เปลวไฟอสูร

บทที่ 8 ตาต่อตาฟันต่อฟัน 1.2



บทที่ 8 ตาต่อตาฟันต่อฟัน 1.2

“ฉันเคยบอกคุณแล้วใช่มั้ยว่าก่อนที่ฉันจะเจ็บตัวคุณ ต้องเจ็บก่อน” เธอพูดเสียงราบเรียบไม่แสดงอาการตื่น ตกใจ เหมือนคนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่ ไม่มีใครกล้าเข้า มาช่วยหญิงสาวคนนี้สักคน เพราะกลัวโดนลูกหลงไป ด้วย ปกรณ์ไม่เฉลียวใจกับคำพูดของสาวน้อยในอ้อม แขน คิดเพียงว่าเธออยู่ในอ้อมกอดจะทำอะไรเขาได้

“โอ๊ย!!” เสียงร้องแสดงความเจ็บปวดดังขึ้น หากแต่หา ใช่เสียงของหญิงสาวไม่ กลับเป็นเสียงร้องของปกรณ์ที่ ตอนนี้เจ็บที่ใจกลางร่างกายเป็น อย่างมาก เมื่อโดนหัว เข่าของเธอถองที่จุดสำคัญ

“อย่าคิดว่าจะทำอะไรฉันได้ง่ายๆ ฉันมาที่นี่ไม่ได้มา เรียกร้องสิทธิ์ของความเป็นเมียจากคุณ ฉันมาในฐานะ ของคนเป็นแม่ ที่จะมาทวงสิทธิ์ความเป็นพ่อจากคุณ ใคร แรงมาฉันแรงกลับ ใครทำฉันเจ็บคนนั้นต้องเจ็บยิ่งกว่า จำไว้คุณปกรณ์” เธอก้มใบหน้าพูดกับชายหนุ่มที่นั่งกุม ส่วนอ่อนไหว เงยหน้ามองเธออย่างกราดเกรี้ยว กิริยา ของเธอ คำพูดคำจาที่ไม่ยอมใคร เขามั่นใจว่าไม่เคยเจอ เธอมาก่อน และยิ่งมั่นใจด้วยว่าศิริกาญจน์ไม่ใช่ลูกของ เขา หญิงสาวก้าวเดินออกไปจากห้องครัว เป็นจังหวะ เดียวกับที่จักราวิ่งมาที่ห้องครัว หลังจากที่ป้าวุ่นวิ่งไปตาม ให้เขามาห้ามปรามลูกชายเพียงคนเดียว หากแต่ภาพที่ เห็นกลับตาลปัตรไม่ตรงกับคำพูดของป้าอุ่น
“แย่แล้วค่ะคุณท่าน….คุณมาร์คจะฆ่าผู้หญิงคนนั้นค่ะ คุณท่านรีบไปห้ามคุณมาร์คนะคะ” จักรารู้ว่าผู้หญิงคน นั้นคือใคร ชายสูงวัยเดินแกมวิ่งไปที่ชั้นล่างตรงไปที่ห้อง ครัวทันที

“ไปนั่งทำอะไรตรงนั้นมาร์ค?” จักราถามลูกชายใบหน้า ของเขายิ้มนิดๆ พอจะเดาออกว่าพิมลวัลย์สร้างวีรกรรม อะไรไว้ให้ลูกชาย ปกรณ์ไม่ตอบผู้เป็นพ่อ เขาลุกขึ้น ยืนเต็มความสูง สูดลมหายใจเข้าปอดผ่อนออกมาอย่าง แรง เพื่อบรรเทาความเจ็บจุกที่อัดแน่นอยู่บริเวณใจกลาง ร่างกาย ก้าวเดินออกไปจากห้องครัว หากแต่เสียงของ บิดาดังไล่หลังมา เท้าของเขาจึงหยุดชะงักเล็กน้อย

“แกจะไปไหน?”

“ไปจัดการธุระนิดหน่อยครับ” เขาตอบเสียงเรียบ แวว ตายังคงฉายวับด้วยความโกรธที่มีอยู่ให้เห็น

“ไปทำธุระก็ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน ระวังจะเจ็บตัวกลับ มาอีก” ผู้เป็นพ่อพูดอย่างรู้ทันว่าปกรณ์จะไปไหน ผู้เป็น ลูกชายหมายมั่นว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะพลาด ท่าเสียทีกับเธอ เพราะมันจะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว

“เดี๋ยวคุณพ่อก็รู้ว่าใครจะเจ็บตัว” เขาพูดเสียงเข้ม เท้าหนาเดินออกไปจากประตูมุข ตรงไปที่เรือนหลังเล็กเพียง ลำพัง เพราะจักราอยากให้ลูกชายสะสางเรื่องราวต่างๆ ที่ เกิดขึ้นด้วยตัวของเขาเอง

เรือนหลังเล็กที่อยู่ตรงหน้าคือสถานที่ที่เขาเดินทางมา ประตูบ้านที่เปิดอ้าทิ้งไว้ ทำให้เขาเห็นร่างของหนูน้อยห น้าตาน่ารักกำลังรับประทานอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อย แม้จะเป็นเพียงแซนด์วิชและนมหนึ่งกล่องที่ผู้เป็นแม่ฉวย ออกมาจากห้องครัว เพื่อนำมาให้ลูกสาวรับประทาน

ศิริกาญจน์ยิ้มให้ผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร ใบหน้าของ เด็กน้อยเอิบอิ่มมีความสุข ไร้เดียงสา เขายอมรับว่า รอยยิ้มของเด็กคนนี้เหมือนกับใครบางคนที่เขารู้จัก แต่ นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เขาทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างเด็ก น้อย มือใหญ่วางลงบนศีรษะเล็ก ลูบเบาๆ อย่างอ่อน โยน เหมือนมีกระแสความผูกพันบางอย่างวิ่งจากศีรษะ ของเด็กน้อย ซึมซับเข้ามาในฝ่ามือของเขาไหลวนไป ตามกระแสเลือดก่อนจะจมดิ่งไปที่หัวใจ พลังที่ส่งผ่าน มานั้นทำให้เขารู้สึกสับสนว่าเป็นความรู้สึกอะไร ปกรณ์ ผละห่างจากร่างของศิริกาญจน์ทันที เมื่อคิดได้ว่าเด็กคน นี้ไม่มีความผูกพันทางสายเลือดกับเขา ไม่จำเป็นต้องมี ความรู้สึกดีๆ ให้

“แม่เธออยู่ไหน?” เขาตีเสียงให้เคร่งขรึม จ้องมองเด็ก น้อยด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“อยู่ในห้องค่ะ” ศิริกาญจน์ชี้ไปที่ห้องนอนที่อยู่ไม่ไกล เขาหมุนตัวเดินไปที่ห้องนอนห้องนั้นทันที มือหนาเปิด ประตูเข้าไปอย่างแผ่วเบา ไม่อยากให้คนที่อยู่ในห้องรู้ตัว หากแต่ภายในห้องกลับว่างเปล่าไร้ร่างของหญิงสาวที่ เขาต้องการพบ เสียงน้ำที่ดังมาจากห้องน้ำ ทำให้เขารู้ว่า ตอนนี้พิมลวัลย์อยู่ในนั้น ไม่ถึงหนึ่งนาทีเสียงน้ำหยุดลง เขามองหาที่กำบังร่างกาย ก่อนจะเดินไปหลบอยู่ที่ซอก ตู้เสื้อผ้าที่พอดีกับตัวเขา หลบซ่อนอยู่ตรงนั้นโดยไม่รู้ว่า

พิมลวัลย์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูพันกาย เพียงผืนเดียว หลังจากที่นำแซนด์วิชและนมมาให้ลูกสาว แล้ว เธอต้องการชำระร่างกายให้สะอาด ให้คราบไคล ของชายหนุ่มที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าและร่างกายให้หลุดออก ไปจากร่างกาย เธอรังเกียจอ้อมกอดนี้ อ้อมกอดของคน ใจร้ายไม่มีหัวใจ แม้ว่าจะรู้สึกร้อนวูบวาบบ้างก็ตาม

ปกรณ์เดินออกมาจากที่ซ่อนราวกับนักย่องเบา เขาก้าว มาทางด้านหลังของเธอ ความเนียนสวยของผิวเนื้อที่ กระจ่างใส เรียบเนียนจนเขาอยากจะสัมผัส พิมลวัลย์ไม่ ได้เอะใจเลยว่ามีใครบางคนยืนซ้อนด้านหลังของเธออยู่ เขาใช้ลําแขนรัดร่างของเธอแน่น

“เอาแขนที่สกปรกออกไปจากตัวของฉันเดี๋ยวนี้นะ” อาการตกใจแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เธอสั่งเสียงเฉียบ หากแต่เขาหาปฏิบัติตามไม่ รัดร่างของเธอมากยิ่งขึ้น ลำตัวและลำแขนที่ถูกเขาพันธนาการไว้ไม่สามารถ ขยับเขยื้อนได้

“ปล่อยนะ…บอกให้ปล่อยไงเล่า” เธอพูดเสียงเข้ม พยายามสะบัดตัวให้หลุดออกจากอ้อมแขนกำยำแข็งแรง ของเขา

“ไม่ปล่อยมีอะไรมั้ย?…เมียเก่ามาอยู่ในอ้อมแขนอย่าง นี้ ผัวเก่าอย่างฉันไม่โง่พอที่จะปล่อยเธอไปหรอก…จริง มั้ย?” น้ำเสียงของเขาแตกพร่าอยู่ชิดใบหูหอมสะอาด กลิ่นกายสาวหลังการอาบน้ำช่างหอมหวนชวนให้สัมผัส ยิ่งนัก รู้สึกกระชุ่มกระชวยอย่างบอกไม่ถูก ร่างของเธอ หยุดการเคลื่อนไหว เมื่อลมหายใจร้อนๆ กระทบกับกกหู ของเธอ เสียงของเขาแตกกระจายแน่นในส่วนรับฟัง ทำให้เธออื้ออึง การใกล้ชิดกับบุรุษเพศมันทำให้เธอร้อน และร้อน ระคนตื่นเต้น

“ปล่อย…ถ้าคุณไม่ปล่อยฉันจะร้องให้ลั่นบ้าน ให้ได้ยิน ไปถึงบ้านหลังใหญ่เลยคอยดู อยากรู้นักว่าถ้าเมียของ คุณมาเห็นฉันอยู่ในอ้อมแขนของคุณแบบนี้ คุณจะแก้ตัว ว่ายังไง?” เธอพูดอย่างเป็นต่อ น้ำเสียงดูจริงจัง ปกรณ์อึ้ง ไปนิดก่อนจะตอกกลับอย่างแสบสัน ชนิดที่ว่าพิมลวัลย์ ไม่กล้าเถียงสวนมา

“ร้องไปสิ…ร้องเลย ถ้าเสียงของเธอไม่ดังพอฉันจะเอา ไมค์มาให้ เธอจะได้ร้องดังๆ ให้ทุกคนได้ยิน แล้วพวกเขา จะได้มาที่นี่ ลูกสาวของเธอจะได้รู้ว่าแม่ของเขาใจง่ายมากแค่ไหน ที่พาผู้ชายมากกกอดถึงห้อง ร้องสีร้อง เลย”

พิมลวัลย์นิ่งเงียบเมื่อประโยคเสียดทานดังออกมาจาก เรียวปากของเขา เธอแคร์ความรู้สึกของลูกสาวบุญธรรม มากที่สุด อยากให้ภาพของมารดาเป็นภาพที่สวยงามใน ความรู้สึกของลูกสาว ไม่ใช่เป็นผู้หญิงใจง่าย ไม่รักนวล สงวนตัวเหมือนกับที่เธอพร่ำสอน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ