บทที่20 ความปรารถนาอันร้อนแรง
หลังจากที่คืน โทรศัพท์มือถือให้กับเธอแล้วนั้น ผมเองก็รู้สึกอิ่ม อกอิ่มใจเป็นอย่างมาก ต่อไปหากเลิกงานแล้วรู้สึกเบื่อๆก็ สามารถส่งข้อความไปหาอีกฝ่ายหนึ่งได้
“คุณรู้ไหมคะว่าถนนหลงหวาไปอย่างไร?” จู่ๆเธอก็เอ่ยถาม ผมขึ้นมา
ผมพยักหน้า พลางเอ่ยขึ้น : “ผมเรียนที่นี่มาตั้งหลายปี
แน่นอนว่าต้องรู้สิครับ”
เธอเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างดีใจ : “ถ้าอย่างนั้น คุณพาฉันไปได้ไหม คะ!”
“จะไปในเมืองตอนนี้เลยหรือครับ?” ผมเอ่ยถาม
เธอเม้มปาก แล้วเอ่ยขึ้น “ฉันอยากจะไปตอนนี้แหล่ะค่ะ พ่อ กับแม่ฉันส่งคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมาให้ ตอนนี้บริษัทที่จัดส่งพัสดุ ยังไม่เลิกงาน ฉันอยากจะไปเอาเสียหน่อย
ผมคิดแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงกว่าแล้ว เดี๋ยวอบรมเสร็จแล้ว ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกันเสียเลย
ทั้งสองคนออกจากประตูโรงงาน แล้วขึ้นรถประจำทางไป
โรงงานไม้หงอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณสิบห้ากิโล ทุกๆ ครึ่งชั่วโมงจะมีรถประจำทางมาเที่ยวหนึ่ง
ทิวทัศน์ข้างถนนเคลื่อนไปอยู่ทางด้านหลัง แสงอาทิตย์ที่ ซุกซนมีสีอื่นแซมอยู่ด้วยสาดส่องมาบนร่างกาย
“ใช่สิ ฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร?” รอยยิ้มปรากฏออกมา ตรงมุมปากของเธอ
“เเพ้ย”
เธอเอ่ยถามผม : “คุณเข้ามาโรงงานนี้นานขนาดไหนแล้ว คะ?”
“ประมาณครึ่งปีครับ งานนี้ทางมหาวิทยาลัยเป็นคนแนะนำ ตอนที่เพิ่งจะเข้ามาค่อนข้างลำบากมาก ต้องแบกไม้ แบกเสา ขุด ดินทุกวัน….หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เล่นเอาแต่ละวันหน้าตาเลอะเทอะ มอมแมมเหมือนตัวนากเลยล่ะครับ”
“ไม่เวอร์ขนาดนั้นหรอกมั้งคะ” เธอหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง ดวง ตาใสๆนั้นสั่นไหว
“แล้วคุณล่ะ?”
“ฉันหรือคะ เรียนจบมาปีนึงแล้วค่ะ ทำงานอยู่ที่บริษัทเล็กๆ แถวนั้นประมาณปีนึง แล้วก็ลาออกมาด้วยหลายๆสาเหตุ อยาก จะมาทางใต้ ก็เลยมาสมัครงานนี้
ผมมองเธออย่างพิจารณา พลางเอ่ยถาม : “ดูจากการแต่งตัว ของคุณแล้ว ฐานะทางครอบครัวของคุณน่าจะดีใช้ได้เลยนะครับ ทำไมจะต้องมาหางานทำไกลขนาดนี้ด้วย?”
“เงินเดือนค่าตอบแทนที่นี่ดี ไม่ใช่หรือคะ?” เธอย้อนถามผม
ผมพยักหน้า แสดงออกว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูด โรงงานไม้ หงเงินเดือนค่าตอบแทนดีมากจริงๆ ไม่ต้องพูดตอนที่ผม ทํางานชั่วคราวแบกไม้เป็นตัวนากที่ได้เงินเดือน800นั้น ส่วน ตอนนี้เป็นพนักงานทั่วไปของโรงงานนี้ ฐานเงินเดือน1800 ยังมี เงินโบนัสก็เกือบ2500 รวมอาหารและที่พัก
ยังดีที่ตอนนั้นผมเลือกที่จะยังอยู่ต่อในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่สุดช่วงนั้น มิเช่นนั้นแล้วตอนนี้ผมเองก็คงจะเป็นเหมือนกับพวก เพื่อนๆคนที่เลือกออกไปจากกวนตานาโม ความรันทดในการไป สมัครงานแต่ละที่ เส้นทางข้างหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนและ มืดมน
เมื่อถึงถนนหลงหวาแล้ว พวกเราลงจากรถ เธอหยิบโทรศัพท์ มือถือออกมา นิ้วเรียวขาวของเธอกดเปิดข้อความที่อยู่ของ บริษัทขนส่งแห่งนั้นขึ้น
พวกเราหาบริษัทนั้นเจอแล้ว บริษัทขนส่งนั้นอยู่ทางด้านขวา มือของร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงร้านหนึ่ง ผมมองดูชุดทำงานของตัว เองแล้วจึงเอ่ยพูดกับเธอ : “คุณเข้าไปเอาแล้วกันนะ ผมรออยู่ที่นี่ ดีกว่า”
“ก็ได้ค่ะ”
เซินเหม่ยเดินเข้าไปในบริษัทขนส่งนั้น ท่าทางการเงินของเธอ นั้นดูพิเศษและสวยงามมาก ขายาวดูสันทัด เอวบาง เรือนร่าง ของเธอดูมีเสน่ห์
หลังจากที่เดินไปไม่กี่ก้าวนั้น เธอก็หันกลับมาหาผม : “ทำไมคุณไม่เข้าไปกับฉันล่ะคะ?”
ผมตอบกลับไปอย่างล้ำๆอึ้งๆ : “ผม…ผมใส่ชุดนี้อยู่ อายเขา น่ะครับ” เซินเหม่ยขมวดคิ้ว : “ข้ออ้าง! ชุดฟอร์มของโรงงานเราเป็นชุด
สูทดร.ซุนยัดเซ็นเลยนะ รูปร่างผอมสูงแบบคุณใส่แล้วหล่อมาก
เลยต่างหาก จะอายใครกัน? คุณคิดจะแอบหนีไปหลังจากที่ฉัน
เข้าไปแล้วใช่หรือเปล่า?”
ผมรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก : “ผมดูร้ายขนาดนั้นเลยหรือ?” “คนร้ายๆที่ไหนเขาจะมาเขียนติดหน้าอกตัวเองว่าเป็นคนไม่ดี กันคะ?”
ผมจึงเดินไปหาเธอ เอาอย่างนั้นก็ได้เข้าไปข้างในก็ได้
คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คบรรจุอยู่ในกล่องกระดาษใบหนึ่ง ตอนที่ เซินเหม่ยรับมานั้น ผมจึงเอ่ยบอกกับเธอ : “เซินเหม่ย เปิดออก มาเช็คของก่อน”
เป็นเหม่ยเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ : “เช็คของ?”
ผมเอ่ยขึ้น : “ตอนนั้นที่ผมอยู่ที่มหาวิทยาลัย ผมมีเพื่อนคนนึง ครอบครัวของเขาส่งคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมาให้ และตอนที่เขา เอามาจากบริษัทขนส่งนี้ก็ไม่ได้ดูก่อน พอกลับมาถึงหอเปิดออก ดู คอมพิวเตอร์ที่อยู่ในกล่องที่อยู่ข้างในกลับกลายเป็นอิฐสอง ก้อนอยู่ในนั้น”
เมื่อคําพูดนี้ของผมหลุดออกไปนั้น ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นแทบทรุดลง….
หลังจากที่เป็นเหม่ยปิดปากหัวเราะอยู่นานนั้น ถึงได้เอ่ยขึ้น “จริงหรือคะ? ทำไมรู้สึกเหมือนกับว่าคุณกำลังพูดเรื่องตลกอยู่
เลย?” คนของบริษัทขนส่งนี้เองก็พูดขึ้นมาเช่นกัน : “พวกเราเองก็ไม่ เคยได้ยินมาก่อนเหมือนกัน”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผมก็ยังคงเปิดกล่องพัสดุนั้นตรวจสอบอยู่ดี มองดูคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คเครื่องนั้นวางอยู่ภายในกล่อง ผมถึง กับตะลึงไปพักหนึ่ง : คอมพิวเตอร์Macbook ในราคา เกือบ15,000 รุ่น MC504ZP
ผมตรวจสอบดู เมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติจึงวางกลับคืนที่ แล้วยื่นส่งกล่องนั้นให้กับเซินเหม่ย
เธอเอ่ยขึ้น : “คุณจะไปไหนหรือคะ?”
“ไม่ได้ไปไหนครับ?”
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะไม่ช่วยถือให้ฉันหน่อยหรือคะ? ฉัน…ฉัน ต้องถือกระเป๋าอีก” เซินเหม่ยหน้าแดง
ผมมองพิจารณาเธออีกครั้ง จริงๆแล้ว….จะมองอย่างไรเธอก็ ไม่เหมือนพนักงานทั่วไปในโรงงาน คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คใน ราคา15,000 ไม่ใช่คนธรรมดาจะใช้กันได้
ผมหยิบกล่องในมือเธอมาถือเอาไว้ พลางเอ่ยขึ้น “ไปกัน เถอะครับ”
“ไปแท็กซี่ไหมคะ?” เธอเอ่ยขึ้นหลังจากที่เรายืนรออยู่ตรงป้าย รถประจําทางครึ่งชั่วโมงแล้ว
ผมส่ายหน้า : “ห้าสิบบาท อย่าเลยดีกว่าครับ ขึ้นรถประจำ ทางคนละบาทเดียวเอง”
“ก็ได้ค่ะ”
และรออีกสิบนาที ในที่สุดรถประจำทางที่เอ้อระเหยลอยชายก็ มาถึงเสียที พวกเราเดินไปตรงจุดที่ไกลผู้คน บนรถประจำทาง คนไม่เยอะเท่าไรนัก ขึ้นรถมาก็มีที่ว่าง หลังจากที่ขึ้นรถมาแล้ว ผมมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ ผมชอบมองทิวทัศน์ที่ เคลื่อนผ่านไปทางนอกหน้าต่าง สิ่งที่เหมือนกับชีวิตของคนเรา นี่เอง คนและทิวทัศน์ที่อยู่รอบๆตัวเราก็เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอด เวลา
เป็นเหม่ยอาจจะง่วงแล้ว เธอจึงมาตรงไหล่ของผม
ตอนที่เธอพิงมาที่หัวไหล่ของผมนั้น ผมหันกลับมามองเธอ ขนตายาวของเธอที่สะท้อนกับแสงแดดที่ส่องมายิ่งทำให้ดูมี เสน่ห์มากขึ้น หน้าอกอวบขาวของเธอมองเห็นได้จากมุมนี้ ยั่วยวนความปรารถนาอันร้อนแรงของผม ผมกลืนน้ำลาย แล้ว หันกลับไปมองทางด้านนอกหน้าต่างต่อ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ