จอมใจท่านอ๋องโหด

ย้อนอดีต



ย้อนอดีต

เมื่อแววดาวลืมตาขึ้นมาคราวนี้ ปรากฏว่า รอบๆกายมีแต่ ต้นไม้ จึงเอ่ยเบาๆว่า”อะไรอีกล่ะเนี่ย อยู่ไหนอีกคราวนี้ เวรก อะไรกันหว้าาาาา” เมื่อตั้งสติได้จึงสำรวจตัวเองว่ามีตรงไหนบุบ สลายหรือไม่ ตามร่างกายมีบาดแผลเล็กน้อย ส่วนมากเกิดจาก การลื่นไถล แววดาวคิดว่าหญิงคนนี้น่าจะตกเขาลงมาข้างล่าง การแต่งกายก็ออกแนวจิ๋ว นี่เราคงไม่ได้มากับรถจิ๋วแล้วตกเขานะ มองดูท้องฟ้าใกล้จะแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้คิด อะไรมาก เพราะคิดว่าตัวเองมาที่จีนการแต่งกายแบบจีนก็เป็น เรื่องธรรมดา

เมื่อเดินมาได้สักพักก็พบคนตัดฟืน จึงรีบปรี่เข้าไปหา พอเข้า ใกล้ก็เอะใจการแต่งกายแบบหนังจีนกําลังภายในเลย ในใจ แอบหวั่นวิตกนิดๆ จึงถามไปว่า “ท่านลุง ที่นี่ที่ไหน? อะไร? อีก ไกลไหมกว่าจะถึงหมู่บ้าน”

ลุงตัดฟืนอายุประมาณ 40 ต้นๆ กล่าวว่า นี่คือเขาซานเวีย เป็นที่ที่คนไม่ค่อยเข้ามาเพราะสัตว์ป่าดุร้ายมาก ยิ่งเข้าไปลึกยิ่ง อันตรายมาก แล้วถามกลับมาว่า “แม่หนูเข้ามาทำอะไรที่นี่ แววดาวกำลังจะเอ่ยตอบก็รู้สึกว่าโลกหมุนเคว้ง แล้วก็ล้มลง ลุง ตัดฟันทำอะไรไม่ถูกจึงวางไม้พื้นลงแล้วรีบแบกแววดาวกลับลง เขาไป

ผ่านไป 2 วันแววดาวลืมตาขึ้นมาปารกฏว่าอยู่ในห้องเล็กๆหลังคามุงฟาง จึงนึกขึ้นได้กำลังจะลุกขึ้นก็เห็นผู้หญิงวัย 40 ต้น เดินเข้ามาห้ามไว้ “อย่าเพิ่งลุกเลยแม่หนู เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึก ไม่สบายตัวตรงไหน ไม่

แววตาวตอบไปว่า”หนูไม่เป็นไรค่ะ ที่นี่ที่ไหนคะ?”

หญิงกลางคนตอบกลับมาว่า นี่คือหมู่บ้านในหุบเขาซานเวีย เป็นหมู่บ้านเล็กๆห่างไกลจากเมืองใหญ่ นางชื่อ ฟางเหม่ยเงิน สามีนางลุงคนตัดฟืนซื่อ ฟางหลวง คนส่วนใหญ่เข้าป่าหาพื้น และอาหาร นานๆจะเข้าเมืองสักที นางถามกลับมาว่าแววดาว เป็นใคร ทำไมถึงไปอยู่ที่นั้น

แววดาว ตอบไปว่า ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครไปทำอะไรที่นั้น ไม่มีความทรงจําใดๆเลย

ฟางเหมยเงินจึงคิดว่านางความจำเสื่อมสาเหตุน่าจะมาจาก ตกเขาลงมา ตกเย็นวันนั้นสองสามีภรรยาจึงตกลงกันว่าจะรับ นางเป็นบุตรบุญธรรม เนื่องจากตนไม่มีบุตร และตั้งชื่อให้แวว ดาวว่า “ฟางเหม่ยอิง”เพราะพอนางอาบน้ำล้างตัวแล้ว งดงาม มาก แต่แววดาวหารู้ไม่เพราะในบ้านไม่มีกระจกส่อง แต่นางก็ ชอบชื่อนี้และไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ในระหว่างพักฟื้นร่างกายก็ คิดว่าจะหาเงินยังไงแบบไหน จนเมื่อหายดีแล้วก็คิดว่าปรับ สมดุลของร่างกายก่อนค่อยว่าอีกที บ้านของครอบครัวฟางนั้น ห่างจากหมู่บ้านพอสมควรแต่ฟางเหมยองก็ไม่ได้ถามอะไร

สักพักนางเดินไปถามฟางเหม่ยเอ็นว่า “ท่านแม่ข้าอยากลอง เข้าเมืองดูสักครา ได้ ไม่ ไปพร้อมท่านพ่อตอนท่านเอาของไปขาย นะท่านแม่ นะ” เมื่อฟางเหมยเงินเจอลูกอ้อนก็ไม่อยาก ขัดใจเนื่องด้วยเห็นว่า ฟางเหมยอิง อายุน่าจะ 13 ขวบปียัง เด็กนักน่าจะอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดานะ เลยอนุญาต

เมถึงวันเดินทาง “ใช้เวลานานไหมกว่าจะถึงท่านพ่อ” ฟางเหม่ อิงกามฟางหลวง

* 2 ชั่วยามก็ถึงแล้วล่ะเหม่ยอิง”ฟางหลิวจงบอกเสียงอ่อน

โยน

เมื่อถึงตัวอำเภอ หลิวจงก็พาเหม่ยอิงเอาของไปส่ง แล้วถาม เหม่ยอิงว่า “หิวไหมเหม่ยอิง พ่อพาซื้อขนมอร่อยๆกินดีไหม

เหม่ยอิง “ลูกยังไม่หิว ลูกขอไปเดินชมที่ต่างๆ รอท่านพ่อได้ ไหม เจ้าคะ กว่าท่านพ่อจะเสร็จคงจะนาน

หลิวจง “ลูกไม่เคยมาจะหลงทางไม่รอไปพร้อมพ่อดีกว่านะ

พ่อเป็นห่วง”

โถ่ ท่านพ่อลูกจําร้านนี้ได้ และลูกไปไม่ไกลหรอกเจ้าคะ นะ

ท่านพ่อ นะนะ”

หลิวจงถอนหายใจ “เฮ้อ! อย่าไปไกลนะลูก” พูดจบทางเถ้าแก่ ร้านก็เรียกพอดี

เหม่ยอิงยิ้ม แล้วจึงเดินไปเรื่อยๆชมร้านรวงมากมาย ระราน ตา ในใจก็คิดว่าจะหาเงินโดยวิธีใด สุดท้ายก็คิดไม่ออก จึงเดิน วนกลับหาหลวง ระหว่างนั้น ก็ได้ยินเสียงดังโวยวายจากข้าง หลัง “หลบๆ หลีกทางหน่อย เกะกะจริงๆ แล้วรถมาก็วิ่งผ่านไป
เหมยอิงมองดูแล้วบ่นอุบในใจว่า “ใหญ่คับถนนจริงๆเลยนะ แหม น่า……… จริงๆ”

จังหวะนั้นคนในรถม้านั่งคุยกันว่า “จัดการเรียบร้อยใช่ไหม มันไม่กลับมาได้อีกใช่ไหม ท่านแม่

คนที่ถูกเรียก ตอบกลับมาว่า “ตกเขาขนาดนั้นมันกลับมาไม่ ได้หรอก อีกอย่างเรากำลังจะกลับเมืองหลวงกันแล้ว ส่วนแกก็ไม่ ต้องพูดถึงมันอีก ฝังมันไว้ที่นี่แหละ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ