ตอนที่ 3 ว่าที่ภรรยาของเธอ
ตอนคืน ห้องรับแขกพูลสวัสดิ์
“เมื่อวานโอกาสดีขนาดนั้น ไม่นึกเลยว่าเธอจะปล่อยให้ หลุดมือได้”
“คุณแม่ หนูวางยาให้เขาจริงๆและยังให้คนไปทำลาย กล้องวงจรปิดในโถง หนูไม่รู้ว่าทำไมสุดท้ายแล้วเขาถึงไม่ มาที่ห้องหนู…”
“เธออ่ะ..โง่! ให้เธอตามเขาไปเธอก็ไม่ทํา ปล่อยให้ โอกาสเสียไปเปล่าๆ ทาวัตไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิง ถึงแม้ว่า เธอจะหมั้นกับเขาแล้วก็ไม่แตะต้องเธอ อย่างนี้เมื่อไหร่เธอ จะได้ท้องสักที ถ้าเธอไม่ท้องจะอยู่ในบ้านธัมรุจินันท์อย่าง มั่นคงได้ยังไง”
ที่ครองขวัญหมั้นกับทาวัตได้ ก็เพราะบรรพบุรุษของบ้าน พูลสวัสดิ์และบ้านธัมรุจินันท์มีความสัมพันธ์ที่คบกันมา หลายชั่วอายุคนเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว เมื่อปู่ของทั้งสองฝ่าย ยังมีชีวิตอยู่ แค่คำพูดเล่นๆไม่กี่คำก็ให้รุ่นหลานของทั้งสอง ฝ่ายหมั้นกันไว้ล่ะ
ตอนแรกทุกคนไม่มีใครนับเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จนกระทั่ง ตอนนี้บ้านพูลสวัสดิ์ไม่ใช่บ้านพูลสวัสดิ์เหมือนเมื่อก่อนอีก แล้ว เพื่อให้บ้านพูลสวัสดิ์สามารถกลับไปเป็นสภาพเดิม ชยุตจึงจัดการงานหมั้นนี้ขึ้นมาโดยไม่มุทะลุทุกอย่าง
ใครจะไปรู้ แผนดีๆสุดท้ายก็พังได้
“หนูรู้แล้ว คุณแม่หยุดพูดได้แล้ว ไอ้วรินทรมาละ”
ครองขวัญกำลังคุยอยู่เรื่องเมื่อคืนกับคุณนายอรัญญา เมื่อมองเห็นว่าวรินทรลงมา เธอรีบเงียบเสียง
ถึงเวลาอาหารเย็น วรินทรก็ถูกคนใช้เรียกลงมากินข้าว
คืนนี้มีเพียงเขาสามคนกินข้าวกัน
เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร กินไปและนั่งเงียบฟังคำพูด พล่อยเหยียดหยามของคุณนายอรัญญา
“ทำตัวเองเป็นคุณชายของบ้านพูลสวัสดิ์แล้วซินะ แค่กิน ข้าวยังต้องให้คนไปตามตั้งหลายครั้ง แล้วเรื่องเรียนไม่ต้อง ไปเรื่องแล้วเหรอ ? ครูโทรมาที่บ้านแล้วนะ”
เพราะถูกทาวัดทรมานมาทั้งคืน วรินทรไม่มีจิตใจจะไป
เรียนจริงๆ
“วันนี้ผมไม่ค่อยสบาย ลาหยุดกับครูแล้ว” วรินทรเขี่ยเม็ด ข้าวเข้าปากแล้วอธิบาย
ครองขวัญที่อยู่ข้างๆพูดเหยียบหยามเพิ่มอีกประโยค “อ่า.. ฉันคิดนะ แกอาจอยากจะอยู่บ้านพูลสวัสดิ์อยู่ฟรีกินฟรี ต่างหาก” ท่าทางหยิ่งยโสกับลักษณะเชื่อฟังต่อหน้าชยุต ในตอนกลางวันมาก
วรินทรยังจำวันแรกที่มาถึงบ้านพูลสวัสดิ์ได้ ต่อหน้าชยุต ครองขวัญเรียกเธอว่าน้องชายแท้ๆ ท่าทางสนิทสนมมาก ทำให้เธอซาบซึ้งอยู่นาน
แต่หลังจากนั้นเธอบังเอิญได้ยินครองขวัญกับคุณนายอ รัญญาคุยกัน เลยรู้ว่าที่ผ่านมานี่เป็นแค่การแสดง เพื่อจะหา โอกาสไล่เธอออกจากบ้านนี้
สำหรับการกลั่นแกล้งของสองแม่ลูกคู่นี้ วรินทรเลือก ที่จะนิ่งเงียบ เธอแค่อยากรีบกินให้เสร็จเร็วๆแล้วหนีไป แต่ เมื่อเธอวางชามและตะเกียบ เตรียมที่จะหันเดินออกไป คุณ นายอรัญญาก็พูดขึ้น
ได้ยินแค่ว่า “ดูลักษณะอ่อนแอขี้ขลาดของแก แล้วอาบ อายจริงๆ แต่แกก็โชคดีจริงๆ ได้แต่งงานกับลูกสาวบ้านหัน มณี ถึงเวลาที่แกแต่งงานแล้วอย่าทำให้บ้านพูลสวัสดิ์ต้อง ขายหน้า”
อะไรนะ ?
แต่งงาน ?
วรินทรตกตะลึก เงยหน้ามองคุณนายอรัญญา
“ลูกสาวบ้านหันมณีที่ไหน ? แต่งงานอะไร ?”
ครองขวัญที่นั่งอยู่ข้างๆหัวเราะอย่างเยือกเย็น “บ้านหัน มณีเป็นตระกูลยิ่งใหญ่มีชื่อเสียงในเมืองเจียง คนอื่นอยากจะแต่งงานกับคุณหนูหันมณีก็ไม่มีโชคนี้ ลูกนอกสมรสอย่าง แกควรจะดีใจแล้วสิ
สำหรับ คุณดารินทร์ ลูกสาวคนโตของบ้านหันมณี ซึ่งมี ข่าวว่า ร่างกายไม่แข็งแรง ป่วยอยู่บ่อยๆ
เมื่อไม่กี่วันมานี้ คุณนายของบ้านหันมณีฟังคำพูดของ อาจารย์ท่านไหนเข้า เลยอยากช่วยหลานสาวสุดที่รักของ เขาหาหลานเขย
ผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงานทั้งเมืองเจียงส่งวันเดือนปีเกิด
ไปให้แล้ว
และวันเดือนปีเกิดของวรินทรก็ถูกสองแม่ลูกนี้ส่งไปด้วย เพราะหวังว่าจะเป็นการไล่วรินทรออกจากบ้านพูลสวัสดิ์
ใครจะไปรู้ละว่า วรินทรถูกเลือกได้จริงๆ ทำให้สองแม่ ลูกนี้ดีใจเป็นอย่างมาก
“พ่อรู้เรื่องนี้ไหม?” วรินทรกัดริมฝีปากแล้วถามด้วยเสียง
เบา
เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จะไปเป็นเขยแต่งเข้าบ้านคนอื่น ได้ยังไง ช่างเหลวไหลไร้สาระเกินไปแล้ว
ชยุตตามเขากลับมาไม่ใช่จะให้เป็นทายาทเหรอ ? เขา จะยอมให้เธอไปเป็นเขยแต่งเข้าบ้านคนอื่นเหรอ ?
เมื่อได้ยินคำพูดวรินทร คุณนายอรัญญาก็เงียบงันพูด
ไม่ออก
เรื่องนี้ ชยุตไม่รู้จริงๆ
แต่ครองขวัญเงยคางขึ้นอย่างหยิ่งยโส มองไปยังวริน ทรอย่างดูหมิ่น ว่า “พ่อต้องเห็นด้วย รอให้ฉันแต่งเข้าบ้าน ธัมรุจินันท์แล้วคลอดลูกชาย สมบัติของบ้านพูลสวัสดิ์ก็ไป ไม่ต้องให้ลูกนอกสมรสอย่างแกมาสืบทอดหรอก ไปมอง สภาพตัวแกสิ ช่างกะเทยจริงๆ !”
เกิดเป็นลูกสาวของเศรษฐีแท้ๆ แต่พูดจากลับแสบสัน
วรินทรอดทนนิ่งเงียบ เธอสามารถอดทนให้ครองขวัญ สบประมาทเหยียดหยามแต่การแต่งงานทำให้ฐานะของเธอ ถูกเปิดเผยไวขึ้น
เพราะเหตุนี้ทำให้เธอโต้แย้งคำพูดของครองขวัญเป็น ครั้งแรก ตั้งแต่เข้ามาในบ้านพูลสวัสดิ์
“ผมไม่เห็นด้วย ผมจะไม่แต่งงานกับคุณหนูหันมณี”
ได้ยินวรินทรที่อ่อนแอขี้ขลาดมาโดยตลอดพูดโต้แย้ง กลับมา ครองขวัญสองแม่ลูกทั้งคู่โกรธจนตาแทบจะถลอนอ อกมาข้างนอก
คุณนายอรัญญาลุกขึ้นแล้วชี้ไปยังวรินทร “แกจะกล้า ไม่ตกลงหรือ ฉันขอเตือนแกนะ แกจําเป็นต้องยอมเป็นเขยแต่งเข้าบ้านหันมณี !”
“ผมไม่ยอม !”
ครองขวัญเห็นท่าทางมุ่งมั่นของวรินทร แสงกระกาย แววตามืดลง ยิ้มแบบเยือกเย็น “ดีเลย ถ้าแกไม่ตกลง ฉันจะ โทรหาโรงพยาบาลตอนนี้บอกพวกเขาว่าบ้านพูลสวัสดิ์จะ ไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาลของแม่แกแล้ว”
พูดจบ วรินทรเงียบลงมาทันที
บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรสำคัญกว่าเรื่องนี้อีกแล้ว
เมื่อเห็นว่าวรินทรไม่ตอบโต้ สองแม่ลูกนั้นมองกัน เหมือนผู้ชัยชนะ
ครองขวัญพูดอย่างโอหัง “วรินทร แค่แกไปเป็นเขยแต่ง เข้าบ้านหันมณีดีๆ ค่ารักษาพยาบาลของแม่แกก็จะไม่ถูก ตัด”
วรินทรมีแต่ยอมตามโชคชะตา ตอบรับคำด้วยน้ำเสียง อ่อนน้อม “ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ