The Possible Man

ตอนที่3 เริ่ม



ตอนที่3 เริ่ม

กว่าดอกเตอร์บลูจะกลับมาถึงบ้านก็กินเวลาไปหลายชั่วโมง ไม่ใช่เพราะว่าระยะทางจากเขื่อนถึงบ้านมีระยะไกลมาก แต่เป็น เพราะความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นสิ่งใหม่ๆ เช่นต้นไม้รอบๆ ทาง

ที่โลกเดิมของเขานั้นต้นไม้จริงๆ ได้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว แถม จะสถาปัตยกรรมต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งใหม่สําหรับดอกเต อร์บลู

พอกลับถึงบ้านก็เล่นซะดอกเตอร์บลูเหนื่อยแทบขาดใจ ไม่ ต้องพูดถึงเรื่องอาบน้ำยังไม่ได้ได้อาบ

พอถึงห้องก็นอนสลบไปเลยบนเตียง

เช้าวันใหม่ดอกเตอร์บลูก็ได้อาบน้ำแต่งตัวและหาอาหารเช้า รับประทาน ยังที่ที่ในครัวยังมีพวกขนมปังต่างๆ เลยใช้รองท้อง ก่อนได้

“ดอกเตอร์เราจะทําอย่างไรต่อไปครับ” เสียงของเดวิดดังขึ้น หลังจากที่ดอกเตอร์บลูจัดการขนมปังชิ้นสุดท้ายในมือเสร็จ

จริงๆ แล้วดอกเตอร์บลูก็พึ่งมาถึงโลก ยังไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับ โลกนี้มากนัก วัฒนธรรม ความคิด ผู้คน เป็นสิ่งที่แตกต่างกัน ระหว่างคนของมิตินี้กับมิติเขา

ตั้งแต่เขายังเด็กหลังจากที่ได้เลือกแผนกที่สนใจแล้วเขาก็ได้ ฝันไว้ว่าสักวันหนึ่งจะค้นพบมิติคู่ขนาดให้ได้และเขาก็ทุ่มเทศึกษาค้นคว้า กับเรื่องนี้มาก จนกระทั่งละเลยการได้ใช้ชีวิตของ ตนเอง เพื่อน ความรัก เขาแทบไม่รู้จัก การค้นคว้าการวิจัยคือทั้ง ชีวิตของเขา

ในตอนนี้เขาได้ทำความฝันที่ทุ่มเทอย่างหนักมาตลอดหลายปี ได้สําเร็จ การค้นพบมิติใหม่นี้ ถึงแม้จะเป็นแค่เขาคนเดียวก็ตาม ที่ได้ค้นพบ

ที่สำคัญในโลกมิติคู่ขนานนี้ก็เป็นสิ่งที่ใหม่สำหรับดอกเต อร์บลู แม้ร่างกายนี้จะถูกดอกเตอร์บลูเข้ามาแทนที่แล้ว แต่ความ ต้องการลึกๆ ความฝันของเจ้าของร่างเดิมยังอยู่

“มันอาจจะเป็นโชคชะตาหรือว่าโอกาสที่ดีอีกครั้ง ที่ฉันจะได้ ใช้ชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ไอ้หนูร่างนี้เป็นร่างของเธอ ความคิดความ รู้สึกทุกอย่างก็ยังเป็นของเธอ แม้วิญญาณของเธอจะไม่อยู่แล้ว แต่ความฝันของเธอยังคงอยู่ ฉันจะช่วยทำมันให้สำเร็จเองและ ฉันจะเปลี่ยนแปลงโลกนี้เอง” ดอกเตอร์บลูได้ตัดสินใจด้วย ความแน่วแน่

“ในเมื่อฉันอยู่ในโลกมิตินี้ ฉันก็ควรเป็นคนของโลกนี้ ต่อจาก นี้ไปฉันก็คือหิน” หินเอ่ยขึ้น

“เดวิด ฉันต้องการรู้ทุกอย่างในโลกนี้ โหลดตัวเองเข้าสู่ เน็ตเวิร์คของโลกนี้ซะ และรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด ทำตอน นี้เลย”

‘รับทราบครับดอกเตอร์ เสียงเดวิดดังขึ้นก่อนจะอัปโหลดตัว เองผ่านสัญญาณไวไฟในบ้าน
ในโลกเดิมของดอกเตอร์บลู วิทยาการและเทคโนโลยีได้ พัฒนาไปถึงระดับสุดยอด ระบบ AI แต่เดิมนั้นเป็นแค่เพียงระบบ ตอบรับกับผู้ใช้ แต่ในยุคของดอกเตอร์บลู AI ถูกพัฒนาไปจนถึง ขีดสุด ระบบ AI ไม่ใช่แค่เพียงซอฟต์แวร์เท่านั้น ยังเป็นทั้ง ฮาร์ดแวร์และแอนดรอยด์

ระบบ AI ในโหมดซอฟต์แวร์นั้นไม่ได้อยู่ในสถานะโปรแกรม เท่านั้น แต่อยู่ในสถานะวิญญาณและสัญญาณ กล่าวคือ เมื่อเด็ก คนหนึ่งให้กำเนิดขึ้นจะได้รับ AI บรรจุตั้งแต่ยังทารก ซึ่งเชื่อมไป ถึงระบบประสาทและสัญญาณในสมอง นอกจากนั้นแล้วยังเชื่อม ติดกับวิญญาณของเจ้าตัว ทำให้ AI เป็นเหมือน พี่น้อง เพื่อนที่ เจริญเติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กันและจะไม่มีวันทรยศอย่างเด็ดขาด นอกจากนั้น AI ยังสามารถอัปโหลดตัวเองสู่ร่างแอนดรอยด์ที่ เหมือนมนุษย์สุดๆ อีกด้ว

ด้วยความสามารถนี้ทำให้การอัปโหลดตัวเองของเดวิดผ่าน สัญญาณต่างๆ เป็นเรื่องง่ายอย่างมาก แม้จะมีความล้าหลังของ ระบบฮาร์ดแวร์อยู่บ้าง

(** ขอเปลี่ยนจากการใช้คำว่าดอกเตอร์บลู เป็นหิน เพื่อง่าย ต่อการดำเนินเรื่อง **)

หลังจากที่ได้อ่านความจำของตัวเองทำให้หินทราบว่าช่วงนี้ก็ คือช่วงปิดเทอมใหญ่ระหว่างรอเข้ามหาลัย ถือว่าเป็นช่วงนรก และสวรรค์ของเด็ก ม.6 เลยก็ว่าได้ เด็กบางคนสามารถติด โควตาเข้ามหาลัยได้ตั้งแต่แรกก็สบาย แต่เด็กบางคนยังไม่มีที่ เรียนด้วยซ้ำและนั่นก็คือช่วงนรกสุดๆ และหินในตอนนี้ก็กำลังอยู่ในนรก

ฟ้าและกรต่างก็สอบเข้ามหาลัยได้ตั้งแต่แรกๆ มีเพียงแค่หน เท่านั้นที่สอบไม่ติดและอีกหนึ่งอาทิตย์ถัดไปนี้คือการสอบรอบ สุดท้ายแล้วมันทำให้หินคนเท่านั้นเครียดเป็นอย่างมาก

“อีกหนึ่งอาทิตย์สินะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าระบบของโลกนี้ เป็นยังไง อย่างแรกก็ต้องหาความรู้ หินจำได้ว่าไม่ไกลจากบ้าน นักมีร้านหนังสืออยู่ร้านหนึ่ง ถ้าเดินไปใช้เวลาแค่เพียงประมาณ 5 นาทีเท่านั้น และนี่คือจุดหมายปลายทาง ในวันนี้ จากนั้นหิน จัดการตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินทางไปยังร้านหนังสือ

เกือบหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดหินก็ได้มาถึงร้านหนังสือ

จริงๆ แล้วถ้าเดินตรงมาร้านหนังสือเลยต่อให้เดินช้าเต็มที่ก็ ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที แต่ในระหว่างทางเดินมันเต็มไปด้วย ความแปลกใหม่สำหรับหิน ทั้งรถยนต์ ผู้คน การแต่งตัว นั่น ทำให้กว่าหินจะเดินมาถึงก็ปาเข้าไปเกือบหนึ่งชั่วโมง

เมื่อหินเดินเข้ามาในร้านหนังสือทำให้เขาตื่นเต้นเป็นอย่าง มาก ในโลกเดิมนั้นหนังสือได้ถูกทำลายไปจนเกือบหมด ผู้คน ศึกษาหาความรู้ผ่านดิจิตอลเท่านั้น

ในช่วงเช้าผู้คนยังไม่เยอะมากนัก หินไม่ต้องการเสียเวลาจึง เดินเข้าไปหาโชนหนังสือที่ตัวเองต้องการทันที นั่นคือหนังสือ พวก คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และหนังสืออื่นๆ ที่จำเป็น สําหรับการใช้สอบ เมื่อพบแล้วหินจึงเริ่มอ่านทันที

ถ้ามีใครผ่านมาเห็นหินเข้าก็คงเข้าใจว่าหินกำลังอ่านหนังสือผ่านๆๆ เพื่อเลือกดูเท่านั้นแต่จริงๆ แล้วหินก็แค่อ่านผ่านๆ แต่ เขาสามารถจํามันได้หมด มากไปกว่านั้นยังสามารถสังเคราะห์ ความรู้ที่รับมาได้อีกด้วย

หินใช้เวลาทั้งวันอยู่ในร้านหนังสือ จนกระทั่งเย็น

“น้องคะ อีกสักครู่ร้านจะปิดแล้วนะคะ พนักงานสาวเดินเข้า มาบอกหิน ก่อนที่จะเดินไปเก็บร้าน

เสียงพนักงานที่ดังขึ้นทำให้หินรู้สึกตัว จากนั้นหินจึงเก็บ หนังสือเขาชั้นก่อนที่จะเดินออกจากร้าน

“อ่า นี่อ่านจนลืมกินข้าวเที่ยงจนได้” มันยังคงเป็นนิสัยเก่า ที่ยังแก้ไม่หาย เมื่อไหร่ที่มีสมาธิกับอะไรมากๆ จะทำให้หินลืมตัว

เสียงกระเพาะที่ร้องดังออกมาทำให้หินต้องมองหาร้านอาหาร เพื่อมาเติมเต็มกระเพาะของตัวเอง ก่อนที่หินจะหันไปเจอร้าน โจ๊กร้านหนึ่งซึ่งคนก็ไม่ค่อยเยอะนัก ก่อนที่จะเดินเข้าไปในร้าน

“เถ้าแก่ โจ๊กหมูใส่ไข่ ถ้วยหนึ่ง” ผมเอ่ยขึ้นก่อนจะมองหาโต๊ะ นั่ง ก่อนที่เหลือบไปมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่หมวกใส่แว่นแต่ง ตัวลึกลับคนหนึ่ง

ท่าจะบ้าละ ใส่หมวกใบใหญ่กับแว่นหนาเตอะในตอน กลางคืนเนี่ยนะ หินคิดขึ้นในใจ

ระหว่างที่กำลังนั่งรอโจ๊กที่สั่งนั้น ผมก็มองไปเห็นเด็กคนหนึ่งที่ อยู่อีกฟากของถนนซึ่งเด็กคนนี้มองมาที่ร้านด้วยสายตาคาดหวัง ผมจึงกวักมือเรียก
เมื่อเด็กคนนั้นเห็นผมกวักมือเรียก จึงหันซ้ายหันขวามองหา คนอื่นเพราะไม่มั่นใจว่าหินนั้นเรียกตนเองหรือไม่ พอไม่เห็นใคร จึงชี้มาที่ตัวเอง เห็นดังนั้นหินจึงพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่า ใช่เธอ นั่นแหละ

เมื่อรู้ว่าเป็นตนเด็กคนนี้จึงได้เดินข้ามฟากมายืนอยู่หน้าร้าน ก่อนที่จะมองเข้ามาหาหินด้วยความไม่มั่นใจ

“ไม่หิวเหรอ เข้ามาสิ” หินยิ้มขึ้นพลางเรียกเด็กคนนี้เข้ามา เด็กคนนี้จึงเดินเข้ามาช้าเหมือนยังคงหวาดระแวงและไม่ไว้ใจ ใคร ก่อนที่จะมานั่งอยู่ข้างหน้าตรงข้ามหิน ทําให้หินได้มีโอกาส ได้พิจารณาใกล้ๆ

เด็กคนนี้อายุ10กว่าขวบเนื้อตัวมอมแมม สวมใส่เสื้อผ้าที่เก่า และฉีกขาดมีท่าทางหวาดระแวง แววตาของเด็กคนนี้เต็มไปด้วย ความกลัว ความหิวโหย ความคาดหวัง

ทำให้หินอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่า เด็กอายุแค่นี้ทำไมถึงต้องมา เจอกับเรื่องเลวร้ายมากมายขนาดนั้น

“สั่งอาหารก่อนสิ” หินเอ่ยขึ้น

แต่เด็กคนนี้ไม่ตอบกลับก้มหน้า หินเลยหันไปสั่งให้ “เถ้าแก่โจ๊กหมูใส่ไข่เพิ่มอีกถ้วยหนึ่ง

สักครู่เถ้าแก่จึงเอาโจ๊กมาเสิร์ฟ
“มาแล้วๆ โจ๊กร้อนๆ ” พอเสิร์ฟเสร็จเถ้าแก่ก็มองไปที่เด็ก เร่ร่อนคนนั้นก่อนจะมองกลับมาที่หินด้วยแววตาล้ำลึก

“ขอบคุณมากเถ้าแก่” หินเอ่ยขึ้นก่อนจะเริ่มใช้ช้อนตักโจ๊กเข้า ปาก แต่เด็กตรงหน้าเขาก็ยังคงก้มหน้ากำมือนั่ง

“กินสิเดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน” หินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แต่เด็กคนนี้ก็ยังคงนิ่งไม่ขยับเหมือนเดิม

“โลกมันก็ไม่ได้โหดร้ายไปหมดทุกอย่างหรอกนะ ตราบใดที่ เธอยังคงมีความหวัง ความพยายาม ความอดทน สักวันหนึ่งมัน จะเป็นวันของเธอ แต่ตอนนี้เธอต้องกินจะได้มีแรงสู้ต่อไปได้”

เมื่อหินพูดจบก็ทำให้เด็กคนนี้ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ ก่อน ที่จะเริ่มทานโจ๊กตรงหน้าด้วยความรวดเร็ว

ทำให้หินยิ้มขึ้นมาบางๆ

“เถ้าแก่เพิ่มอีกถ้วย” เมื่อหินเห็นความเร็วในการทานจึงรู้ว่า แค่ถ้วยเดียวเด็กคนนี้ไม่น่าจะอิ่มจึงสั่งเพิ่มทันที

ผ่านไปชั่วครู่ความเร็วในการกินของเด็กคนนี้ก็ช้าลง อันที่จริง หินก็ทานโจ๊กของตัวเองเสร็จไปนานแล้ว เพียงแต่กำลังนั่งมอง เด็กคนนี้ทานอีกสองถ้วยที่สั่งเพิ่ม

เมื่อทานถ้วยสุดท้ายเสร็จเด็กคนนี้ก็ลุกขึ้นและมองมาที่หิน ด้วยสายตาขอบคุณก่อนที่จะรีบเดินออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว หินไม่ได้กล่าวอะไรจึงเรียกเถ้าแก่มาเก็บเงิน ก่อนที่จะเดินกลับ บ้านไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ