การโต้กลับอันงดงามของสาวชาวบ้าน

ตอนที่ 5 เขาไม่ใช่ครอบครัวของข้า



ตอนที่ 5 เขาไม่ใช่ครอบครัวของข้า

เดี่ยวหญิงหลินเกือบจะกระโดดขึ้นมา : “งั้นท่าไมพวกเรา ถึงต้องยอมเจ้านั่นด้วย? ข้าฝึกพลังได้ขั้นหนึ่งน้องเล็กก็ฝึกได้ ขั้นสามทำไมต้องไปกลัวมันด้วย?

“พี่ใหญ่ระวังคำพูดด้วย! แม้แต่ข้ายังมองระดับพลังของ เขาไม่ออก ถ้าพวกเราตั๋วไปหาเรื่องเขา จะเกิดอะไรขึ้น? เดี๋ยวหย่งฉีปรามพี่ชายให้หยุดพูดไร้สาระ

“เจ้าหมายความว่า ชายคนนั้นระดับความสามารถสูงกว่า เจ้างั้นเหรอ? ! เคี่ยวเทียนหัวสงสัยมาตั้งแต่แรก พอได้ฟังก็ถึง กับตกใจ

ครอบครัวเดี่ยวมีผู้อาวุโสที่เป็นลูกศิษย์ระดับจู้จีอยู่ ฟัง จากคำพูดของเขา เดี๋ยวหย่งฉีมีรากวิญญาณคู่ คือมีราก วิญญาณไม้และน้ำ อายุขนาดนี้ฝึกได้ระดับสามก็ถือว่าอัจฉริยะ มากแล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นดูจากหน้าตาคงอายุมากกว่านางไม่กี่ ปี ถ้าเขามีพลังมากกว่านางก็ถือว่าเป็นคนที่น่ากลัวมาก

“พี่ใหญ่ฟังน้องพูดสักคำ ถ้าเกิดไปทำให้เขาโกรธ ไม่แน่ ว่าข้าหรือพี่ก็ไม่อาจจะรับผลที่ตามมาได้ เพราะว่าเดี๋ยวหย่งฉี พรสวรรค์สูงกว่าทุกคนในครอบครัว และยังเคยฝึกพลังอยู่กับผู้อาวุโสระดับที่ทำให้นางมีความรู้มากกว่าพวกเขา ถึงแม้ อายุนางจะยังน้อย แต่คำพูดของนางก็ทำให้บิดาต้องเชื่อฟัง อย่างเสียมิได้ ถึงแม้ว่าเดี๋ยวหยงหลินจะไม่ค่อยชอบใจ แต่ก็ไม่ กล้าพูดอะไรมาก

เลี่ยวหย่งฉีเตือนพี่ชายของนางเสร็จก็เบือนหน้าไปมอง กองไฟไกลๆ นั้น ในใจก็คิดแผนการที่จะทำให้อย่างไรให้พลัง ของตัวเองสูงกว่าเด็กหนุ่มคนนั้น

จูจูล้างทำความสะอาดกระต่ายสองตัวนั้นเสร็จก็เดินกลับ มาที่กองไฟ ตระกูลเดี่ยวสามคนกลับไปแล้ว เด็กหนุ่มก็ซดน้ำ แกงอีกใหญ่ โดยไม่สนว่ามันจะลวกปาก

นางเริ่มนำกระต่าย ใส่ตระแกรงเหล็กเพื่อย่าง หลังจากนั้น ก็เริ่มนำชามเล็กๆ มาบดผลไม้ป่าที่สามารถนำมาเป็นเครื่อง ปรุงได้ นำซอสผลไม้นั้นทาลงไปบนตัวของกระต่ายที่กำลัง เหลือง

เสียงหยดของน้ำมันที่หยดออกจากกระต่ายเพราะถูกย่าง ด้วยไฟ ทำให้ผู้ที่อยู่อีกด้านน้ำลายหยด

เลี่ยวหย่งหลินกัดไก่ป่าที่ย่างครึ่งสุดครึ่งดิบที่คนรับใช้นำ มาให้อย่างโกรธๆ ทั้งแห้งและแข็ง เขาอดพูดอย่างอิจฉาไม่ได้ : “ผู้หญิงคนนั้นย่างอะไร ทำไมหอมขนาดนี้!

ของที่จูจูย่างนั้นไม่เพียงมีกลิ่นหอม รสชาติยังดีมากอีก ด้วย พวกเขาทั้งสองนั่งกินอยู่ข้างกองไฟจนอิ่ม เด็กหนุ่มลูบ ท้องที่กลมเล็กน้อยของตัวเอง รู้สึกว่าการที่พาจูจูมาด้วยเป็นความคิดที่ฉลาดจริงๆ

เดี่ยวหย่ง จับจ้องการเคลื่อนไหวของอีกฝั่งอยู่ตลอด เมื่อ เห็นว่าจูจูเก็บชาม ตะเกียบและหม้อไปล้างที่ลำธารแล้ว นางก็ แกล้งลุกขึ้นทำท่าจะไปล้างมือแล้วถือโอกาสคุยกับนาง

“น้องสาว เมื่อครู่พ่อข้าไม่ได้ทำให้เจ้าตกใจใช่ไหม? คน แก่ก็เป็นแบบนี้มักเสียงดังไปสักหน่อย ไม่ได้มีเจตนาร้าย หรอก เดี๋ยวหย่งฉพยายามยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร

“อ่า….ในใจของจูจูยังคิดเสียดายเงินหนึ่งตำลึงเงินอยู่

“เมื่อครู่รีบร้อนจนไม่ทันได้ถามว่า คุณชายของบ้านเจ้าแห่ อะไรเหรอ?” เดี๋ยวหย่งฉีถาม

“เขาไม่ใช่คนในครอบครัวข้า” จูจูตอบออกมาอย่างไม่สม เหตุสมผล เมื่อเห็นว่าในรอยยิ้ม สายตาและใบหน้าของเดี่ยว หย่งที่มีความรำคาญซ่อนอยู่ นางก็เข้าใจอีกฝ่ายในทันที

ที่แท้พวกเขาก็คิดว่านางเป็นสาวใช้ของเจ้าคนเลวนั่นเสีย

แล้ว!

ถึงแม้ว่านางจะหน้าตาไม่สวยแต่ก็ไม่ได้เหมือนสาวใช้ ขนาดนั้นมั้ง? จูจูคิดอยากจะใช้น้ำเป็นกระจกเงาส่องดูใบหน้า ตัวเองเสียหน่อย แต่น่าเสียดายที่น้ำในลำธารไหลแรงไป หน่อยจึงทำให้มองไม่ชัด

“งั้นเวลาเจ้าคุยกับเขา ก็น่าจะรู้ชื่อแซ่ของเขาไม่ใช่เหรอ? ปกติแล้วเลี้ยวหย่งฉีก็ไม่คุ้นเคยกับการต้องมาทำความรู้จักกับคนระดับล่าง อยู่แล้ว พูดไปตั้งหลายประโยคแต่จูจูก็ยังทำท่า งุนงงตกใจ ทำให้ความอดทนของนางเกือบจะขาดลง

ถ้าเกิดว่า ในมือของนางไม่ถือหม้ออยู่ล่ะก็นางคงจะต้อง ยกมือขึ้นเกาหัวเป็นแน่ เพราะว่านางเองก็เพิ่งจะพบว่าตัวเองก็ ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นชื่ออะไร

ตอนที่รู้จักกัน เด็กหนุ่มเคยบอกชื่อของเขา แต่หลังจากที่ รู้จักกันก็เรียกแค่ข้ากับเจ้า ปกติแล้วก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกับคน อื่น เวลาผ่านไปนานเข้า นางก็นึกไม่ออกเสียแล้วว่าเขาชื่อ อะไร

“เอ่อ…ข้าไม่รู้” จูจูกะพริบตามองไปที่เกี่ยวหย่งที่กำลัง จ้องตัวเองอยู่ ในใจคิดโกรธว่าทำไมนางต้องมาทดสอบความ จําของตัวเองตอนนี้ด้วย

เดี๋ยวหย่งไหนเลยจะเชื่อคำพูดของนาง จึงถือว่านี่เป็นคำ พูดบอกปัด นางไม่เพียงแต่ลดฐานะของตนเองลงมาทำความ รู้จักกับสาวชนบท ไม่คิดว่าจะถูกปฏิเสธเช่นนี้ พลันรู้สึกโกรธ มาก นางลุกขึ้นยืนสะบัดแขนเสื้อและเดินกลับไป

รอจนนางไปไกลแล้ว เด็กหนุ่มก็พลันเดินออกมาจาก เงามืดของต้นไม้ พร้อมเขกหัวนางหนึ่งทีและยิ้ม “ถือว่าเจ้า ฉลาด ถ้าเจ้ากล้าพูดเรื่องของข้าวลับหลังข้า ข้าจะจับเจ้า ถ่วงน้ำซะ”

เขาเห็นเกี่ยวหย่งฉีวิ่งมาทางนี้ จึงกังวลกลัวว่าจะไม่ ปลอดภัยเลยแอบตามนางมาอย่างเงียบๆ
จูจูยิ้มแห้งๆ ก้มหน้าลงล้างหม้อในมือต่อไปและพยายาม ขยับถอยหลังให้ห่างจากลำธารนั้นออกมาเล็กน้อย

เด็กหนุ่มเห็นแววตาของนางดูลุกลี้ลุกลน จึงทำให้เข้าใจ ขึ้นมาในทันที เขาโกรธมากและใช้มือหนีบหูของนางและพูด ช้าๆ ทีละคำว่า “ไม่ ใช่ ว่า เจ้า ลืม ชื่อ ของ ข้า ใช่ไหม!

จูจูปล่อยหม้อแล้วร้องขึ้นมา : “เจ้า…เจ้าเคยบอกแค่ครั้ง

เดียว ข้า…ข้าจะไปจำได้ยังไง

เจ้าหมูโง่! ในสมองของเจ้ามีแต่ก้อนหินใช่ไหม? ชื่อของ ข้าเจ้ายังจำไม่ได้ สมควรตาย!” เด็กหนุ่มโกรธมากพลาง ออกแรงบิดหูของนางมากขึ้น

จูจูเจ็บจนน้ำตาเล็ด วิงวอนด้วยเสียงอ่อยๆ ว่า “คราวหลัง ข้าจะจำ จำได้แน่นอน! ปล่อยข้าก่อนได้ไหม?

“เจ้าฟังข้าให้ดี ใช้สมองหมูๆ ของเจ้าจำให้ดี ข้าชื่อ อื่น จื่อ จาง !” เขากระซิบที่หูของนางด้วยเสียงต่ำๆ พูดเสร็จก็ยัง กระซิบข่มขู่นางให้กลัวอีกว่า “ถ้าเจ้ากล้าลืมล่ะก็ ข้าจะหักคอ หมูๆ ของเจ้าซะ!”

“มิกล้า มีกล้า! ยังไงก็ไม่กล้าลืมแน่นอน!” จูจูสาบาน อย่างซื่อสัตย์

“เหอะ!”

จูจูนวดหูที่ถูกบิดจนแดงของนางอย่างระวัง พลางถาม ว่า : “ถ้าคราวหลังมีคนมาถามข้าว่าเจ้าชื่ออะไร จะให้ตอบว่าอะไร?”

อินจื่อจางตอบอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า : “ก็บอกว่าเจ้าไม่รู้ พอแล้ว”

ตกเย็นพวกเขาทั้งสองนอนด้วยกัน ในกระโจมโชคดีที่ กระโจมนั้นใหญ่พอ จูจูเหนื่อยจนไม่มีแรงมาเคอะเขินหรือ อึดอัดใจ นางห่อตัวเองลงไปด้านหนึ่งของผ้าห่มไม่นานก็หลับ ไปอย่างไม่รู้เรื่อง

ตกดึกคืนนั้นก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ทำให้คนที่อยู่ริม

เขาทั้งหมดตกใจตื่น

จูจูลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือก็พบว่าอินจือจางนั่งหลัง ตรงอยู่ก่อนแล้ว แววตาเฉียบคม ใบหน้าปรากฏแววหนักใจ อย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก

“เกิดอะไรขึ้น? มีหมาป่า? หรือว่ามีเสือ?”จูจูนึกถึงเสียงที่ ร้องเมื่อครู่นี้ ก็คิดได้ว่าอาจจะมีคนโดนสัตว์ป่าทำร้าย อินจือจางไม่ตอบ เปิดผ้าม่านแล้วดึงจูจูออกมาจาก

กระโจม

ข้างภูเขา ทุกคนในตระกูลเดี่ยวยืนอยู่ก่อนแล้ว เดี๋ยว เทียนหัวและลูกทั้งสองอยู่ตรงกลาง คนรับใช้เหลือแค่ห้า คน ทุกคนถืออาวุธอยู่ล้อมรอบ เดี่ยวหย่งเห็นอื่นจือจางในใจก็ ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แถวเขาญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีผู้บำเพ็ญ เพียรเคลื่อนไหวอยู่จำนวนมาก ยังไม่เคยได้ยินว่ามีข่าวของสัตว์ร้ายแบบนี้มาก่อน ในสถานการณ์นี้อย่างน้อยมีผู้บำเพ็ญ

ถึงสามคน น่าจะควบคุมสถานการณ์ส่วนใหญ่เอาไว้ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ