ตอนที่ 7 ไปเป็นขอทาน
ตระกูลหลิน
เมื่อ หลินหยุนซินเข้าไปในห้องรับแขกหลินยูลี่กับแม่ เลี้ยงเฉินหงนั่งก็นั่งรอเธออยู่บนโซฟาแล้ว
“โอโห ไม่สมกับเป็นสะใภ้ตระกูลลู่เลยนะ แถมยังให้ฉันรอ นานมากอีก” เฉินหงจงใจพูดเสียดสี
หลินยูลี่ ก็หัวเราะอย่างเย็นชาเช่นกันจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “สะใภ้อะไรกัน เป็นแค่แม่บ้านที่คอยรับใช้มนุษย์ผักก็เท่านั้น แหละ หึ…แค่ชื่อตำแหน่งนี้ ฉันยังเป็นคนให้แกเลย”
ไฟแห่งความโกรธปะทุขึ้นมาในใจของหลินหยุนซินแต่ ก็พูดออกมาอย่างเรียบ ๆ “ถ้าเธออยากเป็นสะใภ้ เธอจะไป เองก็ได้นะ”
เฉินหงลุกขึ้นจากโซฟา ยกมือขึ้นตบหน้าหลินหยุนซินไป หนึ่งฉาก ทำเอาหลินหยุนซินปวดแสบปวดร้อนหน้ามาก
“นางสารเลว ใครใช้ให้แกปากดีฮะ หรือว่าแกลืมกำพืด ของตัวเองแล้ว แค่เลวทรามต่ำช้าก็พอทนแล้ว แกยังจะ ทำให้ฉันบ้าคลั่งอีก เป็นสะใภ้ตระกูลลู่แล้วไงล่ะ ไม่ได้มีพิธี ใด ๆ ไม่มีทะเบียนสมรสใด ๆ แกมันก็เป็นแค่แพะรับบาปตัว หนึ่งของตระกูลหลินเท่านั้นแหละ”
หลินหยุนซินกำมือแน่น พยายามอดกลั้นความรู้สึกไม่ให้น้ำตาร่วงลงมา
เธอไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าคนพวกนี้
ตอนนั้นคนที่ ลู่ยี่ซิงแอบคบด้วยไม่ใช่เธอ แต่เป็นหลินยูลี่ น้องสาวต่างมารดาของเธอ
แต่ตอนนั้นเกิดเรื่องนั้นขึ้นทำให้ลู่ยี่ซิงกลายเป็นมนุษย์ผัก
ตระกูลลูให้ตระกูลหลินยอมรับว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิด เรื่องและเป็นคนที่คบกับลู่ยี่ซิงในตอนนั้นด้วย
แม่เลี้ยงเฉินหงของเธอจะยอมให้หลินยูลี่ ตกระกำลำบาก ได้อย่างไรกันเล่า ดังนั้นจึงต้องการแพะรับบาปคนหนึ่งไป แทนที่
เฉินหง ใช้ค่ารักษาพยาบาลของแม่แล้วเอาแม่ไปซ่อน บังคับให้เธอยอมรับว่าเธอแอบคบกับลู่ยี่ซิงเธอทำร้ายลู่ยี่ ซิงทำให้ลู่ยี่ซิงกลายเป็นมนุษย์ผัก
ถ้าตอนนั้นเธอไม่รับปาก เขาก็จะทำให้แม่หายตัวไปจาก โลกนี้อย่างไร้ร่องรอย
เธอเลยจำต้องแต่งงานกับลู่ยี่ซิงเพื่อแลกกับสิ่งนี้
ไม่มีความสัมพันธ์ทางกฎหมาย ไม่มีพิธีรีตองใด ๆ ความ จริงแล้วเธอ “แต่งงาน” กับลู่ยี่ซิงเพื่อมาเป็นแม่บ้าน
เมื่อลู่ยี่ซึ่งไม่ฟื้น เธอก็เป็นแค่แม่บ้านส่วนตัวของเขา เพียงเพราะเธอได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่ลู่ยี่ซิงรักที่สุด
หลินยูลี่ “เหอะ ๆ” หัวเราะ “แม่คะ แม่น่าจะสั่งสอนหล่อน นะ หล่อนจะได้ไม่ลืมกำพืดของตัวเอง บางคนฐานตัวเอง ต่ำต้อยก็เท่านั้น บังเอิญโดนฉันยกฐานะขึ้นมา ยังคิดว่าตัว เองหงส์จริง ๆ อีกหรือไง แต่ความจริงแล้วแกมันก็เป็นแค่ ไก่ป่าตัวหนึ่งเท่านั้นนั่นแหละ อีแรด ! แค่ฉันใช้กำลังนิด หน่อย ก็สามารถเหยียบย่ำแกให้ตายได้ ไม่ให้แกมีวันโงหัว ขึ้นมาได้เลย”
หลินหยุนซินได้ยินคำพูดที่น่าอัปยศอดสูนั้นแล้ว เธอก็ โกรธจนตัวสั่น
เธอยากจะด่ากลับไปเลยมาก ๆ
ใครตากันแน่
แม่ของเธอคือเป็นภรรยาของพ่ออย่างถูกต้อง เฉินหงต่าง หากที่เป็นมือที่สาม
พ่อใช้เงินของคุณตาทำธุรกิจจนเติบใหญ่ พอนับวันกิจการ ยิ่งโตขึ้น ๆ ก็หย่ากับแม่ แล้วแต่งงานกับเฉินหง ตอนนั้น หลินลี่ ก็เด็กกว่าแค่เดือนเดียวเท่านั้น
หลายปีมานี้ เธอกับแม่ต่างก็พึ่งพากันเพื่อความอยู่รอด ถึง จะอยู่กันอย่างเรียบง่ายแต่ก็มีความสุขดี
แต่แม่เธอป่วยตอนที่เธอเรียนมหาลัยในตอนนั้น เธอ ทำงานหาเงินหนักมาก มากที่สุดวันหนึ่งสามงาน ทุกวันพัก ผ่อนแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง เพียงเพื่อหาเงินให้พอจ่ายค่า รักษาพยาบาลให้แม่
เธอเคยคิดถึงขนาดจะดรอปเรียน
ถ้าแม่ไม่ขู่ว่าจะตายให้ดู ไม่อยากให้เธอเป็นตัวถ่วงเธอ ดึงดันจะให้เธอเรียนหนังสือ เธอก็คงจะเรียนไม่จบหรอก
แต่เมื่ออาการของแม่เธอแย่ลง ต้องการเงินก้อนหนึ่งเอา ไปผ่าตัดช่วยชีวิตแม่ของเธอ เธอนึกถึงพ่อที่ทิ้งตัวเองกับแม่ ไปขึ้นมา
ตั้งแต่เธออายุห้าขวบหลังจากที่แม่พาออกจากบ้านมา พวกเขาก็ไม่ได้ติดต่อพ่ออีกเลย แม้แต่ค่าอุปการะเลี้ยงดูแม่ ก็ไม่อยากได้จากเขา เพียงเพราะไม่อยากติดต่ออะไรกับเขา อีก
แต่ตอนนั้นเธอไม่มีทางเลือกจริง ๆ
เพราะว่าเธออยากช่วยชีวิตแม่
แต่ทว่า เมื่อเธอกลับมาบ้านที่เธอจากไปหลายปีแล้ว นอกจากจะเจอพ่อที่เย็นชาไม่สนใจใยดี แถมยังมีแม่เลี้ยงที่ เย้ยหยันและน้องสาวลูกติดแม่เลี้ยงที่เย่อหยิ่งขี้อวดโดยส ปอยราวกับเจ้าหญิงรอเธออยู่ด้วย
แม้ว่าเธอจะอธิบายอาการป่วยของแม่ให้พวกเขาฟังเพื่อ ขอเงินค่ารักษาพยาบาลก้อนหนึ่งจากพวกเขา แต่แม่เลี้ยงก็ แค่ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วโยนให้เธอหนึ่งร้อยหยวน “ถือเสียว่า เป็นขอทานมาขอเงินถึงที่ก็แล้วกัน”
เธอรู้สึกอับอายมาก ไม่ได้ไปเก็บร้อยหยวนบนพื้นนั้น ดู เหมือนหมาตกน้ำตัวหนึ่งที่จนตรอกไม่มีที่ไปหนีออกจาก บ้านหลังนั้นมา
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ