ตอนที่ 9 ท่านอ๋องป่วยหนัก
เย่เล่อจือวิ่งหนีออกมาไกลแล้วหันไปมองด้านหลัง ไม่มีใครตามมา นางถึงได้หยุดวิ่ง แล้วก็นั่งพักด้วยความ เหนื่อยหอบ แล้วก็พลันเอาเครื่องประดับออกจากหัว แต่ ก็ยังดูหวงแทนทุกอันอย่างมาก ขนาดกำไลหยกที่ข้อมือ นั้นก็ยังทำมาจากของแท้ นางเอาออกอย่างระมัดระวัง มี แค่เครื่องประดับพวกนี้ ถึงไม่เป็นตำรวจ นางก็คงสามารถ อยู่รอดได้อย่างไม่อดอยากไปทั้งชีวิต เลยละ? อันที่ขาย ไม่ได้ก็สามารถใช้เป็นของตกแต่งบ้านได้ เริ่มรวยตั้งแต่ ตอนนี้ นางยิ่งคิดก็ยิ่งเพ้อ จนหลุดหัวเราะออกมา
“ของพวกนี้ล้วนแต่เป็นของฮ่องเต้พระราชทานให้เจ้า ไม่คิดว่าเจ้าจะหวงแหนขนาดนี้”เสียงสุขุมดังขึ้นมาจาก ด้านหลัง จนนางตกใจอย่างมาก จนเกือบทำของหล่น จากมือ
มู่หรงเจิงเดินมาจากด้านหลัง”เย่เล่อจือข้าบอกแล้วว่า เจ้าหนีไปไม่รอด
เขาเดินมาได้ยังไงแบบไม่มีเสียงเลย อย่างกะผีสาง ช่างน่ากลัวจริงๆ! เย่เล่อจือเอามือโกยเอาเครื่องประดับ แล้วเก็บเข้าไว้ทันที พลันหันไปจ้องเขม็งเขา”ช่างไม่รู้จัก วางมือจริงๆ!
“ของที่ฮ่องเต้มอบให้เจ้า เจ้าชอบขนาดนั้นเชียว หรือ? ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ควรจะยอมอ่อนข้อให้ฮ่องเต้ เร็วๆแล้วกลับไปอยู่ข้างๆเขา ” มู่หรงเจิงพูดออกมาอย่าง เศร้าใจและแววตามีแต่ความเฉยชา
“ฮ่องเต้? ข้ามีความสัมพันธ์อะไรกับเขา?
พูดขึ้น
“เย่เล่อจือ
“ในเมื่อเจ้าลืมไปแล้ว ก็ลืมมันเถอะ นี่ก็อาจจะดีกับเจ้า ก็ได้” มู่หรงเจิงไม่ยอมพูดอธิบายอะไร
เย่เล่อจือโมโหอย่างมาก พลันเดินข้างหลังเขา แล้วหัน มองรอบๆเพื่อหาโอกาสหนี แต่ว่าจนท้องฟ้าค่อยๆมืดลง นางก็ไม่มีโอกาสหลุดพ้นออกจาเขาได้เลย เขาต้องเคย เรียนวิชาหูทิพย์ตาทิพย์แน่เลย หากว่าเขาสามารถย้อน เวลาไปโลกอนาคตได้ แล้วไปเป็นตำรวจ เขาน่าจะได้ เป็นตำรวจแนวหน้าที่เก่งกว่าพวกหัวหน้าสวี่อย่างแน่นอน
ในป่าลมเย็นเริ่มพัดมา เย่เล่อจือก็ไม่ได้ใส่เสื้อคลุมด้วย นางทำได้แค่กอดตัวเองไว้ เพราะความหนาวเย็น มู่หรง เจิงที่อยู่ข้างๆก็เลยถอดเสื้อคลุมตัวเองออกแล้วมาคลุม ให้นางแทน “เป็นความสะเพร่าของข้าเอง”
โตขนาดนี้แล้ว เหมือนกับว่าไม่เคยมีใครคอยดูแลนางดี แบบนี้ นางเลยรู้สึกดีอย่างมาก แต่พอมองหน้าเขาที่ดูไร้ ความรู้สึกแบบนั้น หน้าที่ไม่มีสีสันอะไรแบบนั้นก็เหมือน กับหุบเขาหิมะที่หิมะไม่ยอมละลายแล้วโดนปกคลุมไป ด้วยความหนาวเย็น
ผู้ชายคนนี้ช่างหน้าตาดีจริงๆ เย่เล่อจืออดมองเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะอยู่ในยุคสมัยนี้ แต่ก็เป็นชายที่หน้าตาดีระดับ ต้นๆ สามารถดึงดูดหญิงสาวได้นับร้อย ถึงแม้ว่านางเอง จะไม่ใช่คนที่บ้าดารา แต่ว่ามู่หรงเจิงก็เป็นคนที่ช่างหล่อ เกินไปแล้ว จนทำให้ไม่อยากละสายตาไปไหนเลย
ทันใดนั้นมู่หรงเจิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมา จึงทำให้ทุกอย่าง ยุติลง แล้วเขาก็จับแขนของนางเอาไว้ทันที แต่นางเคย ฝึกมา การแก้การถูกล็อคแขน นางจึงล็อคแขนเขาออก ทันที“ท่านจะทำอะไร? หากว่าท่านกล้าเสียมารยาทละก็ อย่าหาว่าข้าทําเกินไปนะ!
มู่หรงเจิงดึงนางเข้ามากอดทันที ลมหายใจของเขาดูไม่ ค่อยปกติเท่าไหร่”รีบเอา เสื้อคลุมคืนข้า
เขายื่นมือออกไปเพื่อจะดึงเสื้อคลุมที่เขาพึ่งส่งให้นาง ไปกลับคืน แต่แขนเขาที่พึ่งจะยื่นออกไปก็พลันหมดแรง แล้วร่วงลงอย่างอ่อนแรงและอ่อนลงตรงหน้าอกของนาง พอดี
เย่เล่อจือโมโหอย่างมาก เห็นว่าเป็นท่านอ๋องก็ช่าง กำเริบนัก? คิดว่าตัวเองแกล้งคนอื่นได้ง่ายๆอย่างนั้น หรือ? นางจึงใช้แรงที่มีดันเขาออกไปทันที ใครจะไปรู้ว่า มู่หรงเจิงไม่ระวัง แล้วก็ไม่หลบออก แถมไม่มีเรี่ยวแรง ล้ม ไปตามแรงที่นางดันไปทันที
เย่เล่อจือเห็นสีหน้าของเขาซีดมากจนปากเริ่มเป็นสีม่วง แววตาก็เริ่มดูไร้สติ ไม่เหมือนกับว่าเขาต้องการจะรังแก นาง นางจึงรีบเข้าไปจับเขาเอาไว้ แต่เพราะว่าพื้นหญ้า ค่อนข้างลื่น รวมกับรองเท้าของคนสมัยก่อน ที่ใส่ไม่ค่อย สบายเท่าไหร่ จึงทำให้นางไม่สามารถช่วยเขาไว้ได้ แถม ยังล้มไปตามเขาอีก
แล้วก็พลันลงไปนอนอยู่บนหญ้าทันที เย่เล่อจือกอด ร่างของมู่หรงเจิงเอาไว้ตอนที่พลิกตัว หลังของมู่หรงเจิง ถึงไม่กระแทกกับพื้น และหัวไม่กระแทกกับก้อนหิน แต่ว่าเพราะการกลิ้งไปมานั้น ทำให้นางนอนอยู่บนหญ้า แล้ว ถูกร่างของมูหรงเจิงทัยร่างนางเอาไว้ จนทั้งคู่สัมผัสได้ถึง ความอบอุ่น
“เร็ว รีบเอายามา….. มู่หรงเจิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง พลันหายใจหอบ
“ยาอะไรกัน? “ตอนนี้เย่เล่อจือถึงได้พูดขึ้นมา แล้ว พลันมองเห็นหน้าของเขาล้มลงมา ปากที่ดูซีดเซียวก็ พลันก้มลงมาประกบที่ปากตัวเองทันที นางตะลึงอย่าง มาก จนตัวแข็งทื่อ สมองก็พลันโล่งไปหมด ไม่รอให้นาง ได้สติกลับมา มู่หรงเจิงก็พลันเบี่ยงหน้าออกทันที ปาก ของเขาก็พลันถแก้มของนางไป และร่างเขาก็ทับอยู่บน ตัวนางอย่างหนัก ไม่กระดุกกระดิกเลย
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนเย่เล่อจือถึงได้สติกลับมา แล้วเขย่า ร่างของมู่หรงเจิงที่ทับบนตัวของนาง“เฮ้ ท่านเป็นไร ไป?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ