ อื่นจือจาง

ปรากฎกายอยู่ตรงหน้านางและยังแผ่รังสีน่ากลัวออกมาอีก

ด้วย แสงสีน้ำเงินในมือของเขาสว่างมากกว่าเดิมหนึ่งเท่า

เสื้อผ้าของเขากว่าครึ่งถูกย้อมไปด้วยเลือดสดๆ

จูจูตกตะลึงสักพักแล้วหันไปมอง ก็ต้องรู้สึกตกใจจนทั้ง ร่างกระตุกเกร็ง วานรเขาดำที่ดูดุร้ายน่ากลัวเมื่อครู่นี้ ตอนนี้ ร่างของมันกลับไม่มีหัวและลำตัวก็ล้มทับมาลงบนร่างนาง กลิ่นเลือดสดๆ ลอยเข้ามากระทบจมูก

เป็นเพราะอินจือจางมาช่วยนางเอาไว้ได้ทันเวลา

จูจูทั้งตกใจและคลื่นไส้ พยายามจะลุกขึ้นจากการถูกทับ โดยซากศพของวานรเขา ใบหน้าของนางซีดขาวและรู้สึก อยากอาเจียน

เมื่อครู่ที่อื่นจือจางได้ยินเสียงร้องของนางนั้น ก็รู้ว่า เหตุการณ์คับขันเขาไม่ลังเลที่จะทิ้งซากวานรเขาทั้งสามตนนั้นและกลับมาดูนาง จึงได้เห็นฉากที่เกี่ยวหยงหลินถึงนางให้ ไปเผชิญหน้ากับวานรเขาพอดี ในช่วงเวลาอันตรายเช่นนี้ เขารู้สึกว่า ในร่างกายของตัวเองเหมือนมีอะไรบางอย่างระเบิด ออกมา จังหวะนั้นเองร่างกายของเขาพลิ้วไหวและเร็วมากกว่า ปกติถึงหนึ่งเท่า พลังและความรวดเร็วของดาบนั้นแม้แต่ตัว เขาเองก็ยังประหลาดใจ

วานรเขาดำตนที่มองเห็นพลังของลิ้นจือจางก็กลัวจน ลนลาน ไม่สนใจการแก้แค้นให้พวกพ้อง หันหลังรีบหนีไป

อินจือจางเองก็ตะลึงไป ทันใดนั้นก็เข้าใจในทันทีว่า ใน ช่วงเวลาคับขันเขาได้ก้าวข้ามผ่านระดับขั้นพลังขึ้นมาอีกหนึ่ง ขั้นแล้ว! ในตอนนั้นเขาทั้งตกใจและดีใจ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ในตอนนี้คือการสงบใจนั่งสมาธิเพื่อให้พลังลมปราณของเขา เสถียรกว่านี้ วานรเขาดำตนที่สี่หนีไปแล้ว แต่พวกคนตระกูล เดี๋ยวก็ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ ถ้าหากว่าเขาดึงดันจะลงมือ กับพวกเขาเพื่อระบายแค้น เกรงว่าจะเป็นการทำลายตัวเอง

เดี๋ยวหย่งฉีก็เห็นฉากที่พี่ชายของนางดึงเข้าไปหาวานร เขาด้วยตาตัวเอง ถ้าในเวลาปกตินางคงไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผิดอะไร แต่พอเห็นว่าลิ้นจือจางรีบกลับมาช่วย อย่างร้อนใจ แสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับเด็กสาวคน นี้มาก ก่อนหน้านี้เขายังมอบหมายให้พวกนางดูแลปกป้อง เพื่อแลกกับการที่เขาจะไปจัดการวานรเขาทำให้ พวกเขาไม่ เพียงแต่ไม่ทำตามสัญญาแถมยังเป็นคนส่งนางเข้าไปหา อันตรายด้วยตัวเอง ยังไงพวกนางก็เป็นฝ่ายผิด
เดี่ยวเทียนหัวเองก็แอบร้องในใจว่าแย่แล้ว ถึงแม้ว่า เขาจะมีความรู้เกี่ยวกับเซียนไม่มากแต่การที่เห็นพลังอานุภาพ ดาบของอินจือจางแล้วก็ทำให้รู้ว่าตอนแรกที่อื่นจื่อจางสู้กับ วานรเขาสามตนนั้น เขายังแสดงความสามารถออกมาไม่ หมด เขาไปล่วงเกินคนที่ร้ายกาจอย่างนี้เข้าเสียแล้ว

เขามองสบตาลูกชายและลูกสาว พลางพูดว่า “ลูกชาย และลูกสาวข้าไม่ทันระวัง ทำให้สาวน้อยคนนั้นตกใจ หวังว่าพี่ ชายจะไม่ถือโทษ!”

“ไสหัวไปให้พ้น!” ในใจของลิ้นจือจางอยากจะให้คนพวก นี้รีบไปให้พ้น จึงพูดออกไปอย่างไม่สนมารยาท หากให้พวก เขารู้ว่าเขาเองต้องฟื้นพลังมีหวังปัญหาตามมาแน่ๆ

ตระกูลเดี่ยวทั้งสามคนมองหน้ากัน รู้สึกขยาดกับพลังที่ เขาเพิ่งจะแสดงออกมา จึงไม่กล้าพูดมาก และไม่สนใจศพของ คนรับใช้ แม้กระทั่งสิ่งของของพวกเขาก็ยังไม่กล้าเก็บ รีบจาก ไปทันที

เมื่อพวกเขาสามคนจากมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว เดี๋ยวหย่ง หลินก็ทนไม่ไหวพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “ไปถึงสำนักญาณ ศักดิ์สิทธิ์เมื่อไหร่ ดูสิเจ้าจะยังจองหองอยู่ไหม! ท่านใน ตระกูลของพวกเขาคนหนึ่งเป็นศิษย์ระดับของที่นั่น เป็นคนที่ ถือว่ามีอำนาจมากคนหนึ่งในสำนัก รอเขาได้เลื่อนขั้นเป็นระ ดับเจี้ยตันแล้วได้เลื่อนเป็นผู้อาวุโสเมื่อไหร่ มีที่พึ่งแบบนี้ เขา คิดว่าตัวเองจะสามารถวางอำนาจที่นั่นได้แน่
เดี๋ยวหย่งมองเขาแวบนึงพลางยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ ท่านเคยบอกข้าว่ามีพรสวรรค์ชั้นเลิศ แต่จนถึงทุกวันนี้ข้าก็ ยังเป็นแค่ผู้ฝึกพลังขั้นสาม คนคนนั้นอายุก็ไม่ต่างอะไรจากข้า แต่พลังน่าจะอยู่ในระดับหกขึ้นไปแล้ว เกรงว่าพรสวรรค์จะสูง กว่าข้าอีก ถ้าไปถึงสำนักญาณศักดิ์สิทธิ์เขาจะต้องได้รับความ สำคัญเป็นแน่ ระดับความไวในการสำเร็จเป็นระดับก็ไวกว่า พวกเรามากแน่นอน พวกเราจำเป็นจะต้องสร้างศัตรูแบบนี้ไป เพื่อะไรเล่า?

เดี่ยวหยงหลินเข้าใจว่าคำพูดของผู้เป็นน้องมีเหตุผล แต่ เพื่อไว้หน้าตัวเอง ก็พูดด้วยเสียงกระโชกว่า “พูดไปพูดมา เจ้า จะหมายความว่าข้าเป็นคนไปล่วงเกินเจ้านั่นงั้นเหรอ!

เดี๋ยวหย่งฉพูดอย่างจนใจว่า “เรื่องก็เป็นแบบนี้แล้ว จะมา โทษกันทำไม คราวหน้าถ้าพบเขาล่ะก็ พี่ก็อยู่ห่างๆ เขาแล้ว กัน อย่าไปหาเรื่องอะไรเขาอีก

เดี่ยวเทียนหัวก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เดี๋ยวหย่งหลิน

ระบายลมหายใจออกมาอย่างไม่พอใจที่นึงแล้วไม่พูดอะไรอีก

เดี๋ยวหย่งฉีส่ายหัวอยู่กับตัวเองเงียบๆ พี่ชายของนางความ

สามารถถือว่าอยู่ในระดับปกติ ถ้าพูดกันตามที่นางคิดแล้วไม่รู้

เขาอยู่เป็นคุณชายสืบทอดตระกูลอยู่ในโลกของปุถุชนอย่าง

มั่นคงเสียยังจะดีกว่า แต่ไรมาในโลกของผู้มีชีวิตไม่แก่เฒ่าผู้

แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับการนับถือ จากนิสัยที่เป็นแบบนี้ของ

เขาแล้ว ไม่แน่คงจะหาเรื่องใส่ตัวจนถึงแก่ชีวิตก็เป็นได้

ทางด้านอินจือจางเองก็คอยฟังเสียงฝีเท้าของพวกเขา รอจนแน่ใจว่าพวกเขาไปแล้วจริงๆ ก็ไม่สนใจอย่างอื่นพูดขึ้นมา หนึ่งประโยคว่า “อย่าไปไหน” พลางนั่งลงขัดสมาธิปรับพลัง ปราณในตัวให้โคจรหมุนเวียนภายในกายให้มั่นคง

หลังจากที่เขาลืมตาขึ้น เวลาก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว

จูจูเห็นอื่นจ่อจางฆ่าพวกวานรเขาและไล่พวกคนตระกูล เลี่ยวไปแล้วก็ได้แต่นั่งลงกับพื้นไม่กล้าขยับ นางไม่แน่ใจว่ามัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แค่รู้สึกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่นางจะไป รบกวนเขา

เมื่อตระกูลเดี่ยวจากไปแล้วนางก็ดีใจอย่างปิดไม่มิด ถึง แม้ว่านางจะกลัววานรเขาย้อนกลับมา แต่สิ่งที่กลัวที่สุดคือ ตระกูลเดี่ยวกลับมาพบว่าอินจือจางมีสภาพไม่ปกติเช่นนี้แล้ว จะเป็นภัยกับเขา ดังนั้นจึงสะกดกลั้นความคลื่นเหียนแล้วคว้า ดาบที่อยู่กับศพของคนรับใช้ขึ้นมาหนึ่งเล่มเฝ้าอยู่ด้านข้าง เมื่อนางเห็นว่าในที่สุดลมหายใจของเขาเริ่มเป็นปกติก็วางใจ แล้วร้องไห้โฮออกมา

จูจูขี้ขลาดแค่ไหนลิ้นจือจางรู้ดี เมื่อเห็นว่านางถือดาบ อย่างเก้เก้กังตั้งอยู่ข้างๆ เขา ในใจรู้สึกทั้งตลกและอบอุ่น เขา ยื่นมือออกไปเขกศีรษะของนางที่นั่งพลางพูดว่า : “เอาล่ะ เอา ล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว ไม่ต้องร้อง! ดูสารรูปของเจ้าตอนนี้สิ ขี้เหร่ ชะมัด รีบไปล้างหน้าล้างตาซะ

ตอนนี้ยังห่างจากเวลาเช้าอยู่อีกมาก จูจูมองไปที่พุ่มไม้ที่ อยู่ใกล้าธารปาดน้ำตาพลางพูดว่า “จะมีปีศาจออกมาอีกไหม?”

“ข้าจะคอยเฝ้าอยู่แถวนี้ เวลาที่อื่นจือจางอารมณ์ดีเขาก็ มักจะปฏิบัติต่อนางดีเช่นกัน

จูจูหยิบเสื้อผ้าออกมาจากห่อผ้าเล็กๆ ของตัวเอง รวบรวมความกล้าเดินไปที่ลำธารจัดการล้างหน้าล้างตา เป็นการใหญ่ หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว อื่นจือจางก็ จัดการบรรดาศพที่เมื่อครู่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว เช่นกัน

อยากถามเขาว่าทำได้อย่างไร แต่ก็ยังคงกลัว

“ข้าก็จะไปอาบน้ำเหมือนกัน เจ้าอย่าแอบดูล่ะ!” อึนจอ จางพูดกับนางประโยคนึงแล้วก็วิ่งออกไป

จูจูทั้งโกรธและเกลียดพลางพูดอย่างว่า “ใครจะอยาก

ดูเจ้า น่าไม่อาย!

ภายในพริบตานางพบว่าเบื้องหน้าของนางเป็นสัมภาระ ของตระกูลเดี่ยว ตาของนางก็เป็นประกายอยู่ชั่วขณะ พวกเขา ทำให้นางกลัวขนาดนี้ ก็สมควรต้องชดใช้อะไรให้นางบ้าง

ตอนที่อื่นจือจางกลับมาถึงก็เห็นกระโจมของตระกูลเดี่ยว ถูกจูจูค้นหาทุกซอกทุกมุม เขามองจูจูที่มีรสนิยมอยากได้ ของเล็กๆ น้อยๆ ด้วยสายตาดูถูกแวบนึง เจ้าพวกตระกูลเลี่ย วจะมีของล้ำค่าอะไรนอกจากเงิน? แต่เมื่อพบเงินก็ตาเป็น ประกาย เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต!
“เจ้าบอกว่ากำไลของข้าสามารถใส่ของลงไปได้หลาย อย่างใช่ไหม แล้วมันใช้ยังไงล่ะ?” นางดึงมือเขาพลางถาม อย่างสนใจ

“ขนาดเจ้ายังไม่รู้ ข้าจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ?” อึนจือจางมองไป ที่สิ่งของที่จูจูเก็บมาอย่างรังเกียจ เหรียญเงินไม่กี่เหรียญ เครื่องประดับอัญมณีไม่กี่ชิ้น ของพวกนี้หากอยู่ในโลกของ ปุถุชนทั่วไปก็ถือว่ามีค่า แต่เมื่อไปถึงสำนักญาณศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ของมีค่าอะไร

“งั้น…งั้นข้าฝากไว้ที่แหวนของเจ้าก่อนได้ไหม?” จูจูอ้อนวอนเขา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ