คุณภรรบยา อย่าดื้อรั้นสิ

บทที่ 15 เป็นหวัดและมีไข้



บทที่ 15 เป็นหวัดและมีไข้

หลังจากคุณหมอ โหลวมาถึง ก็ได้วัดอุณหภูมิร่างกายของหลินห เยียนแล้วให้ยาลดไข้ และยังฉีดยาลดไข้ให้เธออีกด้วย

ที่จริงต้องฉีดยาที่ด้านหลัง เพราะจะเห็นผลได้ไวกว่า แต่ แน่นอนว่าเหลิงเจาเซียวไม่ยอมให้ทำแบบนั้น

สุดท้ายเลยเปลี่ยนมาฉีดยาที่หลังมือแทน เมื่อเข็มทิ่มเข้าไปที่ หลังมือ เดิมทีที่ใช้เวลาเพียงหนึ่งถึงสองนาทีก็เสร็จแล้ว แต่กลับ ต้องใช้เวลามากถึงยี่สิบนาที

ขณะที่รอให้เครื่องดันเข็มฉีดยาอัตโนมัติฉีดยาเข้าไปนั้น โหล วชิงหานที่นั่งอยู่ด้านข้าง ก็มองไปยังเหลิงเจาเซียวที่ยืนอยู่ แล้ว ยิ้มมุมปากอย่างหยอกล้อ : “ถ้าหากฉันไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ฉันไม่คงไม่เชื่อแน่ ๆ นี่เป็นครั้งแรกสินะที่นายพาผู้หญิงกลับมา บ้าน?”

เหลิ่งเจาเซียวดวงตาดำขลับนั้นเป็นประกาย แล้วพูดอย่าง คลุมเครือ : “ใครบอกว่านี่เป็นครั้งแรก?”

“อ้อ แล้วก่อนหน้านี้นายพาใครมา?” โหลวชิงหานทำท่าทาง ไม่เชื่อเลยสักนิด

“นายนี่พูดอะไรไร้สาระอยู่ได้? ฉันเรียกนายมารักษาเธอนะ เหลิงเจาเซียวทำหน้าเย็นชาแสดงออกว่าไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อ อย่างเห็นได้ชัด
เห็นเขาไม่พอใจ โหลวชิงหานก็ไม่ถามอะไรอีก

ทั้งสองคนเงียบอยู่ห้านาที แล้วโหลวชิงหานก็พูดขึ้นมาว่า “นายรู้เรื่องที่เหยาเหยากลับมาไหม?”

ดวงตาดำขลับนั้นเป็นประกาย เหลิ่งเจาเซียวจงใจพูดอย่างไม่ สบอารมณ์ : “รู้สึ”

โหลวชิงหานกวาดสายตามองเขา แล้วพูดต่อ : “ได้ยินมาว่า

กลับมาครั้งนี้ก็ไม่ไปไหนแล้ว เธอเลิกกับเซียปินแล้ว”

ข่าวนี้ทำเอาเหลิงเอเซียวรู้สึกตกใจ แต่ปากกลับพูดออกมา ว่า : “เหอะ แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน

โหลวชิงหานไม่ได้พูดอะไรอีก เขาได้บอกข่าวไปแล้วก็พอ หลังจากที่ถอดเข็มออก โหลวชิงหานก็ได้เก็บกล่องยาแล้วเดิน ลงชั้นล่างไป

เหลิงเจาเซียวไปส่งเขาที่ชั้นล่าง โหลวชิงหานยืนอยู่ตรงหน้า ประตูแล้วหันกลับมาพูดว่า : “เจวเซียว คราวหลังนายโทรหาฉัน เองก็ได้ ไม่ต้องบอกผ่านเทียนหรอก ฉันแยกแยะเรื่องส่วนตัว กับเรื่องงานมาโดยตลอด ถึงแม้เดือนที่แล้วนายจะปฏิเสธไม่ ยอมรับรักน้องสาวฉัน แต่ฉันก็ไม่ถือโทษนายเลย ฉันกลับ ขอบคุณนายด้วยซ้ำ ถ้าหากน้องสาวฉันได้คบกับนายจริง ๆ ยัง ไงซะในใจนายก็ไม่ได้มีเธอหรอก เจ็บสั้นดีกว่าปวดนาน ไม่ช้าก็

เร็วเธอจะคิดได้เอง”

“ขอบคุณ” ทั้งเรื่องที่รักษาหลินหยู่เยียนและเรื่องน้องสาวของเขา เหลิ่งเจาเซียวถือว่าขอบคุณพร้อมกันทั้งสองเรื่อง โหลวซึ่งนานยิ้มออกมาอย่างเรียบ ๆ งั้นฉันกลับก่อนนะ

เมื่อปิดประตูแล้ว เหลิ่งเจาเซียวก็ขึ้นไปชั้นบน

หลังจากมองไปยังหลินหยู่เยียนที่หลับอยู่ เขาก็เข้าไปอาบน้ำ ในห้องน้ำ

ผ่านไปยี่สิบนาที เขาสวมชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมา มองไป ยังหญิงสาวที่สวมชุดนอนผ้าไหมตัวใหญ่ของเขาก็ขมวดคิ้ว

สาเหตุก็เป็นเพราะเขาเคยชินกับการนอนโดยไม่สวมเสื้อผ้า ครั้งนี้เธอเป็นไข้ เขายอมให้เธอนอนอยู่ในห้องของเขาเป็น กรณีพิเศษ จะได้รู้อาการป่วยไข้ของเธอได้ทันท่วงที

หลังจากถอดชุดคลุมอาบน้ำออก เหลิงเจาเซียวก็นอนลงไป เขารับปากไว้แบบนี้ก็จริง ว่าจะไม่แตะต้องตัวเธอ

แต่นอนจนเวลาล่วงเลยไปหลังเที่ยงคืนแล้ว ร่างกายของหลิน หญ่เยียนก็กระสับกระส่ายหาที่ระบายความร้อน สองมือเล็ก ๆ นั้นจึงได้ไปกอดเอวจากด้านหลังของเหลิงเจาเซียว

แม้แต่แก้มของเธอก็แนบชิดบนแผ่นหลังของเขา

ทันใดนั้น เขาก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น

คืนนี้มีผู้หญิงนอนอยู่ที่นี่ ทำให้เขานอนไม่หลับอย่างไม่เคย เป็นมาก่อน
สองมือเล็ก ๆ นั้นก็ยังอยู่ไม่นิ่ง นัยน์ตาของเหลิงเอเซียวดูเข้ม ขึ้น

เขาหันกลับไปมองสาวน้อยที่เป็นไข้แถมยังซุกซนคนนี้ แล้ว ยื่นมือไปเปิดโคมไฟ

นิ้วเรียวยาวเป็นปล้องชัดเจนได้เชยคางเธอขึ้นมา ใบหน้าเล็ก

ๆ นั่นแดงระเรื่อผิดจากปกติ ดูท่าทางที่ฉีดยาลดไข้ไปนั้นยังไม่

ค่อยเห็นผล

ร่างกายของเธอแนบชิดกับเขาแน่น ทดสอบความมุ่งมั่นของ เขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ดวงตาดำมืดลึกล้ำนั้นมีแสงสว่างวาบขึ้นมา เขาพูดกับเธอ ด้วยเสียงต่ำว่า : “ไข้สูงของเธอไม่ลดลงเลย ที่จริงต้องทำให้ เหงื่อออกถึงจะหายเร็วขึ้น ฉันเสียสละช่วยเธอสักหน่อยละ

ปากสวยได้รูปนั้นพรมจูบลงไปที่ซอกคอเธอ หลินหยู่เขียนได้ ตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ สายตาพร่ามัวมองไปที่ใบหน้าของ ชายหนุ่ม

เธอตกใจจนกรีดร้องออกมา เหลิงเอเซียวเอ่ยพูดด้วยเสียง เบา ๆ : “ฉันเอง”

หลังจากที่มองจนชัดเจนแล้วว่าเป็นเขา หลินหยู่เยียนก็ค่อย โล่งใจหน่อย อย่างน้องก็ไม่ใช่ผู้ชายแปลกหน้า

เมื่อเห็นเธอตื่นแล้ว เหลิ่งเจวเซียวก็ไม่รีรอต่อไปอีก…….
หลินหยู่เยียนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาต้องการอะไร ก็ผลักเขาอย่าง ไร้เรี่ยวแรง

คำพูดเหล่านั้นที่เธอบ่นว่าเขา เขากลับฟังเป็นการออดอ้อนไป เสีย : “นายพูดแล้วนะว่าจะไม่แตะต้องฉัน……. ดวงตาสีดำจ้องไปยังดวงตาปรือ ๆ คู่นั้นที่ดูน่าสงสาร เหลิ่ง

เจเซียวได้พูดเสียงต่ำข้างหูเธอว่า “ดวงตาของเธอช่างสวย

เหลือเกิน……”

“นายออกไปนะ ฉันเหนื่อยมาก………มานมากเลย……” หลิน หญ่เยียนรู้สึกทรมานไปทั้งตัว

รู้สึกเจ็บปวดมากแต่ก็มีความสุขมาก ช่างเป็นความรู้สึกที่ขัด แย้งกันเหลือเกิน

เหลิงเจาเซียวยิ้มออกมา “เธอมีไข้ ปล่อยให้เหงื่อออกก็จะดี

เขาบุกเข้ามาจนทำให้เธอไม่อาจต้านทานได้ สุดท้ายก็ได้หมด แรงแล้วสลบไป

ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง แม้แต่เหลิ่งเจาเซียวเองก็เหงื่อ

ออกท่วมตัว

เขาอุ้มเธอที่เหงื่อซุ่มเต็มตัวออกมาจากผ้าห่ม จากนั้นก็อุ้ม เข้าไปอาบน้ำอุ่น ในห้องน้ำ

หลังอาบน้ำเสร็จ เหลิ่งเจวเซียวก็นอนกอดหลินหยู่เยียนหลับไปอย่างสงบ
นอนหลับจนถึงสิบโมงเช้าวันถัดมา หลินหยู่เขียนถูกเสียง โทรศัพท์ในกระเป๋าของตัวเองปลุกขึ้นมา

เธอลุกขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ พบว่าตัวเองนอนหลับอยู่ใน ห้องนอนผู้ชาย

หลังจากที่เมื่อคืนเหงื่อออกไปเยอะแล้ว ไข้จึงลดลงไปด้วย

หลินหยูเยียนเดินลงไปอย่างกระฉับกระเฉง เปิดกระเป๋าหยิบ โทรศัพท์ออกมาดู ก็รู้สึกถึงภัยอันตรายทันที เป็นนักออกแบบใน แผนกออกแบบ โทรเข้ามา

เธอกดรับสาย : “ฮัลโหล…….

“หลินหยู่เยียน นี่มันกี่โมงแล้ว! ทำไมเธอยังไม่มาทำงาน! เมื่อ คืนภาพที่ให้เอากลับไปแก้ล่ะ? ตกลงเธอทำเสร็จแล้วหรือยัง? เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันกำลังรอภาพจากเธอนะ!”

ฟังออกว่านักออกแบบโมโหมาก หลินหยู่เขียนรีบเอ่ย ขอโทษ : “ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ……..เมื่อคืนฉันเป็นไข้ไม่สบาย คะ”

นักออกแบบยังคงต่อว่าไม่จบไม่สิ้น : “ทำไมมันบังเอิญขนาด นี้! เมื่อคืนดันป่วยขึ้นมาได้? ถ้าหากเธอไม่มีปัญญาทำให้เสร็จก็ อย่ามารับปากฉันสิ แบบนี้เขาเรียกว่าไม่มีความรับผิดชอบ! เธอ ทำให้ฉันส่งร่างออกแบบช้าขึ้น ถ้าหากลูกค้าไม่พอใจขึ้นมา ใคร จะรับผิดชอบ?”

“ฉันรับผิด…….” หลินหยู่เขียนสูญเสียความมั่นใจแล้ว ต่อให้ป่วยไข้ แต่ทั้งเรื่องงานไว้อย่างนี้มันดูไม่เป็นมืออาชีพเลยจริง ๆ

“รีบมาที่บริษัท! ก่อนเลิกงานต้องจัดการให้เรียบร้อย! นัก ออกแบบโกรธจนตัดสายไป

หลินหยู่เยียนรีบเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า มองไปรอบ ๆ ห้อง เห็นเสื้อผ้าของเธอจัดแจงอย่างเรียบร้อยวางอยู่บนโซฟา เธอรีบ วิ่งไปหยิบขึ้นมาดู แม้แต่กระดุมเสื้อเชิ้ตก็เย็บไว้เรียบร้อยแล้ว

หลังจากสวมเสื้อผ้าเสร็จก็รีบลงไปชั้นล่าง เห็นห้องรับแขกที่ หรูหราจนเธอตกตะลึงมีคนดูแลบ้านวัยกลางคนยืนอยู่ เธออึ้งไป สักครู่ : “สวัสดีค่ะ…….

คนดูแลบ้านค่อย ๆ ยิ้มให้เธอ : “สวัสดียามเช้า คุณหลิน คุณ ผู้ชายบอกว่าถ้าคุณตื่นแล้ว ให้เรียกคนขับรถไปส่งคุณที่บริษัท

หลินหยู่เยียนคิดในใจ ชีวิตของเลขาประธานนี้ไม่เลวเลยนะ สามารถอยู่ในคฤหาสน์หรูหราอย่างนี้ได้เนี่ย?

คิดไปคิดมา ก็คิดว่าเลขาของประธานบริษัทบริษัทเหลิ่งชื่อมี รายได้ต่อปีสูงขนาดนี้เลยเหรอ?

คฤหาสน์หลังนี้ไม่แน่อาจจะมีเศรษฐินีคนไหนเลี้ยงดูเขา

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที หลินหยู่เขียน เอ่ยพูดกับคนดูแลบ้านว่า : “ขอบคุณนะคะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยว ฉันเรียกรถแท็กซี่ไปเองได้

เดินไปประมาณสิบนาที เธอถึงได้เดินออกมาจากย่านคฤหาสน์จนถึงถนนใหญ่ได้

เมื่อเห็นชื่อของหมู่บ้านแห่งนี้ ก็รู้สึกตกใจอย่างมาก ที่แท้ก็ เป็นย่านคฤหาสน์ที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองนี้……..

เธอสวมรองเท้าส้นสูงที่เหลิงเจาเซียวเตรียมไว้ให้เธอ ยืนรอ รถแท็กซี่อยู่ข้างถนน

แต่รอไปรอมา รถแท็กซี่ที่ขับผ่านไปนั้นล้วนแต่มีลูกค้าเต็ม แล้วทั้งนั้น หลินหยู่เยียนมองเวลาที่ผ่านไปทุกนาทีทุกวินาทีอย่าง กระวนกระวายใจ

ทันใดนั้น ก็มีรถสปอร์ตลัมโบร์กีนีคันหนึ่งแล่นมาจอดตรง หน้าเธอ

ประตูรถที่เหมือนปีกนกเปิดขึ้นด้านบนโดยอัตโนมัติ ถังแหวน ชวนในชุดสูทที่ดูหล่อเหลาเป็นพิเศษ ถอดแว่นตากันแดดออก พลางยิ้มแล้วเอ่ยพูด : “ดูท่าทางพวกเราจะมีวาสนาต่อกันจริง ๆ ทำให้ฉันได้พบกับเธออีกแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ