บทที่ 19 พยาน
ผู้หญิงเป็นเพศที่เอาแต่ใจตัวเองจริงๆเลย อย่างน้อยการชอบอยู่ เหนือที่คล้ายชายชาตรีนั่น โดยจะเพราะอย่างยิ่งผู้หญิงแกร่ง กล้าอย่างเย่น
ตอนนี้ ผมกำลังเดินช็อปปิ้งกับเฉินซึ่งนอกจากเราทั้งคู่แล้ว ไม่มีใครอีก
จับมือถือแขนไหล่กระทบไหล่ ละม้ายคู่รักที่สนิทสนมไร้ความ
ลับต่อกัน
“ตาบ้า เมื่อคืนเธอกลับไปตอนไหนหรอ?” เฉินหันขวับเอ่ย ถามกะทันหัน
“เสร็จกิจไม่นานผมก็กลับแล้ว” รู้สึกว่า ยิ่งเธอใกล้ชิดผมเท่า
ไหร่ ผู้ผลิตหนังในตัวเยฉันค่อยๆจางหายไป
บางที่ผู้หญิงอาจมีสองด้านกันทุกคน ผมคิดแบบนั้น
“เธอรึป่าวที่อุ้มพี่กลับไปบนเตียง?” เฉันถามผมอีกครั้ง
ผมพยักหน้าแทนคำตอบ แสร้งถาม “นอกจากผมจะเป็นใคร ไปได้อีก? หรือในบ้านที่มีผู้ชายคนอื่นอีก?”
เย่ฉันยิ้มมุมปาก แม้อายุเธอล่วงลับ30เข้าไปแล้ว รอยยิ้มของ เธอยังคงความสาวน้อยบริสุทธิ์แรกรุ่น ขณะเดียวกันยังคงความ ผู้ใหญ่และเซ็กซี่ แมทช์เข้ากับหน้าอกหน้าใจคู่โตภายใต้ร่มผ้าได้ดี ราวประติมากรรมที่ธรรมชาติสร้างขึ้นอย่างไร้ตำหนิใดๆ
หากไม่ใช่เพราะผมจัดชุดใหญ่ไปสามยกที่ห้องพักในผับบาร์ แล้วละก็ เวลานี้น้องชายผมคงตื่นตัวอีกครั้งเป็นแน่
“ตาบ้า ถ้าพี่บอกว่า บ้านพี่ยังมีผู้ชายอื่นจริงๆ เธอจึงพ ป่าว?” เย่ฉินหุบรอยยิ้มลงเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“อืม” ผมสะดุ้ง ไม่อยากเชื่อพลางเอ่ยถาม “มีผู้ชายอื่นจริง หรือ? ใครกัน”
“พี่แค่สมมติ สมมติถ้ามี เธอจะทิ้งไหม?”
ต่อหน้าเฉิน ผมไม่สามารถตอบได้จริงๆ หึงหวงเธอหรือไม่ ทำได้เพียงแสร้งเปลี่ยนเรื่อง “ผมไม่เชื่อพี่จะมีคนอื่น จบค่าผมเอื้อมมือดึงเดินเข้ามากอด ยกตัวเธอสูงขึ้นเหนือ
พื้น
” นี่ นาย…..ตาบ้า…………………นร้องครวญด้วยแก้มที่ แดงก่ำราวลูกตำลึง
ดีที่ผมเอาใจผู้หญิงเก่ง ไม่เช่นนั้นมีแฟนสวยอย่างเสี่ยวเฟยได้
อย่างไร
นึกถึงเสี่ยวเฟย อาการจิตตกแล่นเข้ามาภายในจิตใจ อัตโนมัติ ขณะเดียวกันนั้นผมเลิกคิด ก่อนอื่น ต้องกำจัดความ สงสัยของเสี่ยวเฟยไปให้สิ้นก่อน
ทีแรกผมคิดว่าไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ หรือบางทีเสี่ยวเฟยอาจหายโกรธแล้ว
แต่ในคืนนี้เอง เมื่อแยกกับเยฉันกลับถึงบ้านไร้เงาร่างเสี่ยวเฟ ยอยู่เลย บนโต๊ะมีเพียงกระดาษโน๊ตที่เสี่ยวเฟยแปะทิ้งเอาไว้
“ที่รัก ฉันไปพักที่อื่นสองสามวัน ห้ามไปหาฉันที่กอง ฉันคิดได้ แล้วจะกลับมาเอง”
อ่านข้อความบนกระดาษโน้ตจบผมตัวแข็งด้วยความอึ้ง เสี่ยว เฟยไปพักที่อื่นสองสามวัน พักที่ไหน?
หากไปพักกับเพื่อนสนิทยังดีหน่อย แต่หากเป็นไอ้บ้าหยาง
กวางนั่นถือโอกาสนี้เข้าใกล้เสี่ยวเฟยขึ้นมา
ไม่ได้การ ผมต้องรีบหาทางวางแผนพิสูจน์ตัวเองกับเสี่ยวเฟย ให้เร็วที่สุด
แต่ปัญหาคือ ผมไม่บริสุทธิ์แต่แรกแล้ว ฉะนั้น มีแต่จะต้องหา
พยานปลอม
ผมหลับไม่ลงทั้งคืน มัวครุ่นคิด ใครกันที่มาเป็นพยานปลอม ให้ผมได้ มัวครุ่นคิดค้นคว้าทั้งคืนไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสมเข้า รอบมาเลย ยันฟ้าสางแสงอรุณ สายตาเริ่มพร่ามัวความง่วง พรากสติไปจากผมสิ้น
วันที่สอง ผมหลับยาวตื่นเที่ยงวัน ไร้กระจิตรกระใจทำอาหาร จึงออกไปทานนอกบ้าน
รับประทานอาหารเสร็จผมเตรียมตัวเดินทางไปยังสถานที่ตั้ง กองละครของเสี่ยวเฟย ผมยังอยากใช้ลิ้นที่ยังไม่เปื่อยเน่าของผมอธิบายให้เธอฟัง
“พี่สาวอยู่ไหน?” ก่อนไปที่กองผมส่งข้อความหาเฉินหลีก
เลี่ยงพบเธอเข้าที่กอง เย่นตอบกลับมาทันที “วันนี้ไปต่างจังหวัด ตาบ้าห้ามไปหา
สาวอื่นนะ ถ้าทนไม่ไหวโลกสวยด้วยมือเราไปก่อน
ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกจากปากผม ในที่สุดได้มีเวลาเป็น ส่วนตัวพักผ่อนสักที ดีใจแทบไม่ทัน
“ช่วยตัวเองยังไงหรือครับ?” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงหว่านเสน่ห์ เพื่อกลบเกลื่อนไม่ให้เธอสงสัยผมเพียงเพื่อเช็คสถานการณ์เธอ อยู่ที่กองหรือไม่เท่านั้น
ไม่นานนัก เยฉันส่งรูปภาพกลับมา
ในรูปเยฉันแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำ ปรากฏเสื้อเชิ้ตสีขาวภาย ใต้ชุดสูท กระดุมขอบเสื้อเชิ้ตเปิดออกเผยให้เห็นเนื้อนวลอวบ ขาวราวหิมะกองโต
“แบบนี้พอช่วยได้บ้างไหม?” เฉินตอบกลับพร้อมสติ๊กเกอร์
หน้ากระดากอาย
ผมส่ายหน้าพร้อมยิ้มอย่างไม่รู้ตัว กดตัวอักษรส่งตอบกลับ
“ยังไม่พอ”
หลังตอบกลับผมโบกมือระวิงเรียกรถแท็กซี่ตรงไปยังกอง ละคร ไม่ว่าเสี่ยวเฟยอยู่ที่นั่นหรือไม่ ผมต้องลองไปดูให้เห็นกับตา
หากนายหยางกวางอะไรนั่นอยู่ด้วยเป็นอันดีที่สุด ไปดูให้เห็น กับตาตัวเองนายหยางกวางนี้เป็นคนยังไงกันแน่
หย่อนก้นลงเบาะได้ไม่นาน เฉินตอบกลับข้อความ ตาบ้า กลั่นแกล้งพี่ไม่อยู่ใช่ไหม?”
“ผมไม่แกล้งพี่จะแกล้งใครได้หละ?” ผมตอบกลับทันทีทันใด
เยฉินตอบกลับด้วยประโยคที่ผมครุ่นคิดอย่างหนัก ไม่งั้น คืน นี้ไปหาน้องสาวเธอให้เค้าช่วยจัดการสิ
หากผมคาดเดาไม่ผิด เช่ฉันยังคงลองเชิงผมอยู่
ประโยคหยอกล้อของเธอนั้น ผมสงสัยสองเหตุผล อย่างแรก เฉันยังคงสงสัยความสัมพันธ์ผมกับเสี่ยวเฟย สอง เป็นไปได้ อย่างมากเสี่ยวเฟยได้ยินอะไรสักอย่างจากเยฉันถึงได้เข้าใจว่า ผมใช้แผนการสกปรกหลอกล่อเฉินเพื่อให้เธอได้รับเลือกเป็น นางเอก
แม้เพียงการคาดเดาของตัวผมเอง แต่สองสาเหตุนี้เป็นไปได้ อย่างมาก
ไม่เช่นนั้นแล้วทำไมเยฉันยังคงทดสอบผมอยู่อีก ไม่เช่นนั้น แล้วทำไมเสี่ยวเฟยถึงได้สงสัยผมกะทันหัน
ท่าทาง ผมคงหมิ่นแคลนความสามารถเยฉินผู้ผลิตคนนี้มาก เกินไป
ลองไตร่ตรองแล้ว หากเฉันไม่มีความสามารถในระดับหนึ่ง เธอจะเป็นคนดังของวงการมายาอย่างทุกวันนี้ได้อย่างไรกัน
“พี่ มีน้องสาวด้วยหรือ? เชอะ ผมหลี่เจ๋งไม่ได้โตมาด้วยการ เล็มหญ้านะ
เยฉันต้องการลองใจผม ไม่มีทาง
เป็นไปตามคาด เฉินตอบกลับด้วยสติ๊กเกอร์รูปหน้าไร้ความ อดทน ต่อด้วยประโยค “ตาบ้านี่โลกจริงๆ กล้าคิดมิดีมิร้ายต่อ น้องสาว เลยหรือ?”
เห็นประโยคของเธอความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้า หรือ เฉินมีน้องสาวจริงๆ?
” พี่ก็พี่บอกให้ผมไปหาน้องสาวเอง ผมกับน้องสาวผมเป็นไป ไม่ได้อยู่แล้ว ก็ต้องเป็นน้องสาวที่อยู่แล้ว” ผมเริ่มลองใจเธอ บ้างด้วยวิธีที่แยบยล
แน่นอนอยู่แล้วแค่ความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ผมไม่คิด หลอกล่อเย้าแหย่น้องสาวเธอหลอก
“พอได้แล้ว น้องสาวที่เพิ่งเข้ามาหาวิทยาลัยเอง ลามกจก เปรตอย่างเธอเลิกคิดไปได้เลยนะ” เฉินพ่นประโยคที่ทำผม ช็อคอึ้งไปอีกครั้ง
เยฉันมีน้องสาวที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยจริงๆ หรือ? จากรุ่นราว อายุของสองพี่น้องแล้วละก็ พ่อแม่ของเฉินใช้ได้เลยทีเดียว
หลังจากนั้นเราทั้งคู่คุยเรื่องสัพเพเหระหลายประโยค กระทั่ง รถจอดเทียบหน้าประตูกองถ่าย
หาข้ออ้างจบบทสนทนาของเฉินผมต้องจัดการธุระสำคัญก่อน
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามาพบใครค่ะ” พนักงานเคาน์เตอร์สาว เอ่ยถามขณะผมสาวเท้าก้าวผ่านประตูไม่นาน ทันทีที่ผมอ้าปากเอ่ยถามถึงเสี่ยวเฟย ปรากฏเสียงหยอกล้อ
ของหนุ่มสาวลอยผ่านมาจากที่ไม่ไกลนัก ที่สำคัญคือเหมือนผม
ได้ยินเสียงอันคุ้นหูของเสี่ยวเฟย
หันขวับมองหาต้นตอ ผมเห็นเสี่ยวเฟยเคียงข้างผ่านประตูมา กับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง
ชายแปลกหน้าคนนั้นคือหยางกวางนั่นเอง ก่อนหน้านี้ผม สืบค้นประวัติเขาผ่านโซเชียลเลยคุ้นหน้านายคนนี้เป็นอย่างดี จึงจําเขาได้ภายในพริบตา
“หลี่เจิ้ง” แน่นอนเสี่ยวเฟยต้องเห็นผม สีหน้าประหลาดใจของ เธอเห็นได้ชัดว่าเธอไม่คาดคิดผมจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ผมไม่สนหยางกวางที่เคียงข้างเธออยู่ ย่างกายเข้าไปจับแขน เสี่ยวเฟยพลางเอ่ย “เสี่ยวเฟยมากับผมสักเดี่ยว ผมมีเรื่อง
ไม่ทันจบค่า เสี่ยวเฟยสลัดแขนออกจากพันธนาการของผม โต้กลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำด้วยความโกรธ หลี่เจิ้ง มีอะไรพูดตรง นี้แหละ”
หลี่เจิ้ง ผมเพิ่งรู้สึกตัวเมื่อครู่เสี่ยวเฟยเธอเรียกผมหลี่เจิ้งเมื่อ ก่อนเธอเรียกผมที่รักเสมอ ตอนนี้กระทั่งสรรพนามยังเปลี่ยน
ก่อน
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามาพบใครค่ะ” พนักงานเคาน์เตอร์สาว เอ่ยถามขณะผมสาวเท้าก้าวผ่านประตูไม่นาน ทันทีที่ผมอ้าปากเอ่ยถามถึงเสี่ยวเฟย ปรากฏเสียงหยอกล้อ
ของหนุ่มสาวลอยผ่านมาจากที่ไม่ไกลนัก ที่สำคัญคือเหมือนผม
ได้ยินเสียงอันคุ้นหูของเสี่ยวเฟย
หันขวับมองหาต้นตอ ผมเห็นเสี่ยวเฟยเคียงข้างผ่านประตูมา กับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง
ชายแปลกหน้าคนนั้นคือหยางกวางนั่นเอง ก่อนหน้านี้ผม สืบค้นประวัติเขาผ่านโซเชียลเลยคุ้นหน้านายคนนี้เป็นอย่างดี จึงจําเขาได้ภายในพริบตา
“หลี่เจิ้ง” แน่นอนเสี่ยวเฟยต้องเห็นผม สีหน้าประหลาดใจของ เธอเห็นได้ชัดว่าเธอไม่คาดคิดผมจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ผมไม่สนหยางกวางที่เคียงข้างเธออยู่ ย่างกายเข้าไปจับแขน เสี่ยวเฟยพลางเอ่ย “เสี่ยวเฟยมากับผมสักเดี่ยว ผมมีเรื่อง
ไม่ทันจบค่า เสี่ยวเฟยสลัดแขนออกจากพันธนาการของผม โต้กลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำด้วยความโกรธ หลี่เจิ้ง มีอะไรพูดตรง นี้แหละ”
หลี่เจิ้ง ผมเพิ่งรู้สึกตัวเมื่อครู่เสี่ยวเฟยเธอเรียกผมหลี่เจิ้งเมื่อ ก่อนเธอเรียกผมที่รักเสมอ ตอนนี้กระทั่งสรรพนามยังเปลี่ยน
ยังดีที่เสี่ยวเฟยตระหนกหวั่นเกรงขึ้นมา เห็นรูปภ.นั่นกับนาย หยางกวางจ้องมองผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เธอเร่งรีบสลัด หลุดออกจากอ้อมอกนายหยางกวาง พลางเอ่ยด้วยสีหน้าไม่ ชอบใจ “ขอโทษค่ะ นี่เป็นเพื่อนของฉัน เขามีธุระมาหาฉัน ฉันจะ พาเขาออกไปเดี๋ยวนี้แหละ
จบคำเสี่ยวเฟยหันมาลากจูงผมเดินออกไปยันด้านนอก ผมรับ รู้ได้จากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความลนลานตื่นตระหนก เธอยังคง ห่วงใยผมอยู่
“เสี่ยวเฟย ฟังผมก่อน” ผ่านพ้นประตูผมเอื้อมมือจับแขนของ เสี่ยวเฟยหวังแก้ตัว
“ที่รัก อย่าก่อเรื่องได้ไหม?” เสี่ยวเฟยตัดบทผมด้วยความ โกรธ “ฉันบอกแล้ว ฉันแค่อยากออกมาพักข้างนอกไม่กี่วัน รอ ฉันคิดได้แล้วจะกลับไปเอง”
แม้เสี่ยวเฟยยังโมโหอยู่ แต่สรรพนามที่ใช้เรียกผมกลับมา เป็นคำว่า “ที่รัก’ หัวใจผมพองโตด้วยความดีใจ
“เสี่ยวเฟย” ผมก้าวเท้าประชิดตัวเธอจับไหล่เธอดึงเข้ามากอด แน่น พร้อมน้ำเสียงหนักแน่นเอ่ย “เสี่ยวเฟย ให้โอกาสผมได้ พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจได้ไหม?”
เสี่ยวเฟยถกเถียงกับผมสักครู่ ไม่สามารถสลัดผมหลุดออกไป ได้ จึงเอ่ยตอกกลับประโยค “คุณจะพิสูจน์ยังไง”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ