บทที่ 14 พบที่ข้างทางโดยบังเอิญ
ฉวยโอกาสขณะที่เซียวหรานมัวตกตะลึงอยู่นั้น หลินหยู่เยียน ก็ได้ใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดผลักเขาออกไป
มือข้างหนึ่งปิดคอเสื้อเอาไว้แล้ววิ่งออกไปจากห้องนอน
เสี่ยวเถาตอนนี้ยืนอยู่หน้าประตูห้อง ในมือถือกุญแจอยู่พวง
หนึ่ง
เซียวหรานลุกขึ้น ในใจรู้สึกคิดผิด ที่ให้กุญแจบ้านไว้กับ เสี่ยวเถา!
เขามองข้ามเธอไป แล้วรีบวิ่งตามหลินหยู่เยียนไป ตะโกน ตามหลังเธอว่า : “หลินหยู่เขียน เงินห้าล้านนั่นถ้าไม่คืนฉัน เธอก็ อย่าคิดว่าจะได้หย่าเลย!
“ปัง” เสียงประตูปิดดังมาจากชั้นล่าง
หลินหยู่เยียนไปแล้ว เซียวหรานนึกถึงเสี่ยวเถาขึ้นมาก โมโห!
วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เขาก็คงได้นอนกับหลินหยู่เขียนไป
แล้ว
เมื่อคิดถึงรอยจูบรอยใหม่บนตัวของหลินหยู่เขียน เขาก็ยิ่ง โมโหมากขึ้นไปอีก!
เขาต้องสืบให้ได้ว่าไอนั่นมันเป็นใคร
เขียวหวานเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว เมื่อลู่เสียวเถาเห็น เขา ก็รีบเอ่ยขอโทษ “ยี่หราน ขอโทษนะ……….มารบกวนพวก คุณแล้วใช่ไหม?”
ในใจของเธอโกรธแค้นหลินหยู่เขียนมาก นังชั้นนั่นยัง มีหน้ากลับมายั่วยวนผู้ชายของเธออีก
“ลู่เสี่ยวเถา วันนี้ไม่ใช่ฉันบอกเธอไปแล้วเหรอ? ว่าฉันอยาก
อยู่คนเดียวสักพัก”
น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่ากำลังตำหนิเธอและหงุดหงิดรำคาญ ดวงตาคู่นั้นของลู่เสี่ยวเถามีน้ำตาคลอทันที : “ฉันก็แค่คิดถึงคุณ มากไปเท่านั้นเอง เลยอยากมาหาคุณ คิดไม่ถึงว่า…….
ท่าทางน่าสงสารของเธอนั้น เหมือนกำลังกักเก็บความน้อยใจ เสียใจไว้มากมาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลว่าเชียวหราน จะโกรธ
สีหน้าของเขาดูอบอุ่นขึ้น เขาเดินเข้าไปใกล้เธอ ยกมือขึ้นเช็ด น้ำตาให้เธอ : “ยัยโง่ ตอนนี้เธอเป็นเลขาของฉันแล้ว พรุ่งนี้ก็ ต้องเจอกันที่บริษัทไม่ใช่เหรอ? ต้องคิดถึงฉันขนาดนี้เลยหรือ ไง?”
“ก็ฉันคิดถึงคุณนี่ค่ะ วันนี้ไม่ได้เจอก็นอนไม่หลับ……. น้ำตา ของลู่เสี่ยวเถาหยุดไหลแล้ว เธอรู้ดีว่าเชียวหรานไม่ชอบให้เธอ ร้องไห้งอแงมากเกินไป อ่อนแอบ้างเป็นบางครั้งพอเป็นพิธี
คำพูดของเธอยั่วยวนเขาได้ง่าย ๆ ทำให้เชียวหรานกดเธอ เข้ากับกำแพง…….
ไม่นาน ในบ้านก็มีเสียงหายใจหอบหืดของเสี่ยวเถาดังออก มา บางครั้งก็มีเสียงร้องครางดังออกมา
หลินหยู่เขียนที่ยืนอยู่หน้าประตู กำลังเอามือปิดปากอยู่ น้ำตา
ไหลรินเต็มใบหน้า คิดว่าจะมีสักครั้ง ที่เธอหวังว่าเซียวหรานจะทิ้งเสี่ยวเถา
แล้ววิ่งออกมาตามเธอ แต่เสียดาย ที่เขาไม่เคยทำแบบนั้นเลย
เธอคิดอย่างไร้เดียงสา ว่าที่เซียวหรานอยากมีอะไรลึกซึ้งกับ เธอ เป็นเพราะรู้สึกรักเธอ
แต่พอมีลู่เสียวเถาเข้ามา เขากลับทำเรื่องอย่างว่าแบบนั้นได้ ทุกเมื่อ
ถือได้ว่าหลินหยูเยียนได้ตัดใจจริง ๆ แล้ว เขาก็แค่เห็นเธอ
เป็นของเล่นเท่านั้น
เมื่อก่อนตอนที่ทั้งคู่ยังไม่ได้ขัดแย้งกัน อย่างน้อย ต่อหน้านั้น เซียวหรานก็ยังเกรงใจ ให้เกียรติและทะนุถนอมเธอ
แต่ตอนนี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเลวทราม ไร้เยื่อใย หยาบ คายเป็นที่สุด……..เหมือนกับปฏิบัติต่อผู้หญิงที่ได้ง่าย ๆ อย่าง นั้น
หลินหยู่เยียนเดินออกไปจากบ้านอย่างขวัญหนีดีฝ่อ เดินไปได้ไม่ถึงสองนาที ส้นรองเท้าส้นสูงก็หัก
เธอหัวเราะออกมา หัวเราะเยาะตัวเอง และรู้สึกอ้างว้าง เธอ ตะโกนขึ้นไปบนฟ้า : “เทวดาฟ้าดิน ถ้าแน่จริงก็ทำให้ฝนตกลง มาล!”
ที่น่าตลกก็คือ ผ่านไปห้านาที ก็มีฝนฟ้าคะนองตกลงมาจริง ๆ
หลินหยู่เยียนเลยถอดรองเท้าส้นสูงออก แล้วโยนรองเท้าทิ้ง ลงถังขยะข้างทาง
ฝนตกหนักอยู่สักพัก เธอยังคงเดินเตร็ดเตร่อยู่คนเดียวบน
ก่อนออกมา โชคดีที่เธอได้หยิบเอาเสื้อคลุมกันลมกันแดด จากไม้แขวนเสื้อติดมือออกมาด้วย อย่างน้อยก็ช่วยให้ไม่ต้อง เปิดเผยใบหน้าของเธอให้อับอายต่อหน้าคนอื่น
เธอเดินเท้าเปล่าไปถึงป้ายรถเมล์ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้
มองไปยังฝนที่ตกหนัก มีรถเมล์หลายคันขับผ่าน แต่เธอกลับ ไม่ได้ขึ้นรถ
หลินหยู่เยียนคิดถึงความทรงจำเหล่านั้นระหว่างเธอกับเซียว ทรานสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย
มีทั้งความทรงจำที่ดี และมีเรื่องที่ทะเลาะกันด้วย
เธอในตอนนี้ เปียกโชกไปทั้งตัว ท่าทางอิดโรยและดูทุกข์ใจ
ศักดิ์ศรีในใจเธอพยายามพยุงความคิดเธอเอาไว้ ทันใดนั้น รถหรูยี่ห้อไมบัคสีดำคันหนึ่งก็ได้ขับผ่านไป
เหลิ่งเจ เซียวมองผ่านกระจกหลัง ฝนตกหนักอย่างนี้ ทำให้ มองเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่เขากลับมองเห็นได้ชัดว่าเป็นเธอ
มองไปที่ร่างเล็ก ๆ นั่น ราวกับจะจมไปกับฝนที่ตกหนัก ในใจ ก็รู้สึกสงสารขึ้นมา……
เขาจัดการกับความรู้สึกตัวเองให้เป็นเพียงความสงสาร
เท่านั้น
แล้วไปยูเทิร์นรถกลับมา สุดท้ายเหลิงเจาเซียวก็จอดรถที่ข้าง
ทาง
แต่เหมือนจะไม่ได้ดึงความสนใจของผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาได้
เลย
เขาเปิดประตูลงจากรถอย่างเอือมระอา กางร่มแฮนด์เมดหรูสี ดำสนิท เดินด้วยท่าทางสูงศักดิ์สง่าผ่าเผยไปตรงหน้าเธอ
จนรองเท้าหนังคู่หนึ่งที่คุ้นเคยได้ผ่านเข้าสายตาเธอ หลินหยู่ เขียนจึงเงยหน้าขึ้นมาทันที และได้เห็นเหลิงเจาเซียวกำลังจ้อง มองเธออยู่
ดวงตาดำสนิทของเขาดูลึกจนมองไม่เห็นก้นบึง ตอนนี้เขายืน อยู่ในจุดที่ย้อนแสง ทำให้ยิ่งมองไม่ชัดเข้าไปใหญ่
“ขึ้นรถ” น้ำเสียงราวกับออกคำสั่ง
หลินหยู่เยียน ในตอนนี้ไม่มีอารมณ์โกรธแล้ว เธอได้แต่ตอบ ไปอย่างเรียบ ๆ ว่า : “ไม่ต้องเป็นตอนนี้ได้ไหม? ฉันไม่มีอารมณ์ มารับมือกับนายจริง ๆ ”
ความหนาวเหน็บพาดผ่านสายตาเขา การที่เขาหลับนอนกับ เธอ ถูกเธอเรียกว่าการรับมือนั้นเหรอ?
เห็นแก่ที่เธอร้องไห้จนตาบวม ตอนนี้เลยไม่อยากหาเรื่องเธอ เขาดึงเธอขึ้นมา : “ความอดทนฉันมีขีดจำกัด”
ความแข็งแกร่งของเขา ทำให้เธอที่เท้าเปลือยเปล่านั้นไม่มี
แรงขัดขืน
ไม่นาน เธอก็ถูกโยนเข้าไปที่ฝั่งข้างคนขับ
ไม่รอให้ขัดขืน ประตูรถก็ถูกล็อคทันที เหลิ่งเจ เซียวไม่ได้มอง เธอ ได้แต่หันตัวไปด้านหลัง ซื้อหากระดาษทิชชูกล่องหนึ่งโยนไป ที่ตัวเธอ แล้วเอ่ยพูดอย่างเย็นชา : “เช็ดซะ”
ไม่นานรถก็ออกตัวด้วยความเร็วไปยังท้องถนนที่พลุกพล่าน
หลินหยู่เยียนจ้องมองกล่องกระดาษทิชชู แล้วหันไปมองเขา เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน : “คืนนี้ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ ………
เขาพูดขัดขึ้นมา : “หยุดพล่ามไร้สาระ! ฉันจะไม่แตะตัวเธอ รีบเช็ดซะ เธอเปียกโชกไปทั้งตัวแล้ว อย่ามาทำให้รถฉัน สกปรก”
ที่จริงเขาเป็นห่วงกลัวเธอจะไม่สบาย แต่กลับพูดแบบนั้นไม่
ออก
หลินหยู่เยียนรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา “ในเมื่อกลัวฉันจะทำให้รถ นายสกปรก งั้นนายให้ฉันขึ้นรถมาทำไม?”
สีหน้าท่าทางเขาดูเย็นชา ไม่เอ่ยพูดอะไรออกมา
รอจนเธอใช้กระดาษทิชชูจนหมดกล่อง ก็มีเสื้อสูทลอยมาจาก ข้าง ๆ หนึ่งตัว
“ใส่ซะ”
เธอเงยหน้ามองเขา ไม่รู้ทำไม เพราะการกระทำอย่างนี้ ถึง ทำให้ในใจเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นมาแวบหนึ่ง
เธอไม่ได้ลังเล สวมเสื้อสูทเขาทันที
หลังจากสวมใส่แล้ว ร่างกายที่หนาวเย็นไปทั้งตัวก็ค่อย ๆ รู้สึกอุ่นขึ้นมา
เห็นหน้าผากของเหลิงเอเซียวมีเหงื่อออก หลินหยู่เขียน มองไปที่ปุ่มปรับอากาศในรถยนต์ กลับพบว่าเขาเปิดฮีตเตอร์ใน วันที่อากาศร้อนอย่างนี้……..
“ขอบคุณนายนะ” ประโยคนี้ เธอพูดมันออกมาจากใจ
เหลิ่งเจาเซียวไม่ได้มองเธอ สายตาเขามองไปข้างหน้า หลินห เยียนก็แอบมองเขาอีกครั้ง อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าใบหน้าด้านข้างของ เขานั้นดูหล่อจนทำให้เธออยากเข้าไปจูบเขา……..
แก้มรู้สึกร้อนขึ้นมา หัวใจก็เต้นเร็วขึ้น จนหลินหยู่เยียนแอบ ด่าตัวเองที่ไม่รู้จักละอายใจเอาเสียเลย
ทำไมเธอถึงได้มีความคิดแบบนี้นะ หลินหยู่เยียนจึงหลับตาลง ไม่อยากมองเขาอีก
เพียงแค่มองอย่างนี้ไม่กี่ครั้ง เธอก็มีความคิดชั่วร้ายแล้ว
เธอเลยหันหน้าหนี นั่งมองไปยังนอกหน้าต่าง จากนั้น ความอบอุ่นภายในรถก็ทำให้หนังตาของเธอค่อย ๆ หย่อนลง รู้สึกอยากนอนมากเลย จนในที่สุดเธอก็หลับไป
เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอดังมาจาก ข้าง ๆ เหลิ่งเจวเซียวที่เดิมที่ตัดสินใจจะส่งเธอกลับบ้านก็เปลี่ยน ใจทันที
เขาจับพลัดจับผลูพาเธอกลับไปยังคฤหาสน์ของตัวเอง ขับรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถแล้ว แมวน้อยตัวนี้ก็ยังหลับไม่
ตื่น
เขาหมดความอดทน ใช้มือผลักเธอ แต่เธอก็ยังไม่ตื่น เหลิ่งเจว๋เชียวนิ่งไป แล้วยื่นมือไปลูบหน้าผากของเธอ เขารู้สึกตกใจ เธอเป็นไข้แล้วจริง ๆ ด้วย!
“พาเธอกลับมาเป็นเรื่องผิดพลาดจริง ๆ ! ทำไมถึงไม่ทิ้งเธอไว้ ข้างทางนะ?” เขาขมวดคิ้วพึมพำคนเดียว แต่ขายาวนั้นก็ได้ลง จากรถแล้วเดินไปยังฝั่งข้างคนขับ
เปิดประตูรถแล้วอุ้มเธอลงจากรถ จากนั้นก็อุ้มเธอเข้าไปใน คฤหาสน์แล้วตรงไปยังห้องนอน เหลิ่งเจาเซียวโทรศัพท์ทันที : “มู่เทียน เรียกคุณหมอโหลวมาที่คฤหาสน์หน่อยสิ บอกว่ามีคน เป็นไข้”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ