ตอนที่ 13 บทลงโทษอันร้ายแรงแต่ซูม่อ
ใบหน้าของเหลิ่งเชี่ยนเชี่ยนถูกพันไปด้วยผ้าขาว ตอนนี้เธอไม่ สามารถพูดได้ มองไปยังโรเบิร์ตและโอหยางเส้าชิง พยักหน้า อย่างเป็นมิตร
โรเบิร์ตและโอหยางเส้าชิง ได้ทักทายเหลิงเซียนเชี่ยนอย่าง เป็นมิตร จากนั้น โรเบิร์ตจึงเริ่มดรวจบาดแผลบนร่างกายของเห ลิ่งเซียนเซียน
“ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่โต รอให้บาดแผลบนใบหน้าหายก่อน เราก็สามารถผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนังได้ เมื่อถึงตอนนั้นรับรองว่า ต้องสวยกว่าเดิมแน่นอน!!
“อย่างนั้นฉันก็วางใจได้หน่อย งั้นเรื่องของเรียนเชี่ยนฉันยก
ให้คุณนะ” มูจิ้งเหยียนถอนหายใจเบาๆแสดงความวางใจ
“เธอจะไปไหน” ได้ยินเสียงถอนหายใจของมู่จึงเหยียน โร เบิร์ตได้เลิกคิ้วขึ้น
“มู่ เธอจะไปไหนอีก” โอหยางเส้าชิงรีบออกปาก
“ไปเมืองหลวง มีเรื่องที่จะต้องทํา
มู่จิ้งเหยียนตอบไป เนื่องจากเธอไม่ต้องกังวลใจเรื่องอาการ ของเหลิ่งเชี่ยนเชี่ยนอีกแล้ว เธอก็ควรที่จะออกเดินทางไปเมือง หลวง แล้ว ความแค้นช้ามาสามปี ตอนนี้ถึงเวลาล้างแค้นแล้ว
“เธอไม่ไปอ้านเยสักหน่อยเหรอ ทุกคนคิดถึงเธอทั้งนั้น!
ไว้วันอื่นแล้วกัน!” วิ่งเหยียนตอบด้วยความเยือกเย็น จริงๆ เธอคิดถึงคนที่อ้านเย่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะกลับไป
หลังจากออกจากโรงพยาบาลในวันนั้น จึงเหยียนได้ยินว่า บริษัทตระกูลซู กำลังมีวิกฤตการณ์ทางการเงิน
ได้ข่าวว่าหุ้นกำลังตกอย่างหนัก มีคนจำนวนมากกำลังก่อ เรื่องที่หน้าประตูใหญ่ของบริษัทตระกูลซู แม้แต่ซูโป๊หลุนก็ได้ถูก ทําร้ายที่ศีรษะจากคนที่ยืนล้อมประตูอยู่
กลับถึงมหาวิทยาลัย มู่วิ่งเหยียนได้ทำเรื่องลาออกจากการ เรียน จากนั้นกลับไปยังหอพักและเก็บข้าวของ เสียงโทรศัพท์ใน กระเป๋ายังคงดังไม่หยุด
“ฮัลโหล”
“ได้ ฉันไปเดี๋ยวนี้!” ฟังปลายสายพูดไม่กี่ประโยค วิ่งเหยีย นก็วางสาย ใส่เสื้อโค้ทและได้ออกไปจากมหาวิทยาลัย
ที่โรงงานร้างแห่งหนึ่งในเมือง b เสียงกรีดร้องดังมาจากข้าง ใน เผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก
“ไสหัวไป ไสหัวไปจากฉัน พวกแกรู้มั้ยฉันเป็นใคร ฉันคือคุณ หนูตระกูลซู พวกแกกล้าแตะต้องฉันแม้แต่น้อย ฉันจะทำให้แก ต้องแบกรับผลที่แกทํา!”
“ผลที่ตามมาเหรอ พวกเรากลัวจริงๆเลย วะฮ่าๆ !” เสียงหนึ่ง ได้สวนตอบไป พร้อมกับเสียงหัวเราะอันบีบคั้นจากคนอีกจำนวนหนึ่ง
“ปล่อยฉันไปเถอะ ถ้าพวกแกรีบปล่อยฉัน อยากได้อะไรก็ได้ ทั้งนั้น ขอแค่ปล่อยฉันไป ขอร้องพวกแกหละ ปล่อยฉันไปเถอะ! ซู อคลานกลับไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว มองไปยังเหล่านักเลง เบื้องหน้าที่กำลังมองเธอ มองดูแล้วช่างน่าขนลุก
“นางจิ้กจอก ยังจะกล้าพูดว่าพวกเราอยากได้อะไรก็จะได้ ฮึ ถ้าพวกเราไม่ฉลาด แม้แต่ชีวิตก็คงไม่เหลือแล้ว ผัวะ!”
เจ้านักเลงพูดตะคอกไป และเหวี่ยงหมัดไปบนใบหน้าของซูม่ ออย่างแรง
“อ๊า อย่านะ อย่าฉันๆ พวกแกแค่ฆ่าผู้หญิงเลวๆอย่างยิ่งเห ยียน ฉันก็จะให้เงินพวกแกแน่นอน เยอะแค่ไหนก็ได้!!
ซูม่อเริ่มจะกลัวเล็กน้อย กลัวลึกๆว่าคนพวกนี้จะต้องฆ่าเธอ
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฮือ ฮือ!”
“ครื้น” ประตูใหญ่ของโรงงานก็เปิดออก รูปร่างอันเย่อหยิ่ง เย็นชาของมู่จึงเหยียนปรากฏขึ้น
สายตาอันเยาะเย้ยมองไปยังซูมอที่กำลังล้มอยู่บนพื้นอย่าง กระอักกระอ่วน รอยยิ้มเย้ยหยันจากริมฝีปากได้แสดงออกมา
“ฉันไม่รู้จริงๆว่าน้องสาวผู้แสนดีมีอนาคตไกลของฉัน ทำให้ ถึงอยากจะให้ฉันตาย ฉันควรจะดีใจหรือเสียใจดี!”
เสียงที่พูดขึ้นมามันช่างเยือกเย็น เหมือนเสียงจากนรกซึ่งหาอะไรเปรียบไม่ได้
เมื่อซูม่อได้ยินเสียงของมู่จิ้งเหยียน เธอได้ตะโกนเรียกขึ้นด้วย เสียงอันดัง
“แก ที่แท้ก็คือแก พวกแกรีบฆ่ามันให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฆ่ามันได้ ฉัน จะให้เงินพวกแกเป็นหนึ่งเท่า สองเท่า หรือสามเท่าก็ได้
เมื่อได้เห็นจิ้งเหยียน ใบหน้าของซูมอเต็มไปด้วยอารมณ์ ของความเกลียดชัง
จึงเหยียนยิ้มอย่างเย็นชา สายตากราดมองไปยังเหล่า อันธพาลที่น่ารังเกียจเหล่านั้น พวกอันธพาลบางคนสั่นคลอน นัยน์ตาของพวกเขาบ่งบอกความรู้สึกกลัว
“ช่วยฉันดูแลมันให้ดีๆ ถ้าไม่ดี พวกแกคงรู้นะว่าผลที่ตามมา มันคืออะไร”
จิ้งเหยียนกวาดสายตามองไปยังเหล่าอันธพาลนั้นแล้วออก คําสั่งอย่างเย็นชา จากนั้นก็เดินไปยังประตูโรงงาน
“วิ่งเหยียน แกจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ แกลืมไปแล้วเหรอว่า ตระกูลของฉันมีบุญคุณกับแกมากนะ ฉันผิดไปแล้ว รีบพาฉัน ออกไปเถอะ มู่วิ่งเหยียน ฉันเกลียดแก ฉันไม่มีทางปล่อยแกไว้ แน่ๆ!”
เบื้องหลังของมู่จิ่งเหยียน มีเสียงอันน่าสยองขวัญดังสวนมา เป็นระยะ ประกายแววตาของเธอบ่งบอกถึงความเยือกเย็น จะว่าไปถ้าซูมอไม่ทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ไม่สรรหาคนเพื่อมาจัดการกับเธอ เหลิงเซียนเชี่ยนก็จะไม่เป็นอะไร เธอก็ไม่ได้ตั้งใจ ที่จะรีบฆ่าซูม่อ
เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอะไรเลย จึงต้องทำให้ เขาได้รับบทเรียนอันแสนทรมานนี้
“เหี้ย พูดอะไรนักหนาวะ พูดอีก กุจะฆ่ามึงเดี๋ยวนี้แหละ! อันธพาลคนหนึ่งตะคอกขึ้นมา ซูมอจึงเลิกพล่ามทันที
เมื่อเห็นร่างของมวิ่งเหยียนจากออกไปแล้ว เมื่อมองกลับมาที่
พวกอันธพาล ใกล้ๆตัวเธอแล้ว ซูมอยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้น
เช้าของวันที่สอง จึงเหยียน ซื้ออาหารเช้าจำนวนหนึ่ง ไปให้ พวกเหลิงเซียนเรียน ที่โรงพยาบาล
มีโรเบิร์ตอยู่ที่นั่น บาดแผลบนร่างกายเหล่งเรียนเชี่ยน ดีขึ้น อย่างเร็วมาก และดีมาก แต่เธอต้องรีบกลับไปเก็บของต่อ จึง เหยียนอยู่ในห้องได้ไม่นานก็เดินออกมาจากห้องผู้ป่วย โทรศัพท์ ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
เดิมทีคิดว่าเป็นพวกอันธพาลนั้นโทรมาหาเธอ ว่าจัดการเรื่อง เรียบร้อยแล้ว แต่ปลายสายอีกด้านกลับเป็นเสียงโทนที่ค่อน ข้างทุ้มเหมือนเสียงคลื่นแม่เหล็ก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ