9.เชิญหมอมารั…
“ข้าตั้งราคาน้อยมากแล้ว นอกจากนี้ โสมต้นไม่ใหญ่มากแล้ว อย่างไร ? ต้นจะเหี่ยวหรือบาง คล้ายว่าหาได้มีผลอันใดไม่? ถึง อย่างไรเถ้าแก่ก็ต้องเอาไปบดจนเป็นผงอยู่ดี ในฐานะคนเป็น หมอเหมือนกัน ต่อให้เป็นหมอแผนตะวันตก ทว่าหลิ่วเจินเอง นั้น ยังมีความรู้ความเข้าใจในการใช้ยาแผนโบราณอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น สมุนไพรจำพวกโสมนี้ถือเป็นยาบำรุงขนานแรง และบรรดาคนที่มีสุขภาพอ่อนแอ โดยทั่วไปร่างกายมักทนกับ สมุนไพรตัวนี้ไม่ได้ และถึงแม้นโสมจะเป็นที่ต้องการ การจะ นำมาบริโภค ก็ต้องเอามาบดเป็นผง หรือบางทีก็นามาเป็น ส่วนผสมหนึ่งในตำรับยา
เถ้าแก่ออกจะคาดไม่ถึง มิคิดว่าหญิงชาวบ้านก็ยังรู้จักวิธี ใช้โสมนี้ เชาส่ายหน้าและเอ่ยขึ้น “ในแถบนี้ คนที่พอกินโสม ได้ อันที่จริงแล้วมีอยู่น้อยนิด เหล่านายท่านผู้ร่ำรวยมีฐานะ ชอบให้ตัวเองดูดี คอยมากว้านซื้อไปหมด ของในมือเจ้านี่ ไม่ ถึงกับมีคุณภาพสูง แต่ก็นับว่าไม่แย่ หากข้ารับมาด้วยราคานี้ ก็ขาดทุนพอดี ข้าให้อย่างมากที่สุด 5 ตำลึงก็แล้วกัน
กดราคาลงตั้งครึ่ง ช่างเขี้ยวเกินไปแล้ว
หลิ่วเจินจงใจทำท่าลังเล เจ้าของร้านเห็นดังนั้น เลยรีบ โน้มน้าว “ในเมืองนี้มีร้านยาเพียงสามร้าน และร้านเราก็เป็น ร้านยาใหญ่ที่สุด ข้าให้เจ้าราคานี้ร้านที่เหลือย่อมไม่ให้ราคา สูงกว่านี้แน่ ส่วนของอย่างพวกโสมภูเขานี่ เมื่อขึ้นเขาคราวหน้า เจ้าสมควรไปเก็บมาอีก แล้วก็ส่งมาให้ข้าทั้งหมดเลย นอกจากโสมภูเขาแล้ว หากเจอสมุนไพรอื่น ๆ ก็เอามาด้วย ข้า จะเหมาหมดเลย แถมให้ราคางามกว่าที่อื่นด้วย”
หญิงสาวพรูลมหายใจ คล้ายกำลังตัดสินใจ ครั้นแล้ว หญิงสาวจึงเอ่ยเสียงขรึม “ตกลง ทว่าท่านกดราคาเสียต่ำเรียดินเช่นนี้ ข้าแทบไม่ได้อันใดเลย มิสู้เอาแบบนี้เล่า ท่านก็ เป็นหมอ มีคนที่บ้านข้าคนหนึ่งล้มป่วยอยู่พอดี ท่านพอจะช่วย ไปตรวจสามีข้าโดยไม่คิดเงินได้หรือไม่? สามีข้าไม่ทันระวัง ไป หกล้มบนเขาจนขาหัก ยามนี้เดินไม่ได้”
ทุกวันนี้ ไปหาหมอครั้งหนึ่ง ค่ารักษาไม่ใช่ถูก ๆ ส่วน ใหญ่หมอจะไม่มารักษาถึงบ้าน จะให้หมอมาหา ก็ต้องมีค่าใช้ จ่ายเพิ่ม ดังนั้นหลิ่วเจินจึงคิดแผนการ ทำเป็นยอมถอยให้ แล้วค่อยให้โน้มน้าวอีกฝ่ายไปจับชีพจรรักษาคนที่บ้าน ตน
เจ้าของร้านไม่รู้เจตนาแท้จริงของหลิ่วเจิน จึงคิดว่าตน เป็นฝ่ายได้เปรียบ แน่นอนเขาพยักหน้าตกลง เช่นนั้น เจ้าก็ลง นามในสัญญาฉบับนี้ เจ้าเอาโสมให้ข้า และข้าจะตามเจ้าไปที่ บ้านเจ้า”
ภายหลังทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หลิ่วเจินถึงกับน้ำตา คลอหน่วย ขณะกำเงิน 5 ตำลึงไว้ในมือแน่น ในชีวิตของหญิง สาว นางไม่เคยต้องลำบากดิ้นรนหาเงินยากเย็นแสนเข็ญ
เหมือนอย่างในตอนนี้เลย
ท่านหมอมีเกวียนเทียมลาของเขาเอง ส่วนหลิ่วเจินเอง ก็ไม่ใคร่อยากเดินกลับอีก ก็เพราะตอนนี้เท้านางพุพองไปหมด
แล้ว
ด้วยระยะทางอันแสนไกล กว่าจะมาถึงบ้านก็ตกเย็นเสีย แล้ว ในบ้านมีเพียงแสงริบหรี่จากตะเกียงที่จุดไว้ กู้หรูเฟิงกำลัง นั่งอยู่ข้างหน้าต่าง ในมือถือตำราเล่มสุดท้าย อาศัยแสงจันทร์ อันน้อยนิด อ่านหนังสือซึ่งก็แทบไม่เห็นตัวอักษร นัยน์ตาชาย หนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความกระหายใครรู้
“ท่านหมอ โปรดดูคนไข้ให้หน่อยเจ้าค่ะ”
กู้หรูเฟิงเห็นหลิ่วเจินกลับมา ซ้ำยังมีหมอตามหลังมาด้วย ชัดเจนว่านางพาหมอมารักษาตน ทว่าไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอม
ออกเงินให้ตน
อันที่จริงเขาเป็นคุณชายน้อยจากตระกูลสูงศักดิ์และมั่งคั่ง ร่ำรวย ตั้งแต่เด็ก ไม่เคยรู้จักว่าอะไรคือความอัตคัดขัดสน ทว่า ยามนี้หลังจากต้องมาตกทุกข์ได้ยาก ถึงได้เข้าใจว่าเงินทอง นั้นหายากเพียงใด แวบแรกที่เห็นอีกฝ่ายเชิญหมอตัวเป็น ๆมา ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาก็คือ นางไปเอาเงินมาจากไหน?
“ชาข้าวดีขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องรักษาหรอก”
หลิ่วเจินถกขากางเกงของเขาขึ้นอย่างอดไม่ได้ แล้วกระ ซิบกับชายหนุ่ม “ข้าจ่ายเงินแล้ว ท่านให้ท่านหมอดูโดยดีเถิต”
แม้ว่านางเองก็เป็นหมอเช่นกัน ทว่าตอนนี้นางไม่มีเครื่อง ไม้เครื่องมืออันใด และเวลานี้ นางยังต้องพึ่งพาคนท้องถิ่นของ ยุคนี้อยู่
ท่านหมอตรวจดูอาการอย่างละเอียด แล้วเปรยขึ้น “แย่ หน่อยที่อากาศเย็นขึ้นทุกที ต่อให้ยามนี้เป็นหน้าร้อน ก็เสีย เวลารักษากันนานมาก และหากปล่อยทิ้งไว้จนเรื้อรัง นานไปไม่ รักษาขาทั้งสองข้างนี้คงรักษาเอาไว้ไม่ได้แน่”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ