บทที่ 18 คำเตือนจากเฉิน
ได้ยินอย่างนั้น ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นเข้ามายังหัวใจของผม หาก เวลานี้หญิงที่พูดแบบนี้ข้างหูผม เป็นเสี่ยวเฟยคงดีไม่น้อย เลย
เสียดาย ไม่ใช่เธอ
คืนนี้ ผมตัดสินใจไม่กลับบ้าน
ไม่ใช่เพราะต้องการประชดประชันเธอหลอก เพียงแค่ต้องการ เว้นระยะห่างให้เสี่ยวเฟยกับผมใจเย็นลงทั้งคู่เสียก่อน อย่างนี้ เฉินได้ใจไปหน่อย
เพียงแต่ครั้งนี้ ผมสมยอมเอง ไร้ความรู้สึกถูกขืนใจใดๆทั้งสิ้น ต่ช้าก็เถอะ หน้ามืดตามัวก็ช่าง ความกดดันของชาติชาย ต้อง ได้รับการปลดปล่อยบ้าง
หากแต่ ขณะที่เฉินขึ้นคร่อมผมสอดใส่ขยับขึ้นลงไปมาด้วย ความเร่าร้อนนั้น ผมกระชากตัวเธอหยุดลงกะทันหัน
“อือ?” เย่ฉินกระตุกเล็กน้อย ขมวดคิ้ว เอ่ย “ตาบ้ามีอะไร หรือ?”
“ไม่ป้องกันหรอ” ผมจริงจังขึ้นมา เล่นส่วนเล่น หากเล่นจนเกิด เรื่องขึ้นคงไม่ดีแน่
เฉันยิ้มยั่วยวน ขยับขึ้นเอนตัวโน้มลงซบบนอกผมลูบไล้ไปมาเบาๆ “ตาบ้า เธอออกจากบ้านพักไอนั่นติดตัวตลอดเวลาหรือ ยังไงกัน?”
ผมชะงัก เหมือนว่าเธอลองใจผมอยู่
“ผมไปซื้อเอง” ผมทำได้เพียงเสแสร้งเอยอย่างไม่รู้ความ
เยฉินกลับตอบกลับ ไม่ต้องหลอก
“ไม่ต้อง?” ผมไม่เข้าใจ เฉันต้องการเล่นสดอย่างนั้นหรือ?
“พี่ไม่…ไม่ใช้ไม่ดีมั้งครับ?” อันที่จริงแล้ว ผมวิตกขึ้นมา เฉินอ้อมแขนไปด้านหลัง ขยับนิ้วมืออันเรียวยาวเงางาม หยิบซองสี่เหลี่ยมได้รูปฉีกออกช้าๆ
กลิ่นอายรุนแรงของหญิงสาว พวยพุ่งลอยมา ราวกับเปลวไฟ ที่จุดประกายแผดเผาเลือดลมสูบฉีดอย่างหนัก
ขณะนี้ เยฉินกุมมือทั้งสองข้างของผมวางลงบนเนื้อเป็นเต่งตึง อวบขาวงองุ้มได้รูป พลางออกแรงเค้นคลึง “ตาบ้า พี่ไม่พร้อม ผลิตเจ้าลิงน้อยให้เธอหลอกนะ ช่วงนี้ป้องกันไว้ก่อน ไม่ต้อง กังวล วางใจทำโทษพี่ได้เต็มที่เลย
ผมสบายใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมนึกว่าเฉันต้องการเล่น อะไรน่าหวาดเสียวกว่านี้ซะอีก
ค่อยยังชั่วผมแค่คิดมากไปเอง
ผมพลิกตัวจับขาเพรียวทั้งสองข้างตั้งฉากขึ้น เพลิงอารมณ์ จู่โจมคนทั้งสองอย่างบ้าคลั่ง
เสียงเพลงบรรเลงต่อเนื่อง ยังคงเป็นเพลงของเซ่น (อีก คิน)
อีกคืน คืนที่บ้าคลั่ง คืนนี้ ผมช่างคล้ายกระทิงตัวผู้ที่คลุ้มคลั่ง หยาดเหงื่อพรั่งพรูปานสายฝนกระหน่ำหยดย้อยตามร่างกายราว ทดสอบสมรรถภาพชายหนุ่ม
เวลาราวชั่วโมง ผ่านไปในพริบตา
กีฬาสิ้นสุดลงสักที ผมกับเยฉันเราทั้งคู่ทิ้งตัวลงบนโซฟาตัว นุ่มอย่างไร้เรี่ยวแรง
ตามร่างแกร่งของผมปกคลุมไปด้วยหยาดเหงื่อทุกอณู เฉิน ยังคงสวมใส่กระโปรงสั้น ภายใต้กระโปรงสั้นไร้กางเกงชั้นใน ปกคลุมกลีบผกาอันสุกปลั่ง เพราะงั้นเธอจึงใบหน้าแดงมี อารมณ์จากมือใหญ่เย้าแหย่หยอกล้อจุดสงวนตั้งแต่ด้านนอกนั่น แล้ว
“ตาบ้า พี่รักเธอจนจะขาดใจอยู่แล้ว” เฉันยังคงเหนื่อยหอบ น้ำเสียงเธอสั่นคลอน
“ผมก็รักพี่เหมือนกันครับ” ถึงแม้นี่ไม่ใช่ความจริง แต่น้ำเสียง ของผมฟังดูจริงจัง อาจเพราะก้นบึงส่วนลึกของหัวใจปราถนาให้ เสี่ยวเฟยได้ยินและดึงผมขึ้นมาบ้าง ถึงแม้เสี่ยวเฟยเป็นไปไม่ ได้ที่จะได้ยินก็เถอะ
เฉินพลิกตัวซุกเข้าอ้อมกอดของผม ราวกับสาวน้อยตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เหมือนเสี่ยวเฟยของผมเลย
ผมอ้าแขนโอบเยฉันไว้ในอ้อมอก รัดแน่นขึ้น แน่นขึ้น บางที ผมอาจใช้เฉันเป็นตัวแทนเสี่ยวเฟย
เฉินหัวเราะชอบใจ จากนั้นเอื้อมมือกอบกุมน้องชายของผม เอาไว้ ประทับริมฝีปากแดงลงข้างหูผมเอ่ย “ตาบ้า เธอชอบพี่ ตรงไหน?”
ผมไม่ตอบรับ ไม่รู้ควรให้คำตอบใดกับเธอจริงๆ
“เรือนร่าง ปาว?” เย่นเอ่ยด้วยท่าทีหยั่งเชิงแกมทดสอบ พลางหัวเราะเบาๆ
ผมระเบิดเสียงหัวเราะเช่นกัน จากนั้น พลิกตัวมุดหัวเข้ากับอก อิ่มเนียนนุ่นทั้งสองยอดของเฉิน นักรบมักแพ้ภัยสาวงาม ชายชาตรีมักมัวเมา ในอ้อมอกอัน
อ่อนโยน แม้ผมไม่ใช่นักรบ แต่ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็น
ผู้ชาย ที่มีบาดแผลในใจ
ในขณะนี้เอง เธอกล่าวข้างหูผมอีกครั้ง “ตาบ้า เราไปเดินเล่น กันดีไหม?”
“แต่ผมอยากทำโทษพี่” ผมโพล่งออกไปโดยไม่ผ่านการ
ไตร่ตรองใดๆ
เยฉันเอื้อมมือทุบอกผมเบาๆสองที ” เธอนี่มันร้ายจริงๆ คิดจะ ทรมาน ให้ตายเลยหรือไง?”
ผมไม่ตอบคำเธอ พลางลุกขึ้นพันธนาการเฉันไว้ใต้ร่างแกร่งตอนนี้ผมหลงลืมความเป็นตัวเองสิ้น ชายแบบนี้ มักเป็นชายที่ ค่อนข้างบ้าคลั่งทีเดียวเชียว
ดังนั้น ผมกับเยฉันเราทั้งคู่ได้เริ่มเกมส์กีฬาบทใหม่ด้วยความ เร่าร้อนมหาศาล เพียงแต่รอบนี้ไม่นานนัก กิจกรรมจบสิ้นลง ภายในเวลาไม่ถึง20นาที
ยังไงเราทั้งคู่สูญเสียพลังงานจากสองรอบที่แล้วมากโข ยัง
สามารถต่อเนื่องอีกยกราว 20นาทีถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
“ลงโทษเสร็จแล้วใช่ไหม? ไปกันเถอะ เดินเล่นเป็นเพื่อนพี่ หน่อย” เยฉันเอ่ยพลางจัดการแต่งตัว
ตอบกลับด้วยความอ่อนล้า ” ดึกดื่นป่านนี้เดินเล่นอะไรกัน?” เฉินหันขวับมองตาขวางใส่ผม ท่าทางกระเป๋ากระงอดคล้าย เสี่ยวเฟยของผมไม่ผิดเพี้ยน
“เธอทำเสื้อพี่ขาดวิ่นแบบนี้คิดว่าไม่เป็นไรงั้นหรือ” เธอเอ่ย พลางชี้ไปยังเสื้อตัวเก่งที่สวมเข้าที่เผยให้เห็นรูขนาดใหญ่ตรง หน้าอกงาม แม้ท่าที่ดูจริงจัง ถึงกระนั้นเธออดไม่ได้ที่จะระเบิด เสียงหัวเราะ
เย่ฉันเธอสวมกระโปรงสั้นถุงน่องเสื้อเปิดไหล่อยู่แล้วหาก กระดุมอกเสื้อเธอหลุดวิ่นเปิดแฉ่งแล้วละก็คาดว่า เธอได้โดน ชายหนุ่มทั้งหลายด้านนอกนั่นกดขี่รุมทิ้งเป็นแน่
“ยังจะหัวเราะอีก” เย่ฉันประคองตัวเองลุกยืนกำหมัดน้อยๆ ทุบลงกับอกกว้างของผม ผมรวบตึงแขนเรียวกระชากเธอเข้ามากอดไว้
“เธอ เธอคิดจะทำอะไร?” เฉันเอ่ยด้วยความรน
“อยาก” ผมยิ้มกลุ่มกลิ่มกล่าวเพียงคำเดียว เฉินหน้าถอดสี เธอจนตามไม่ทันเล่ห์กลผม ถือโอกาสตอนเธอตั้งตัวไม่ทันรวบตัวเธอเอาไว้ “ตาบ้า นี่เธอ” ที่สุดเธอรู้ความจนได้
ไม่ทันแล้ว ตอนนี้ผมกดเธอไว้ภายใต้อ้อมอกกว้าง ผมตั้งใจ ทำแบบนี้ นี่เป็นแผนการผมมีจุดมุ่งหมาย หลังจัดชุดใหญ่ต่อ เนื่องสองชุด รู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว จึงนึกขึ้นได้ ต้องให้เยฉันเชื่อใจ ผมมากขึ้นกว่านี้ จึงสามารถให้เธอช่วยผม เตะนายห คิดมิดีมิร้ายต่อเสี่ยวเฟยออกจากกองละครได้ นายหยางกวางที่
ในสถานการณ์เช่นนี้ผมยังคงนึกถึงเสี่ยวเฟย พูดดีหน่อย รัก เธอทั้งหมดของหัวใจ พูดไม่ดี ทรยศเธออยู่
แต่ผมยอม ไม่ว่ายังไง ผมเสียสละได้เพื่อเธอ นี่เป็นสาเหตุที่ ผมเข้าใกล้เล่น
“ตาบ้าเลิกเล่นได้แล้ว ลุกขึ้น ช็อปปิ้งเป็นเพื่อนที่เร็วเข้า เย ฉันถูกผมป้อนรักตักคำจนอิ่มเอมแล้วอย่างเห็นได้ชัดเจน ถึง อยากออกไปผ่อนคลาย
เราใช้เวลาพอสมควรแล้ว จึงตามใจเธอจัดแจงสวมเสื้อผ้าอย่างว่าง่าย
สําหรับกระดุม กระเด็นหลุดออกจากชายขอบ ผมโอบอุ้มเธอ ไว้ในอ้อมแขนออกจากห้องไป แขนข้างหนึ่งวางรอบเอวเธอ อีก ข้างหนึ่งวางและหน้าอกปุยนุ่นนุ่มนวลของเธอ
ขณะที่สาวเท้าออกจากผับบาร์ มือข้างที่แตะตรงหน้าอกเธอ เว้าวอนไปมาด้วยความซุกซน เฉินถลึงตาใส่ผม
เพียงเย้าหยอกเธอไม่ได้โมโหจริงจัง ผมดูออก ภายใต้
สายตาแสร้งดุดันนัยน์ตาเผยให้เห็นความเสียวซ่านชอบใจ
ผมเข้าใจดี หากผมเป็นเช่นนี้ต่อไป หลังจากนี้ความเชื่อใจที่มี ต่อผมพลอยทวีคูณขึ้นล้นหลาม เมื่อผมขอความช่วยเหลือจาก เธอเรื่องนายหยางกวาง แน่นอนที่เธอจะไร้ข้อสงสัย
คณะที่ก้าวออกจากประตูเกิดอะไรบางอย่างความหวาดกลัว ก่อเกิดจับใจผม
เฉินหลาน เหมือนผมเห็นเงาร่างเธอรางๆ
ผมเกิดผวาลนลาน หันขวับกวาดสายตาไปทั่วบริเวณมองหา ร่างอันน่าสงสัยของเฉินหลานในทันที แต่หาไม่เจอ
หรือเพราะผมหักโหมมากเกินไป เกิดสายตาพร่ามัวขึ้นมา
“ตาบ้า มองหาใครอยู่ ทำโทษแค่พี่คนเดียวไม่พอใช่ไหม? เยฉันสังเกตเห็นท่าทีอันน่าสงสัยของผม เธอเอื้อมมือหยิกผม เบาๆ “อยากเปลี่ยนรสชาติไปทรมานคนอื่นอีกหรือ?”
ผมแก้ตัวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบทันที “ ผมทรมานแค่พี่คนเดียว พอแล้ว ยังมีเรี่ยวแรงที่ไหนไปทำโทษคนอื่นอีก
เย่ฉินหัวเราะชอบใจ “ใช่หรอ คิดว่าพี่ไม่รู้นิสัยพวกผู้ชายหรือ ยังไง? เหอะ เป็นพวกหมาป่ากินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องทั้ง นั้น”
ผมไม่เอ่ยรับคำใดๆ เพียงเผยรอยยิ้มที่มุมปากเบาๆ ในเวลา แบบนี้ต้องรักษาความสุขุมเอาไว้
ไม่ว่าแก้ตัวยังไงไปเธอต้องคิดว่าผมร้อนตัวเป็นแน่
” พี่แนะนำสาวน้อยน้ำเยอะให้เธอดีป่าว?” เฉินกล่าวต่อ เมื่อเห็นผมนิ่งไม่ตอบรับใดๆ
“สาวน้อยงั้นหรือ? อยู่ไหนละ?” ผมกล่าวด้วยน้ำเสียงเชิญ
“ในกองพี่นั่นแหละ”
“ในกองพี่? ใครกัน?” ผมพอจับทางเธอได้
“ก็น้องสาวเธอเสี่ยวเฟยนั่นไง จริงๆด้วย เธอกำลังใช้เสี่ยวเฟ ยล้อผมเล่น
ผมเอ่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจทันที “พี่ ไม่เอาแบบนี้สิ นั่นน้อง
สาวผมนะ”
“น้องสาวแล้วยังไงละ พวกผู้ชายชอบเล่นอะไรน่าตื่นเต้นไม่ใช่ หรือไง? ห้าห้าห้า ซึ่งเป็นไปไม่ได้มากเท่าไหร่ยิ่งอยากลอง ไม่ใช่ หรือ?” ผมตกตะลึงกับประโยคของเยฉิน พี่ชายกับน้องสาว เย่ ฉินล้อเล่นแบบนี้ มันเกิน……..เกินไปหรือป่าว!
ผมรู้สึกผู้หญิงคนนี้กำลังลองใจผมอยู่
“ทำไม ไม่พอใจหรือ?” เฉินโพล่งขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นผมไม่ ตอบกลับค่าเธอ
“ไม่พอใจอยู่แล้ว ผมอยากทำโทษพี่แค่คนเดียวเท่านั้น กับ น้องสาวอะไรไม่ใช่รสนิยมของผม” ยังไงซะ ผมต้องแสร้งแกล้งสุ ขมเอาจริงเอาจัง ไม่เข้าใจเธอเลยทำไมถึงต้องล้อกันเล่นรุนแรง แบบนี้ แต่ไม่ว่ายังไง ต้องระมัดระวังตัวมากกว่านี้
“จริงหรอ” เย่ฉินกวาดสายตามองผมอย่างไม่อยากเชื่อ เธอ เข้าใจผู้ชายมากทีเดียว เธอรู้ได้ทันทีประโยคที่ผมเอ่ยเป็นจริง เปอร์เซ็น
หากแต่ เฉินขยับตัวประชิดผมอีกครั้ง กระซิบข้างหูผมด้วย น้ำเสียงจริงจัง “ตาบ้า ล้อเล่นส่วนล้อเล่น พี่บอกไว้ก่อน หากเธอ กล้าไปมีหญิงอื่นแล้วละก็ พี่จะ……
เย่ฉันตั้งใจเว้นท้ายประโยค แต่ ผมเข้าใจความหมายของเธอ
ผมเองเดาได้ หากวันหนึ่งเฉันจับได้ผมมีแฟนเป็นตัวเป็นตน อยู่ก่อนแล้ว เธอต้องส่งคนมารุมทิ้งผมจนสูญพันธุ์เป็นแน่
ประโยคสุดท้ายของเฉิน เธอเตือนผมแล้ว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ