ตอนที่12 ให้ ชาแต่งงานไปเถอะนะ
ในเวลาเดียวกันนั้นเองใจของฉันก็มีความหวังเพิ่มมาก ขึ้น ชยานีพูดว่า “ฉันให้หล่อนมาเอง”
นําเสียงของเธอไม่ช้าไม่เร็ว แต่ก็ฟังไม่ออกว่าเธอมี จุดประสงค์อะไร
ฉันแอบมองดูปฌัยแว้บหนึ่ง บนหน้าผากของเขาดู เหมือนว่าจะเหงื่อซึมออกมา
พวกเรา4คนเข้าไปในบ้าน ชยานีดึงฉันไปนั่งบนโซฟา ขนาด2ที่นั่ง ชวลัย และ ปณัยนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม น้าจิลเท น้าชาให้กับพวกเรา
ชยานีจับมือฉัน ไม่พูดพล่ามทำเพลง“เรื่องการ แต่งงาน น้าหมุยเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว”
คราวนี้ เหงื่อของปณัยหยดลงมาในชั่วพริบตา เขาลุก ขึ้น ชี้นิ้วไปที่น้า หมุยแล้วด่าทอ“แกมันกินบนเรือนขี้รด บนหลังคา แกมันถูกนังณิชาซื้อไปแล้วใช่ไหม?”
พูดพลางคว้าแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมา แล้วขว้างตรงไปที่ ตัวของน้าหมุย!
น้าหมุยหลบไม่ทัน ทั้งตัวโดนน้ำชาร้อนผ่าว แก้ว ตกลงบนพื้น แตกละเอียด! –
“พอได้แล้ว!”ชยานีตะโกนอย่างน่าเกรงขาม แล้วพูดกับ น้าหมุย“อาหมุย เธอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อเถอะ ฉันไม่เรียกก็ไม่ต้องออกมา”
ถึงแม้ว่าชายนี จะมีใบหน้าเต็มไปด้วยความเมตตา แต่ ทว่า เธอเป็นเจ้าของบ้านจันทร์ ตามธรรมชาติแล้วคำพูด ย่อมมีน้ำหนัก
พอเธอพูด ปณัยกลับมานั่งลงทันที มือนั้นกำแน่น ยัง คงคิดจะอธิบาย
ชยานีถามฉัน“หนูณิ ฉันฟังที่อาหมุยเล่าแล้ว คืนงาน แต่งงานหนูอยู่กับดนุนัยใช่ไหม?”
ฉันพยักหน้าช้าๆ ไม่แน่ใจว่า ทำไมชยานีถึงถามเรื่อง พวกนี้
หลังจากนั้นชยานีพูดอีกว่า“อาหมุยบอกว่า หลังจาก วันนั้น ถึงเรื่องต่างๆจะชัดเจนแล้ว แต่หนูจิณก็ยังไม่ได้ ย้ายไปอยู่กับดนุนัยเลย”
ฟังมาถึงตรงนี้ ชวลัยรีบลุกขึ้นมาโต้แย้ง”นั่นเป็น เพราะว่า ดนุนัยได้ขอโทษหนูจิณแล้ว และอยากให้เธอมี ทางเลือกที่ดี อยากให้เธอเชื่อใจมากที่สุด ถึงจะรับเข้าไป อยู่ด้วย”
ใจของฉัน ปวดร้าวอย่างอธิบายไม่ได้
ดนุนัย กับ จิณณา มีการดูแลกันเกินกว่าธรรมดาจริงๆ
ความรู้สึกเช่นนี้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่คำพูดของฉัน ไม่กี่คาจะยั่วยุได้ง่ายๆ?
ทว่า ฉันคิดว่าที่ชยานีมาในวันนี้ ไม่เพียงแค่มา
หาความยุติธรรมคืนให้กับฉัน เธอกลับพูดว่า”เอาละ เรื่อง นี้เป็นความผิดของพวกเธอก่อนนะ ณิชาก็อยู่กับดนุนัย ไปแล้วทั้งคืน เด็กผู้หญิงน่ะ เป็นอย่างนี้แล้วจะแต่งงานอีก ในภายหลังได้อย่างไร ดังนั้นก็ให้ณิชาแต่งไปเถอะนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉันใช้เวลา5วินาที ในการตอบ สนอง ถึงจะเข้าใจความหมายของคำพูดทั้งหมดได้ ชัดเจน
ชวลัย กับ ปณัยเช่นเดียวกัน ตอนที่ปฏิกิริยาตอบ สนองของฉันเกิดขึ้น ชวลัยก็ลุกขึ้นยืน พูดอย่างเผ็ด ร้อน”ไม่ได้! เป็นอย่างนี้ไม่ได้แน่นอน! จะให้หล่อน แต่งงานกับดนุนัยได้ยังไงคะ!”
ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน“คุณยายคะ…คือนี่…
เวลานี้ ใจของฉันยุ่งเหยิงอย่างไม่มีอะไรมาเปรียบได้ แท้ที่จริงฉันไม่มีความหวังอะไรกับดนุนัยอีกแล้ว
“เป็นไปไม่ได้หรอกที่บ้านสุทรรศน์รังสสีจะเห็น ด้วย”ปณัยที่ตอนนี้สงบแล้ว ยกเอาบ้านสุทรรศน์รังสสีมา อ้าง
คำพูดของเขา ก็ทำให้ฉันได้สติ
ในเมืองดรัลนี้ ตระกูลสุทรรศน์รังสสีคือยอดปีระมิด ถึงแม้บ้านจันทร์จะยิ่งใหญ่เช่นกัน แต่ในเรื่องของขนาด ธุรกิจยังห่างไกลไม่สามารถเทียบบ้านสุทรรศน์รังสสีได้
ดังนั้น พูดกันตามเหตุตามผลแล้ว ถ้าเพียงแค่บ้านสุ ทรรศน์รังสสีไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ชยานีพูดอยู่คนเดียวก็ ไม่มีประโยชน์
ชยานีมองไปที่ชวลัย แล้วส่งสัญญาณให้หล่อนนั่งลง
รอจนชวลัยนั่งลงแล้ว เธอจึงพูดต่อว่า”แล้วเธอคิดว่า เพราะอะไรตระกูลใหญ่อย่างบ้านสุทรรศน์รังสสีถึงอยาก จะมาเกี่ยวดองกับพวกเราบ้านจันทร์ล่ะ?”
คำถามนี้ เมื่อถามออกมา ทำให้ฉันนึกถึงขนาดของ บ้านสุทรรศน์รังสสี ตำแหน่งของดนุนัยที่บริษัทนภากรุ๊ป จํากัดแห่งเมืองดรัล การแต่งงานก็ถือว่าได้เกี่ยวดอง กัน100%แล้ว แต่ไม่ได้นับรวมว่าอยู่กับบ้านจันทร์
แต่ทําไมเป็นสิ่งบ้านจันทร์พยายามจะทำให้ได้ล่ะ
ชยานีพูดถึงต้นสายปลายเหตุทั้งหมดออกมาว่า ปีนั้น ชยานีและคุณปู่ของดนุนัยมีความรักให้กันตั้งแต่ยังเป็น เด็ก แต่ตอนนั้น ชยานีเป็นลูกสาวของตระกูลใหญ่ แต่ คุณปู่ของดนนัยเป็นเพียงเด็กยากจน
ในเวลานั้นสังคมไม่อนุญาตให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน
หลายปีต่อมา ทั้ง2คนเป็นคนชราที่ได้กลับมาพบกัน อีกครั้ง ตัดสินใจที่จัดงานแต่งงานนี้
ในตอนที่ชยานีเล่า เต็มไปด้วยความรู้สึกอันอบอุ่น สามารถดูออกว่า คุณปู่ของดนุนัยกับเธอจะต้องมีความ รู้สึกที่ดีมากต่อกันอย่างยิ่ง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ