บทที่ 5 เรื่องราว
“เซียงเซียง เจ้าเข้ามานี่สิ
“คุณหนู บ่าวทำอา…”
เพล้ง!!
“คะ คุณหนู!”เซียงเซียงตกตะลึงกับใบหน้าไป๋เฟยหรง เหตุใดเพียงแค่สามวันที่ไม่เจอกัน คุณหนูของนางถึง เปลี่ยนไปเพียงนี้สามวันที่แล้วคุณหนูของนางยังเป็นแค่ หญิงทรุดโทรมผ่ายผอม ร่างกายซูบซีดเหมือนเด็กยังไม่ โตยังผอมซีดราวกับกระดูก ใบหน้ามีแต่ความหมองคล้ำ แต่ทำไมตอนนี้คุณหนูของนางถึงได้งามเยี่ยงนี้ ใบหน้า ช่างดูอิ่มเอิบมีน้ำมีนวล ผิวขาวใสอมชมพูราวกับหยก ชั้นดี ดวงตากลมโตปลายหางตาเฉียงขึ้นนิดๆทำให้ดู เย้ายวนเสริมกับขนตายาวๆที่กระพือดั่งปีกผีเสื้อตัวน้อย เพียงแค่ปรายตาก็ทําให้ใจสั่น โดยเฉพาะริมฝีปากที่เคย แห้งแตกเป็นแผล มาตอนนี้กลับชุ่มชื่นอมชมพูอวบอิ่ม ราวกับผลอิงเถาเปล่งปลั่งน่าลิ้มลอง คุณหนูรองที่เลื่อง ชื่อว่าเป็นยอดพธูที่ทุกคนต่างกล่าวขานกันว่างามที่สุด ในแคว้นนะหรือ ตอนนี้เทียบคุณหนูของนางไม่ติดแม้แต่ เสี้ยวเดียว ไม่สิ ความงามของคุณหนูรองไม่สามารถ นำมาเทียบแม้แต่เสี้ยวเดียวของคุณหนูใหญ่ได้ เพียง แค่มองหน้านายสาว ทำให้สาวใช้ตัวน้อยตัวน้อยเผลอ จินตนากาลไปไกล
“เซียงเซียง! หน้าข้ามีอะไรติดงั้นรึ ?” ถึงนางจะหน้า หนาแต่เล่นมาจ้องหน้ากันตาเยิ้มทําหน้าเคลิบเคลิ้มขนาด นี้ นางก็แอบขนลุกอยู่นะ
“อ๊ะ… บ่าวขออภัยเจ้าค่ะคุณหนู”สาวใช้ตัวน้อยหลุบตา ด้วยความตระหนก ไม่รู้ทำไม แต่นางไม่กล้าสบตาคุณหนู เลย
นางยิ้มน้อยๆที่คิดว่าดูอ่อนโยนที่สุดให้สาวใช้ “เจ้าเล่า เรื่องตอนที่ข้าหลับไปหน่อยสิ” นางต้องการทําความ เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดจะได้จัดการเรื่องราวถูก
“ได้เจ้าค่ะ หลังจากคุณหนูกระอักเลือดออกมาแล้ว ก็เป็นลมล้มพับไป ท่านแม่ทัพเพียงให้หมอชาวบ้าน ธรรมดามารักษา ตอนแรกหมอบอกว่าท่านคงอยู่ได้ไม่ นาน แต่หนึ่งเดือนผ่านไป ท่านก็ยังไม่ฟื้นแต่ก็ไม่ได้ตาย หลังจากนั้นหมอก็ไม่มาอีก มีแค่ยาบำรุงส่งมาเล็กๆน้อย น้อยเจ้าค่ะฮือๆๆ ฮึก เรือนใหญ่ก็ไม่สนใจ บ่าวจึงได้แค่ ดูแลคุณหนูไปตามกำลัง คอยพยายามป้อนน้ำแกงบำรุง ร่างกายคุณหนูแต่ก็.. บ่าวขออภัยเจ้าค่ะที่ไม่มีกำลังไม่มี ความสามารถที่จะดูแลคุณหนูได้ดีกว่านี้”
“ข้าต้องขอบใจเจ้ามากกว่าที่ภักดีและดูแลข้า”
เซียงเซียงเอาหัวพิงแนบกับต้นขาของไป๋เฟยหรง “ตั้งแต่คุณหนูช่วยบ่าวไว้เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ชีวิตของบ่าวก็เป็นของคุณหนูแต่เพียงผู้เดียวแล้วเจ้าค่ะ ”
ไป่เฟยหรงเผลอยิ้มออกมากับความช่างอ้อนของบ่าวตัว น้อย เอื้อมมือลูบหัวเบาๆ นี่เป็นรอยยิ้มแรกของเธอเลยมั้ง ที่ออกมาจากข้างในนับตั้งแต่แม่เธอตายจากไป
“แล้วน้องรองน้องรักของข้าเล่า เป็นอย่างไร?”
“เอ่อ เอ่อคุณหนูรอง
ไปเฟยหรงขมวดคิ้วสงสัย “ทําไม?”
“ตั้งแต่คุณหนูสลบไป องค์รัชทายาทได้ขอถอน หมั้นตั้งแต่เดือนแรกที่ท่านยังไม่ฟื้น และฮ่องเต้ออก ราชโองการหมั้นองค์รัชทายาทกับคุณหนูรองแทน ท่าน แม่ทัพยินยอมและพวกชาวบ้าน เอ่อ…ต่างพูดเป็นเสียง เดียวกันว่าดีนักที่เปลี่ยนคู่ครองให้องค์รัชทายาทคู่กับ คุณหนูรอง พวกเขาคงทนกันไม่ได้ถ้าฮองเฮาในอนาคต เป็นแค่เศษขยะ สวะของแคว้นที่ไม่สามารถฝึกพลัง ได้ ….งานหมั้นจะมีขึ้นอีกเจ็ดวันเจ้าค่ะ พูดจบนางก็มอง ดูสีหน้าของนายสาวตัวเอง เนื่องจากก่อนที่จะหลับยาว คุณหนูทรงปักใจกับองรัชทายาทมากมายยิ่งนัก เกรงว่า จะเสียใจที่โดนถอนหมั้น”
ไป๋เฟยหรงเพียงแค่นั่งคิดอย่างเงียบๆ มีเพียงความเย้ย หยันในดวงตาคู่งาม
รัชทายาทหรือ ….เธอจำได้ว่ารัชทายาทหน้าที่คนนี้ ทั้ง ใส่ใจทั้งนุ่มนวล ดูแลทะนุถนอมเธอยามที่เธอยังเป็นที่รัก ของคนในจวนเลยทำให้ไป๋เฟยหรงคนเก่าปักใจอย่างไม่ ยากนัก แต่ว่าหลังจากเธอไม่มีพลัง กลายเป็นเพียงขยะ ไอตี๋นั่นแทบไม่ชายตามองนางเลย บางครั้งบางคราวยัง จงใจพูดเสียดสีนางเสียด้วยซ้ำ ไหนจะยังโชว์สวีทหวาน กับไป๋เฟยฮวาบ่อยๆ จนทำให้ไป๋เฟยหลงร่างเก่าเผลอ อาละวาดโวยวายไปตั้งหลายครั้งหลายครามีครั้งหนึ่ง นางดึงน้องรองที่กำลังเดินจับมือกับรัชทายาทที่ตลาด และมายุ่งกับคู่หมั้นของนาง หลังจากนั้นผลเป็นอย่างไร รู้ไหม นางโดนชาวบ้านก่นด่าว่าเป็นเพียงแค่สวะ เป็น ขยะมีสิทธิอะไรหึงหวง ว่าเธอเป็นนางมารร้ายขัดขวาง ความรักกับน้องสาวแสนดี ว่าเธอแย่งคนรักของน้องสาว หึคนโง่ก็คือคนโง่ เห็นผิดเป็นถูกเพียงเพราะคนคนนั้นมี พรสวรรค์เท่านั้นเอง
“เจ็ดวันงั้นหรอ ยังพอมีเวลา” หึ…นางจะทำให้ไป๋เฟยฮวา น้องสาวสุดที่รักสำลักความสุขวันแต่งงานจนแทบกระอัก เลือดออกมาเลย
นางรู้สึกขนลุกกับการยิ้มของคุณหนูเหลือเกิน นอกจาก ร่ายกายคุณหนูที่เปลี่ยนไป ยังมีท่าทางที่เปลี่ยนไป ไหน จะแววตาที่ดูทรงอำนาจคู่นั้นอีก นิสัยจากเจ้าอารมณ์ ซึม เศร้าและมักหวาดกลัวกลับไปกลับมา ตอนนี้คุณหนูดู สง่างามเหลือเกินท่าทางนิ่งสงบนี้ แววตาแบบนี้ นางรู้สึก ชอบเหลือเกิน
“เรือนของเรามีเงินหรือไม่??”
“เรือนเราไม่ได้รับเงินมาหลายเดือนแล้วเจ้าค่ะทุกวันนี้ คุณหนูต้องเอาของใช้ไปขายไม่ใช่หรือเจ้าคะ? เราถึงจะ มีเงินมาซื้ออาหาร คุณหนูเป็นคนสั่งไม่ให้รับอาหารจาก ทางเรือนใหญ่มานานแล้วเจ้าค่ะ”
ไป๋เฟยหรงเอ้ย..ไป๋เฟยหรง ทำไมโง่อย่างนี้นะ? ต้อง ท้องอิ่มสิถึงจะมีแรง คนเราต้องมีศักดิ์ศรีให้ถูกเวลา ข้าไม่ แปลกใจเลยว่าทำไมก่อนที่ข้าจะมาร่างกายของเจ้าถึงได้ ผอมแห้งขนาดนั้น
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ