15.โล่งอก
หิมะแรกซึ่งมาถึงแล้ว กำลังร่วงหล่นใส่คนทั้งสอง มองดูคล้าย คนทั้งสองแก่ผมขาวไปด้วยกัน
ยามนี้ไม่มีอาหารในบ้านเหลือให้กินแล้ว นี่เป็นสัญญาณ บอกว่า หลิวเจินจะต้องขึ้นเขาเข้าป่าอีกครา ทว่าหิมะเพิ่งตกไป รอบหนึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางเดินบนภูเขาจะลื่นมาก ทำให้เดินยาก การขึ้นเขาเข้าป่าในช่วงเวลานี้ นับว่าอันตรายอย่างที่สุด
แม้กู้หรูเฟิงจะไม่เห็นด้วยก็ตาม ทว่าก็ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ อีกเหมือนกัน เมื่อไม่มีทางเลือก ชายหนุ่มขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้ว เอ่ยขึ้น “เจ้าบอกข้ามาว่าของกินพวกนั้นอยูแถวไหน ข้าจะไป เก็บให้เอง”
“ที่ข้าขึ้นเขา มิใช่เพื่อหาของกินใส่ท้องเท่านั้น ยังต้องไป เก็บสมุนไพร เพื่อนำไปขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินด้วย”
“เช่นนั้น …พวกเราก็เดินทางขึ้นเขาไปด้วยกันเถิด” สรุปสั้น ๆ เจ้าไม่อาจเข้าไปในสถานที่อันตรายเช่นนั้น
ตามลำพังคนเดียวได้นั่นเอง
หลิ่วเจินพินิจท่าทีดื้อรั้นของอีกฝ่าย จำต้องยอมอ่อนข้อ
ให้อย่างหมดทางเลือก
คนทั้งสองขึ้นเขาเข้าป่าไปด้วยกัน ถึงแม้มีข้อดีที่สามารถ พึ่งพากันและกันได้ แต่เมื่อมองในมุมอื่น การมีคนมากขึ้น จะ ทำให้วิ่งหนีเอาตัวรอดไม่ใคร่สะดวกนัก มีโอกาสเจออันตรายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ยามที่นางเข้าไปในภูเขาเป็นครั้งแรกนั้น นางไม่เจอตัว อะไรเลย ป่าดูเงียบเชียบทีเดียว ทว่าเข้าไปในภูเขาเวลานี้ ชัดเจนว่ามิได้โชคดีอย่างคราแรกนัก
ทางเดินบนภูเขา เดิมทีก็รกชัฏยากจะเดินฝ่าไป มาคราวนี้ สถานการณ์ย่ำแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเส้นทางเต็มไปด้วย ดินโคลน ลื่น อากาศรอบตัวเย็นยะเยือกตลอดเวลา อาภรณ์ที่ ห่อคลุมกายคนทั้งสอง ไม่อาจป้องกันความหนาวเย็นได้เลย สักกะผีกริ้น ทำให้ร่างกายของพวกเขาเย็นจัดจนแทบจะเป็นน้ำ แข็งอยู่แล้ว ทว่าแต่ละคนต่างพยายามดิ้นรนบากบั่นประคอง กาย ให้ก้าวเดินไปบนเส้นทางไปทีละก้าว ๆ
คนทั้งสองต่างปืนขึ้นไปบนทางลาดชันด้วยความยาก ลำบาก มันสูงชันจนน่าเสียวไส้ เวลาเหยียบไปบนแง่งหินเล็ก ๆ มันจะร่วงหล่นและกลิ้งหายไปอย่างรวดเร็ว
ขนาดหญิงสาวระวังตัวอย่างดีแล้ว ยังพลาดไปเหยียบบน แง่งหินเล็ก ๆ ก้อนหนึ่ง จนตนเองลื่นไถลเกือบจะร่วงลงไป
หญิงสาวเกาะพื้นที่เอียงไว้แน่น พยายามยกตัวขึ้น มองดู แล้วช่างน่าหวาดเสียวนัก ในเสี้ยวเวลาแห่งความเป็นความ ตายนั้น มีความคิดวาบผ่านในหัวนางมหาศาล ตลอดชีวิตที่ ผ่านมา หญิงสาวอุตสำห์ช่วยเหลือชีวิตผู้คนมานับไม่ถ้วน แต่ เหตุใดชะตาชีวิตตนถึงลำบากยากแค้นเช่นนี้ สรรค์ช่างสนุกกับ การกลั่นแกล้งมนุษย์เสียจริง ๆ
ทว่าเพียงไม่นานหญิงสาวก็พบว่าตนเองยังไม่ไกลร่วงลง ไปเสียที นั่นเพราะกู้หรูเฟิงคว้ามือนางไว้ทันเวลาพอดี เขายึด มือนางไว้แน่น ดวงตาสีดำขลับทอประกายเรืองวาบ ชายหนุ่ม ร้องตะโกนเสียงพร่า “จับมือข้าไว้ ข้าจะดึงเจ้าขึ้นมา”
ทว่าหลิ่วเจินเกิดไม่อยากออกแรงใด ๆ อีกแล้ว อันที่จริง ตนเองน่าจะตายอนาถไปตั้งนานแล้ว แต่ดันกลับมีชีวิตขึ้นมา อีก ชีวิตที่ช่างบัดซบสิ้นดี ทำไมถึงเป็นแบบนี้เล่า?
บ้านหลังเล็กกระจิดริดคับแคบยิ่งนัก อาหารก็แทบ กระเดือกไม่ลง อากาศหนาวจัดแทบจะแข็งตาย แถมเจอแต่ งานใช้แรงอันหนักหนาสาหัสไม่มีสิ้นสุด สุดท้ายแล้ว จะมีชีวิต อยู่ไปเพื่ออะไร?
เมื่อสรุปได้แล้ว หญิงสาวจึงค่อยๆ คลายมือที่ยึดมือกู้หรู เฟิงออกทีละนิด ๆ
“เจ้าเคยพูดไว้ว่า ชีวิตทุกคนมีความหมาย อย่าได้ยอม
แพ้สิ”
ในที่สุดกู้หรูเฟิงก็รับรู้ถึงความหมายนั้น ด้วยเหตุนั้น ชาย หนุ่มจึงพูดออกมาจากก้นบึงของหัวใจ “นี่คือสิ่งที่เจ้าบอกข้า ไว้”
คล้ายว่านอกจากดวงอาทิตย์แล้ว ยังมีเขาอีกคนที่ให้ ความอบอุ่นแก่ผู้คนได้ ผู้ชายหน้าตาดีกล่าวถูกต้องทุกอย่าง ส่วนตนเองโน้มน้าวใจตนเองเท่าใด กลับไม่ได้ผล
พลังกล้าแข็งสายหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นตรงกลางใจของหลิ่วเจิน หญิงสาวยึดมืออีกฝ่ายแน่น ครั้นแล้วก็ร้องตะโกนขึ้น ทันใด “ซ้าก่อน หยุดดึงข้าก่อน”
แม้กล่าวได้ว่าอิริยาบถนี้สุ่มเสี่ยงต่อชีวิตเพียงใด ทว่านาง กลับเจอรางวัลชีวิต โดยไม่คาดฝัน ไม่นึกเลยว่าจะพบต้นยวี่ จิน[1]สองสามต้นขึ้นเอนลู่ไปบนทางลาดชันนี้ นี่ไม่ใช่ต้นยรี่จิน เชียง[2]แน่ แต่เป็นพืชจำพวกยาสมุนไพรที่มีค่ามากกว่า
หลังจากลำต้นและใบของมันแห้งเที่ยวไปในฤดูหนาวแล้ว ก็ให้ขุดรากที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาอย่างเบามือ และคอยระวังไม่ให้ รากโดนขูดขีดจนเป็นเป็นรอยด้วย
การอาศัยเพียงมือเดียว ขุดดินโดยไม่หยุด กล่าวได้ว่า อันตรายยิ่งนัก นางเงยหน้ามองกู้หรูเฟิงอย่างมีความหวัง แล้ว เอ่ยทีละค่า “ของสิ่งนี้ หากเพียงขุดขึ้นมาได้ เราจะใช้ชีวิตในปี ทองอย่างไรก็ได้”
กู้หรูเฟิงฝืนดังหญิงสาวด้วยแรงที่เกินกำลังตนเองไปมาก “มันอันตรายเกินไป หากข้าฝืนต่อไม่ไหว เจ้าจะร่วงลงไปนะ”
นี่คือทางลาดชัน ถึงจะไม่ขันขนาดหน้าผา แต่หากร่วงลง ไปแบบนั้น อาจถึงแก่ชีวิต หรือต่อให้แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ สาหัส สุดท้ายก็ต้องตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวอยู่ดี
หลิ่วเจินเพียงทำเป็นไม่ได้ยิน หญิงสาวมุ่งมั่นขุดสิ่งที่อยู่
ใต้ดินขึ้นมาอย่างเบามือ ช่วงเวลานี้เทียบเท่ากับตนเองได้มอบ ชีวิตให้ผู้อื่นไปแล้ว
ไม่รู้ว่านางไปเอาความกล้าหาญมาจากไหน สำหรับชายที่นางยังไม่รู้จักเขาดีผู้นี้ นางกลับสามารถฝากชีวิตไว้บนมือเขา
และในที่สุดกู้หรูเฟิงก็มิได้ทำให้หญิงสาวผิดหวัง เหงื่อ กาฬเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากชายหนุ่ม ใบหน้าซีดขาว ราวกับกระดาษ แต่ช่างเหลือเชื่อ ที่เขารวบรวมแรงทั้งหมดที่มี ในกายส่งออกมาที่มือ แล้วดึงคนขึ้นมาจนสำเร็จ
ทั้งสองคนต่างคุกเช่าอยู่บพื้นที่ลุ่มเสี่ยงนั่น ด้วยท่าทาง เหนื่อยอ่อนหมดแรงกันทั้งคู่ ทั้งสองสบตาซึ่งกันและกัน แล้ว ต่างพรูลมหายใจออกมายาวเหยียด
เพื่อจะเอาชีวิตรอดให้ได้ในปีนี้ ทั้งสองต้องทุ่มเทแรงกาย แรงใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
(1] ต้นยวีจิน ( #) หรือว่านนางคำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Curcuma aromatica) เป็นพืชในวงศ์ชิง กระจายพันธุ์ตั้งแต่ อินเดียจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีปลูกในอินเดียแถบเชิง เขาหิมาลัย ศรีลังกา มีพบในอินโดจีน ญี่ปุ่น ใช้ผลิตแป้ง สี ย้อม เครื่องสำอางและยา ตอกมีกลิ่นหอม เหง้าสดและหัวมี กลิ่นหอม ใช้รักษาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ใช้เป็นไม้ประดับ มีน้ำมันหอมระเหยหลายชนิด มีสารกลุ่ม curcuminoids ซึ่งมี คุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นยาสมุนไพร เพื่อลดกรด ขับลม ตำรายาจีนใช้เป็นยาฆ่าเชื้อ นอกจากนั้น ยังมีผู้ใช้ว่าน นางคำในรูปผงแห้งเป็นยาบำรุงผิวเพื่อเสริมความงาม และยา กันยุงด้วย ขยายพันธุ์โดยการแยกหัวไปปลูก
(2) ต้นยาจินเซียง (fif h) หรือ ทิวลิป (Tulip) เป็นชื่อ สามัญของพันธุ์ไม้หัว ที่ออกดอกในฤดูใบไม้ผลิ ถ้าเราจะกล่าว กันถึง ต้นหรือตอก “ทิวลิป”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ