บทที่ 10 ดูถูกตัวเอง
เมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จ เจียงหยุนเอ๋อกำลังมองไปที่จุน ถึงที่กำลังคุยอยู่กับกวนจื่ออย่างสนิทสนม จึงเดินเข้าไปหาแล้ว พูดว่า “วันนี้ต้องขอบคุณคุณมากนะคะ……
“ไม่เป็นไร” ท่าทีที่สี่จุนถึงแสดงต่อเจียงหยุนเอ๋อเย็นชากว่า ท่าทีที่มีต่อถวนจื่อมาก แต่ก็ยังคงต้องรักษามารยาท
เมื่อพูดถึงความเย็นชาของจนถึง เจียงหยุนเอ๋อเองก็คิดไว้แต่ แรกแล้ว แต่ก็ทำได้เพียงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณช่วยพวกเราจัดการ เรื่องใหญ่เช่นนี้ ขอฉันเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อได้ไหมคะ?”
“ขอโทษด้วย” ลี่จุนถึงปล่อยมือถวนจื่อ แล้วหันไปมองเจียง หยุนเอ๋อสายตาไม่ได้แสดงอารมณ์อะไร “ผมไม่ทานข้าวกับคน แปลกหน้า”
ถึงแม้เจียงหยุนเอ๋อจะรู้อยู่แล้วว่า คนแบบจุนถึง ไม่ใช่คน ประเภทที่จะสามารถตีสนิทได้ง่ายๆ แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่จุนถึงพูด ออกมา ก็ทำให้รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
อีกทั้งยังรู้สึกทำตัวไม่ถูก และเธอเองก็แอบรู้สึกรำคาญอยู่ใน
ใจ
อีกทั้ง มีอะไรที่คุณชายของบริษัท ชื่อกรุ๊ปไม่สามารถซื้อกิน เองได้? ยังต้องให้ตนเองเลี้ยงอีกหรือ? เมื่อพูดเช่นนี้ออกมาก็ เหมือนเป็นการฉีกหน้า
ไม่มีเรื่องอะไรแล้วจะเชิญจุนถึงทานข้าวทำไม…แค่ดูก็รู้ แล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่จะเข้าถึงได้ง่ายๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าถวนจื่อ ทำอะไรให้เขารู้สึกถูกใจ จึงได้สนิทสนมกับเขาเช่นนี้ อาจจะเป็น เพราะเสน่ห์ของเด็กก็ได้
หลังจากจุนถึงพูดจบ ก็ไม่ได้หันมามองเจียงหยุนเอ๋ออีกเลย แม้แต่ครั้งเดียว แล้วจึงหันกลับไปขึ้นรถ เมื่อเห็นจนถึงขึ้นรถไป แล้ว เจียงหยุนเอ๋อเองก็รู้สึกว่าควรจะพาถวนจื่อไปได้แล้ว แต่ สุดท้ายกลายเป็นว่าเห็นถวนจื่อขึ้นรถไปกับจนถึง
“ถวนจื่อ!” เธอตะโกนเรียกด้วยความตกใจ
ถึงแม้จุนถึงอาจจะเมินเฉยต่อถวนจื่อบ้าง แต่คงไม่ได้เป็น เฉยถึงขั้นไม่ได้สังเกตเห็นว่าเขาตามไปด้วย ถวนจื่อตามเขาขึ้น รถไปเช่นนี้ ถ้าหากทำให้เทพเจ้าที่เคารพโกรธขึ้นมา จะทำเช่นไร
ถวนจื่อยังคงหัวร่อต่อกระซิก ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงของ เจียงหยุนเอ๋อหลังจากเสียงปิดประตู เจียงหยุนเอ๋อก็เหมือนถูก แยกอยู่ข้างนอก
เธอยืนตะลึงอยู่ที่เดิม อยากที่จะรีบเดินเข้าไป เพื่อเรียกให้ วนจื่อออกมา แต่เมื่อเธอเดินเข้าไปได้ไม่กี่ก้าว ยังไม่ทันจะเดินไป ถึงข้างๆรถหรู ก็มีบอดี้การ์ดตัวสูงใหญ่สองคน เดินลงมาจากรถ แล้วมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ทำให้เธอรู้สึกตกใจทันที
เจียงหยุนเอือมองพวกเขาอย่างตกตะลึง บอดี้การ์ดทั้งสองคน สวมแว่นดำ บนใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่าไม่ให้เธอเข้าไปใกล้อีก
เจียงหยุนเอ๋อจึงได้แต่ถอยหลังไปสองสามก้าว แต่ความ เคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายในรถ เธอไม่สามารถได้ยินเลย และไม่รู้ ว่าถวนจื่อตามขึ้นรถไปเพื่อที่จะทำอะไร ในใจจึงจดจ่ออยู่กับตรง นั้น และรู้สึกกระวนกระวายอย่างมาก
รออยู่สักพัก เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกทนไม่ไหว จึงจ้องตาของสอง บอดี้การ์ด แล้วตะโกนเสียงแข็งว่า: “ถวนจื่อ! เจียงซิ่งหวี! ถ้า ได้ยินแล้วก็รีบลงมาซะ!
เธอตะโกนอยู่ด้านนอกนานสองนาน จึงจะเห็นกระจกรถแง้ม ลงมา กวนจื่อยื่นหัวออกมาจากข้างใน เจียงหยุนเอ๋อจึงมองเห็น ว่าจนถึงนั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของเขา แต่มองไม่เห็นสีหน้า ท่าที
“หยุนเอ๋อ ผมกำลังเล่นเกมอยู่ แม่อย่าโวยวายสิ พูดจบ กระจกรถก็เลื่อนขึ้น เจียงหยุนเอ๋อทั้งร้อนใจทั้งโกรธ แต่ก็ไม่ สามารถทำอะไรได้
ถวนจื่อคนนี้ เพื่อที่จะเล่นเกมกลับทิ้งแม่ของตัวเองไว้ข้างนอก กลับไปคอยดูว่าเธอจะคิดบัญชียังไง
เจียงหยุนเอ๋อโกรธจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงได้แต่ยืนรออยู่ ด้านนอก หลายครั้งที่รู้สึกเหมือนจะห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะเดิน เข้าไปเปิดประตูรถแล้วลากวนจื่อออกมา แต่เป็นเพราะบอดี้ การ์ดทั้งสองคนช่างดูน่าเกรงขามจริงๆ เธอจึงไม่กล้าที่จะทำเช่น นั้น
ไม่รู้ว่ารออยู่นานเท่าไหร่ กวนจื่อจึงยอมเปิดประตูรถ แล้วเดิน ลงมาจากรถหรู
“หยุนเอ๋อ ทำไมแม่ยังอยู่ตรงนี้ เมื่อผมกับคุณอาลี่เล่นเกม ด้วยกัน ผมยอดเยี่ยมมาก จนคุณลุงชมผมตลอดเลย
เมื่อเห็นถวนจื่อไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด เจียงหยุนเอ๋อก็ยิ่งโกรธ แล้วพูดว่า “อะไรที่เรียกว่าแม่ยังอยู่ตรงนี้? เธอขึ้นรถของคนอื่น ไป จะให้แม่ไปอย่างวางใจอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความโกรธของเจียงหยุนเอ๋อ กวนจื่อก็เริ่มรู้สึก ตัวว่าเรื่องนี้ชักจะกลายเป็นเรื่องร้ายแรง “แหม หยุนเอ่อคุณอา เองก็ไม่ใช่คนไม่ดี แม่จะต้องเป็นห่วงทำไม?”
เจียงหยุนเอ๋อมองเขาเหมือนจะแต่ไม่ออก ที่เชื่อใจคนที่
เพิ่งจะรู้จักกันมากขนาดนี้ และก็ไม่รู้ว่าจุนถึงเองคิดจะเล่นกล
อะไรหรือเปล่า
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว ในเมื่อตอนนี้พวกเธอเล่นเกมกันเสร็จแล้ว ก็ กลับบ้านกับฉันได้แล้วใช่ไหม?” พูดพลาง เจียงหยุนเอ๋อก็จ งมือถวนจื่อ เพื่อที่จะพาเขาไปจากที่นี่
แต่ว่า เด็กที่ว่านอนสอนง่ายอย่างถวนจื่อ อยู่ดีๆกลับขัดขืนขึ้น มา เจียงหยุนเอ๋อเองก็ยังไม่ทันได้เตรียมตัว ถวนจื่อก็สะบัดมือ ออก
เจียงหยุนเอ๋อมองอย่างคาดไม่ถึงมาก่อน แล้วเอ่ยถาม: “ถวน
จื่อ เธอ……
“หยุนเอ๋อ เดี๋ยวอาพาผมไปกินข้าว กลับไปก่อน เถอะกวนจื่อราวกับการทานข้าวกับจุนถึงเป็นเรื่องปกติที่เกิดในชีวิต ประจําวัน
เห็นท่าทีที่จริงจังของถวนจื่อ เจียงหยุนเอ๋อความรู้สึก อย่างหนึ่งขึ้น….ตนเองเลี้ยงถวนจื่อมาอย่างยากลำบากด้วยตัว คนเดียว กลับต้องถูกลักตัวไปเช่น
เมื่อพูดถึงจุนถึง เจียงหยุนเอ๋อเองยังได้รู้สึกวางใจ จริงเขากับถ้วนจื่อเองไม่ความเกี่ยวข้องอะไรแล้วทำไมยัง ต้องสิ้นเปลืองเงินเพื่อเลี้ยงข้าวถวนด้วย
………..ถวนจอรู้สึกสงสัยตัวของจุนถึงเลย แม้แต่น้อย อีกทั้งยังเชื่อใจมากอีกต่างหาก
เจียงหยุนเชื่อใจคนอื่นมากขนาดนี้ คุณลุงนั้นเกิดเป็นคนไม่ขึ้นมา แล้วลักตัวเธอถ้าแม่หาตัวเธอเจอละก็ อย่างไร
ถวนจื่อมองเจียงหยุนเอ๋อด้วยสายสิ่งที่พูด เขายื่นมือออกรถอยู่ข้างๆ กันนั้น พูดว่า หรือยัง คันราคาน่าจะเป็นล้าน สิบคนยังเทียบได้
ได้ยิน เจียงหยุนเอ๋อก็เถียงไม่ออก คิดไม่ว่าถวนจื่อจะ ฉลาดไวเสียทั้งหมด แล้วขยับปากเหมือนจะพูดอะไรต่อ
เมื่อเห็นสีหน้าลังเลของเจียงหยุนเอ๋อถวนจื่อจึงพูดตามประสา เด็กว่า: “หยุนเอ๋อ แม่วางใจเถอะ คุณอาลีดูน่าเชื่อถือออกอย่าง นั้น ผมไปทานข้าวกับเขา ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก”
“แต่ว่า…….” คิ้วของเจียงหยุนเอ๋อยังคงขมวดอยู่
“ไม่เป็นไรจริงๆครับ” ถวนจื่อมองเจียงหยุนเอ๋อด้วยสีหน้า จริงจัง “คุณยายยังรอให้แม่กลับไปดูแลอยู่ อย่าเอาแต่มาตัวเป็น ห่วงผมเลย ตอนเย็นคุณลุงจะพาผมกลับไปส่งแน่นอน แม่วางใจ เถอะ”
พูดจบ กวนจื่อก็ขยิบตาให้เจียงหยุนเอ๋อ : “อีกทั้ง ผมฉลาด ขนาดนี้ แม่ยังไม่วางใจผม เช่นนั้นผมก็รู้สึกขายหน้ามากจริงๆ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ