1.คนตายกับคน..
แคว้นอันเป็นแคว้นที่ได้ชื่อว่าเป็นปึกแผ่นมั่นคง และมั่งคั่งอย่างที่สุด แต่เรื่องทั้งหมดนี้ หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับชาวบ้านในแถบหุบเขาต้
าซานเลย
หุบเขาอันสลับซับซ้อนนี้
เป็นที่หลบซ่อนของบรรดานกและสัตว์ป่าหลากหล
ายสายพันธุ์มากมายนับไม่ถ้วน
ทำให้ผู้คนแทบไม่กล้าเข้าไปเยือน
แม้กระทั่งพรานป่าฝีมือฉมัง
ก็ยังต้องเข้าไปเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองคนบ้าง
สามคนบ้าง
บางครั้งบางคราพวกเขาอาจต้องฝังร่างไว้ในปาก
ของเหล่าหมาป่า
ดังนั้นผู้คนที่กล้าย่างกรายเข้าไปจริง ๆ จึงมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
บรรดาชาวบ้านที่ตั้งรกรากในแถบเชิงเขา ต่างต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ
ส่วนใหญ่พึ่งพิงผืนดินเนื้อที่ไม่กี่หมู่เพื่อเลี้ยงดูคน
ทั้งครอบครัว กล่าวได้ว่าหากผู้ใดไม่ทำไร่
ก็ย่อมไม่มีกิน ถึงกระนั้น
พืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ส่วนใหญ่ ยังต้องถูกแบ่งไปจ่ายภาษีอีกปีไหนจะมีกินหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์เมตตาเป็นสำคัญ
อีกไม่ช้า
ก็จะถึงเวลาหิมะตกหนักปกคลุมหุบเขาอีกครา
แต่ละครอบครัวล้วนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ปัญหาการขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ลามเลียไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
บ้านหลังเล็กแสนคับแคบ
ซ้ำยังปิดทึบมีช่องให้ลมเข้าเล็กน้อยหลังหนึ่ง ปรากฏเสียงสตรีก่นด่าดังลอดมาจากในบ้าน
“ลองคิดดูสิ
เมื่อถึงยามหิมะปกคลุมไปทั่วภูเขา เราจะไม่มีอะไรยาไส้ไปสามถึงสี่เดือนเลยนะ เพลานี้ทั้งบ้าน เหลือข้าวอยู่เพียงครึ่งไห พลางกวาดกระดาษและแท่นหมึกบนโต๊ะลงพื้น
แล้วอย่างนี้จะอยู่รอดต่อไปไหวรี ท่านก็เอาแต่วาดรูปอยู่นั่นแหละ
กู้หรูเฟิงท่านจะทำตัวเป็นคุณชายตระกูลสูงไปถึ งไหน!” ฝ่ายหญิงตวาดแว้ด
จนน้ำหมึกสาดกระเซ็นไปทั่ว
มิหนำซ้ำแท่นหมึกยังแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆอีกด้ว
ย
บุรุษร่างผอมบาง มีนามว่ากู้หรเฟิงเขามีใบหน้าซูบขาวซีด
แถมบนใบหน้าปรากฏรอยแผลเป็นเด่นชัด ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นสายสีดำตั้งตรง แต่ถึงกระนั้นที่หว่างคิ้วยังปรากฏความสง่างาม ให้เห็นอยู่รางๆ
เมื่อชายหนุ่มเห็นข้าวของที่ถูกกวาดกระจายลง น ให้รู้สึกปวดใจนัก ใคร่อยากจะเก็บขึ้นมา ทว่าในเสี้ยวเวลานั้น
ความปวดร้าวเสียดแทงพลันวาบขึ้นมาบนขา ประหนึ่งถูกเข็มทิ่มแทงนับพันเล่ม ทำให้ชายหนุ่มอดนิ่วหน้าไม่ได้ แต่ทั้ง
ๆที่เจ็บปวดสุดแสน
ก็ยังสามารถมองเห็นเค้าหน้าหล่อเหลาคมคายนั้น ได้ องคาพยพทั้งห้าก็แสนวิจิตร
ซึ่งเป็นความงดงามที่ไม่ควรปรากฏให้เห็นในหมู่บ้ านชายขอบแห่งนี้เลย ชายหนุ่มหายใจหอบ “ข้าคิดวาด 2 ภาพนี้ แล้วจะลองเอาไปเร่ขายดู เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาซื้ออาหารได้บ้าง”
หญิงสาวส่งสายตาดูแคลนไปให้
“ภาพวาดนี่มีประโยชน์อันใด? เอาไปกินเอาไปดื่มก็ไม่ได้
ช่างโง่เง่าเต่าตุ่นอะไรเยี่ยงนี้
ทำไมข้าถึงได้แต่งกับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่างท่านได้
นะ?!”
กู้หรูเฟิงมีสีหน้าหม่นหมอง
คุณชายผู้สูงศักดิ์ ยามนี้ช่างไร้ค่ายิ่งนัก เขาเอ่ยอย่างอัดอั้น “เช่นนั้นแล้ว ก่อนเจ้าแต่งให้ข้า
ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าข้าทำไร่ไม่เป็น อีกทั้งยังสุขภาพไม่ดี.”
“ว่าอย่างไรนะ เอาแต่กล่าวหาข้า ตัวท่านเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย
ยังจะมาตำหนิข้าอีกรึ?”
ฝ่ายภรรยาทำหน้านิ่วส่งสายตาเย็นชาไปให้ เดิมทีนางได้ชื่อว่าเป็นคนอ่อนหวานน่ารักมาแต่กำเ นิด แต่ถ้าได้โกรธขึ้นมาละก็ ดวงตาจะเหลือกขวาง ใบหน้าดูคล้ายนางมารร้าย ช่างข่มขวัญผู้คนยิ่งนัก
ชายหนุ่มก้มหน้า
ด้วยความเบื่อหน่ายเหลือแสน “หากเจ้าอยากไปจากข้า ข้าก็จะให้เจ้าไป”
“เพ้ย ”
ท่านนี่…วาจาเน่าเหม็นน่าละอายเช่นนี้ ก็ยังกล่าวออกมาได้ ข้าแต่งให้ท่านแล้ว ร่วมเรียงเคียงหมอนกับท่านแล้ว ท่านจะให้ข้าแต่งออกไปกับใครได้อีกรีว!”หญิงสาวแสนคับแค้นใจ นางนั่งแปะลงบนพื้น พลางร่ำไห้เสียงดัง “สวรรค์ช่างไม่มีตาจริง ๆ ไยถึงส่งบุรุษไร้ค่าเช่นนี้มาเป็นสามีข้าด้วย? มิหนำซ้ำยังไม่รู้จักรับผิดชอบ แต่งกับข้าแล้ว ก็ยังทำผิดต่อข้า! ปล่อยให้ข้าอดมื้อกินมื้อ!
ซ้ำยังจะทิ้งข้าไปอีก
ไม่แปลกใจเลยที่เห็นท่านมักชอบส่งสายตาให้เซีย งเช่าที่ลานหลังบ้าน คิดจะหาคนใหม่ละสิ!”
ฝ่ายภรรยาเอาแต่ร่ำไห้
และพร่ำรำพันต่าง ๆนาๆ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วยาม
ยังมีบุคคลอีกผู้หนึ่ง อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ผู้นั้นคือหลิ่วเจิน แน่นอนยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นเธอ เพราะว่าเธออยู่ในรูปวิญญาณนั่นเอง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ