บทที่ 7 ตาต่อตาฟันต่อฟัน 1.1
“ฉันถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” เขาตะโกนถามอีกครั้งหลัง จากไม่ได้รับค่าตอบจากใคร
“ให้อาหารหมาไง….ไม่เห็นเหรอ?” พิมลวัลย์จ้องมอง ปกรณ์อย่างไม่เกรงกลัว
“ไหนล่ะหมาของเธอน่ะ?” ชายหนุ่มย้อนถาม
“นี่ไง” พิมลวัลย์ชี้ไปที่ร่างของเพลินจิตที่นั่งร้องไห้ ฟูมฟายอยู่ที่พื้น
“จะบ้าหรือไง จิตเป็นสาวใช้ของที่นี่ ไม่ใช่เป็นหมา เธอ จะดูหมิ่นคนของฉันมากเกินไปแล้วนะ” เขาพูดอย่าง เดือดดาล มองใบหน้าของพิมลวัลย์นิ่ง ซึ่งเธอเองก็หาได้ หลบสายตาคู่นั้นไม่
“แล้วคุณถามฉันบ้างมั้ย? ว่าทำไมฉันถึงต้องทำแบบนี้” พิมลวัลย์ตะโกนสวนกลับ
“ทำไมต้องถาม เพราะเธอไม่มีสิทธิ์อะไรในบ้านนี้อยู่ แล้ว เป็นแค่คนอาศัยจะมาทำหยิ่งผยองที่นี่ไม่ได้”
“อย่างกับฉันอยากอยู่ที่นี่…ถ้าไม่ติดที่จินนี่ฉันไม่มีวันมา เหยียบบ้านของคนใจทรามอย่างคุณแน่นอน” เธอตอกกลับอย่างเผ็ดร้อน
“งั้นก็ไปซะสิ ไปเลยไสหัวไปทั้งแม่ทั้งลูกเลย อย่างกับ ฉันอยากให้เธอกับลูกอยู่ที่นี่ ลูกใครก็ไม่รู้แล้วมาต่เป็น ลูกฉัน” เขามองเธอด้วยสายตาหยามเหยียด มีหรือว่าคน อย่างพิมลวัลย์จะยอม
“ฉันจะบอกคุณตรงนี้เลยว่า จินนี่เป็นลูกของหมาขี้เรื้อน ที่ชื่อ ปกรณ์ รัตนะบดินทร์ แค่นี้ชัดมั้ย?” ดวงตาของ ปกรณ์ลุกเป็นประกายไฟ ไม่เคยมีใครกล้าว่าเขารุนแรง ขนาดนี้ ไม่เคยมีใครเหยียดหยามศักดิ์ศรีเขาเท่าเธอมา ก่อน เธอเป็นคนแรกและคนสุดท้ายที่จะได้ว่าเขา เพราะ ชายหนุ่มไม่มีวันปล่อยให้เธอลอยนวลเป็นแน่
“เธอว่าใครเป็นหมาขี้เรื้อน” เขากัดฟันถามพร้อมกับ สาวเท้าเข้าไปใกล้หญิงสาวอย่างช้าๆ ใบหน้าแดงก่ำ ด้วยความกรุ่นโกรธ จนคนรับใช้รวมทั้งคนสนิทที่ยืนอยู่ รอบๆ ต่างลอบกลืนน้ำลายกับท่าทางของเจ้านายหนุ่ม กลัวเหลือเกินว่าจะทำร้ายหญิงสาวร่างบางตรงหน้าให้ ย่อยยับ จะเข้าไปห้ามปรามก็กลัวโดนของแถมกลับมา จึง ได้แต่ยืนคุมเชิงอยู่รอบๆ แทน
“ก็ว่าคุณไง หูหนวกหรือไม่มีสมองคิด…ถึงไม่รู้ว่าฉัน หมายถึงใคร?” เธอย้อนถามเขาอย่างไม่เกรงกลัวท่าทาง และแววตาของเขาเลยแม้แต่น้อย แถมยังจ้องตอบดวงตา คู่นั้นกลับไปด้วย ดวงตาสองคู่มองสบตากันชนิดที่ว่าตา แทบไม่กะพริบ เขาไม่หลบเธอก็ไม่ถอย สู้รบกันทางสายตา จนคนรอบข้างรับรู้ถึงความอึดอัดที่โรย ตัวอยู่รอบๆ บริเวณ ปกรณ์เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาพิมล วัลย์ จ้องมองดวงหน้างามตาไม่กะพริบ บดกรามแน่นข่ม อารมณ์ที่โหมกระพือสุดกำลัง
“อย่าให้ฉันรู้สึกว่าทนไม่ได้ขึ้นมา….เพราะเธอจะเดือด ร้อน หรือไม่ก็เจ็บตัว” เขาออกโรงเตือน หญิงสาวหาได้ เกรงกลัวไม่ ก้าวเดินเข้าไปหาร่างของเขาเช่นกัน เงยหน้า มองใบหน้าคมสันท้าทายเขาด้วยคำพูดและสายตา
“ก่อนที่ฉันจะเจ็บ คุณต้องเจ็บตัวก่อนคุณปกรณ์…เผื ยะ!…นี่สำหรับจินนี่ที่ถูกพ่อจิตเสื่อมดูถูกเหยียด หยาม…เผียะ!…นี่สำหรับสิ่งที่คุณทำไว้กับฉัน…เผียะ!… นี่ สำหรับความเป็นพ่อที่คุณไม่มีในสายเลือด
ลมหายใจของคนที่มองเห็นเหตุการณ์หยุดนิ่ง เมื่อเห็น สตรีร่างสมส่วนสะบัดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของเจ้านายหนุ่ม อย่างหนักหน่วง ใบหน้าของปกรณ์ชาดิก เจ็บที่แก้มสาก ทั้งสองข้าง แต่ไม่เท่ากับเจ็บที่หัวใจ เจ็บเหมือนเธอมา เหยียบย่ำ เจ็บอย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาเช่นนี้มา ก่อน
นัยน์ตาสีเข้มมีกลิ่นอายของความร้อนระอุอยู่ในดวงตา คู่นั้น รังสีของไฟแผ่กระจายรอบร่างหนา มือทั้งสองข้าง ของเขากำเข้าหากันแน่น แรงโทสะถูกส่งผ่านมายังมือที่ กําเข้าหากัน ผ่านมาตามท่อนแขนหนา เคลื่อนมาตามก ล้ามเนื้อ ก่อนจะทิ้งดิ่งไปที่หัวใจ วิ่งวนขึ้นไปยังสมองเพื่อสั่งการบางอย่างที่จะทำให้แรงโทสะ นั้นมอดไหม้ลง
“เธออยากตายมากใช่มั้ย?…ที่ทำกับฉันแบบนี้” เขาพูด อย่างโกรธเกรี้ยว มองร่างบางจนแทบจะละลายด้วยเปลว แห่งไฟ ก้าวย่างเข้าไปหาพิมลวัลย์อย่างช้าๆ เสียงทรง อำนาจของเขาไม่อาจทำให้ร่างบางสะดุ้งสะเทือนได้ เธอ ไม่ตอบไม่เกรงกลัวท่าทางดุจปีศาจร้าย ร่างบางเดินหมุน ตัวไปที่ตู้เย็น เปิดมันออกมาแล้วเอื้อมมือไปหยิบบาง อย่างออกมาจากตู้เย็น
“เอาน้ำเย็นเข้าลูบไว้จะได้หายบ้า” น้ำเย็นจัดที่อยู่ใน เหยือกแก้วถูกสาดไปที่ใบหน้าคมอย่างแรง ก่อนที่เขาจะ ถึงตัวเธอ น้ำที่เย็นจัดทำให้ร่างหนาสะดุ้ง หากแต่ความ เย็นจากน้ำที่ถูกสาดไม่อาจทำให้แรงโทสะของเขาลด ทอนลง ตรงกันข้าม มันเพิ่มมากยิ่งขึ้น สาวใช้บางคนเอา มือปิดปากอุทานออกมาดังบ้างเบาบ้าง ป้าอุ่นแม่บ้านเก่า แก่ของตระกูลเอามือทาบอก วิ่งตรงไปหาใครบางคนก่อน ที่พิมลวัลย์จะหมดลมหายใจที่ห้องครัว
“วันนี้เธอต้องตายด้วยมือของฉันแน่” เขากระโจนร่าง เข้าหาร่างบางที่ถอยไปตั้งหลักหนึ่งก้าว ความไวดุจพญา อินทรีที่โฉบล่าเหยื่อจากฟากฟ้า ตะครุบร่างบางได้ทัน ก่อนที่เธอจะหมุนตัวหนี พิมลวัลย์ยืนนิ่งไม่ดิ้นรนขัดขืน ปล่อยให้อ้อมแขนดั่งคีมเหล็กรัดร่างของเธอตามชอบใจ ปกรณ์รู้สึกแปลกใจกับท่าทางของเธอยิ่งนัก เธอดูนิ่งจน น่ากลัว คนที่อยู่บริเวณนั้นไม่อยากจะมองดูว่าหญิงสาวคนนี้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ