ข้าคือจักรพรรดิเซียน

บทที่ 14 การเจรจา



บทที่ 14 การเจรจา

“หวางตงเหอ! เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นายต้องอธิบายกับฉันมาให้ ชัดเจน ถ้านายไม่ให้คำอธิบายกับฉัน ฉันจะขาแก…

ในสายเป็นเสียงก่นด่าอย่างรุนแรงจากหวางเสียงตง

ส่วนหวางตงเรือยังคงอยู่ในความสับสน

ผ่านไปห้านาทีเต็มๆ ในการโดนด่า หวางตงเหอจึงค่อยเข้าใจ สาเหตุ

หวางตรงและหวังเขาที่มีรายชื่อถูกตัดสิทธิ์ออก แต่หวางเยนห วันที่ไม่มีรายชื่อกลับเข้าสนามสอบได้ อีกทั้งยังได้เข้ารับราชการ แล้ว

ในใจของหวางเสียงตง ย่อมต้องเป็นลูกชายของเขาที่เล่นไม่

ชื่อ

หวางตงเหอเรียกร้องความยุติธรรม ท่าทางรันทดอย่างยิ่ง “ผมไหนเลยจะมีความสามารถขนาดนั้น..

หลังจากวางสาย หวางตงเหอก็เขวี้ยงโทรศัพท์มือถือของเขา ลงที่โซฟาอย่างแรง

“หวุดหวิดจะบ้าตาย”

“ฮม ฉันบอกแล้วว่าหวางทรงนั่นไม่ใช่คนมีดีอะไร ไม่เห็นจะ น่าแปลกใจ” ซุนจิ้งที่อยู่ข้างๆ รู้สึกภาคภูมิใจ
“แล้ว เรื่องรายชื่อนี่มันอะไรกันแน่

“พ่อ แม่ เป็นพี่มู่ที่ช่วยขอรายชื่อให้ฉัน

“หยุน นายมีความสามารถนี้ด้วยหรือไง”

มู่หยุนยิ้มน้อยๆ “ผมมีเพื่อนร่วมรบคนหนึ่ง เป็นคนรู้จักเก่าแก่ กับเจ้าเมือง ครั้งนี้ผมก็เอ่ยพูดดีๆ กับเขาไป ก็เลยได้รายชื่อมา ให้เยนทรัน”

หวางตงเหอมองไปหยุนอย่างสงสัย ก่อนจะแผ่นเสียง ไม่เอ่ย

ถามต่อ

ในเวลานั้นเอง มู่หยุนก็กระแอมคอและเอ่ย “พ่อตาแม่ยาย อีก ไม่กี่วันก็ถึงวันครบรอบวันตายของแม่ผม ผมอยากจะจัดงาน บวงสรวงใหญ่ให้เธอ และสะสางความแค้นกับตระกูลหลี่ พวก คุณเข้าร่วมได้ไหม?”

“อะไรนะ? บวงสรวงแม่นาย? ฝันไปเถอะ” ซุนจิ้งปฏิเสธทันที

หวางตงเหอลังเลครู่หนึ่งและถอนหายใจ “พ่อของนายและฉัน เป็นเพื่อนรบที่ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน วันนี้นายจัด พิธีบวงสรวง ตามหลักแล้วฉันสมควรจะไป แต่นายก็รู้ดี วันนั้น ตระกูลหลี่จะต้องมาแน่ ฉัน เฮ้อ”

พูดแบบนี้ เห็นชัดว่าหวางตงเหอเองก็ไม่ไป

“ผมเข้าใจแล้ว” มู่หยุนพยักหน้า และตบไหล่หวางเยนหวั่น “ฉันกลับก่อน”
“พี่….” หวางเยนหวั่นมองดูมู่หมุนที่เดินออกจากประตูไป อย่างอ่อนใจ คิดจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก

หยุนยืนอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ จากนั้นก็มองไปที่ดวงจันทร์ บนฟ้าแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและส่งข้อความออกไป

ไม่นานนัก หวงสงก็เตรียมการเรียบร้อย

“จอมพลหยุน ทุกอย่างพร้อมแล้ว

“สั่งการออกไป จากนี้ไปถ้าเจอฉันข้างนอก ฉันเรียกว่าพี่หยุ นก็พอ”

“ครับ พี่หยุน”

“เรื่องจัดการถึงไหนแล้ว?”

ใบหน้าของหวงสงเผยรอยยิ้มเหี้ยม “เทียน ที่ หมู่ โจ้ว กองทัพทั้งสี่ที่ประจำการอยู่ชายแดน มีพลังอำนาจล้นพ้น กระทำ การต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง แต่หัวหน้าของอีกสี่กองทัพล้วนกำลัง รีบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้แน่นอนว่าตระกูลหลี่จะต้องจดจำ เซอร์ไพรส์นี้อย่างไม่มีวันลืมแน่

มู่หยุนได้ยินคำพูดก็ยิ้มเล็กน้อย ท่าทางเย็นชาราวกับน้ำแข็ง หิมะ “ออกเดินทาง

“รับคำสั่ง พี่หยุน”

หลังจากเสียงเครื่องยนต์ดังต่ำราวกับสัตว์ร้าย เพียงไม่ถึงสิบ นาทีพวกเขาก็มาถึงที่สุสานระเกะระกะ
มู่หยุนถือถุงผ้าเดิน อาศัยแสงจันทร์ก้าวไปข้างหน้า ราวกับ ย้อนกลับยังวันที่เขาเข้าร่วมกองทัพ

ในไม่ช้า เขาก็มาถึงสุสานแห่งหนึ่ง

ที่นี่ เป็นสุสานที่ฝังศพพ่อแม่ของมู่หยุนไว้ด้วยกัน

“พ่อ แม่ ผมมาหาพวกคุณแล้ว”

มู่หยุนวางเครื่องบรรณาการไว้หน้าหลุมศพ ตั้งธูปหอมยาว สามต้น และวางตะเกียบไม้ไผ่สองชุดไว้ที่ด้านบนของหลุมฝังศพ

เขาคุกเข่าอยู่หน้าหลุมฝังศพ ในใจของมู่หยุนเต็มไปด้วย ความเศร้าโศก

ะพาตระกูลหลี่

เหลือเวลาอีกห้าวัน แม่ อย่าเพิ่งใจร้อน ผมจะพา

ไปเจอคุณที่ข้างล่างนั่นเอง

หวงสงที่อยู่ข้างๆ จุดไฟเผากระดาษขึ้น

เปลวไฟวูบวาบ ใบหน้าของมู่หยุนเกิดเป็นเงาเดี๋ยวสว่างเดี๋ยว มืดในทันใด

ในขณะเดียวกัน ห้องพักของโรงแรมหรงเส็ง

หลี่เต๋อเทียนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาโดยมีเด็กสาวคนหนึ่งอยู่ใน อ้อมแขน และฟังรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา

“ที่แท้มันก็คือลูกเขยแต่งข้าวของตระกูลหวาง แถมยังรู้จัก เทียนเคอ? มิน่าถึงได้กล้านัก
“แต่ว่า มันคิดว่าอาศัยแค่เทียนเคยกับตระกูลหวางแล้วจะทำ อะไรฉันได้หรือไง?

หลี่เต๋อเทียนยิ้มร่า เขาหยิบการออกมาเพื่อจุดไฟ สิ่งที่เขา กลัวที่สุดคือศัตรูที่มองไม่เห็น แต่พวกที่เห็นไปยังก้นกระดูกแบบ นี้ เขาไม่ใส่ใจเลยสักนิด

มีการสนับสนุนจากท่านผู้นั้น อย่าว่าแต่ตระกูลหวางหรือเทียน เคอ ต่อให้เป็นเจ้าเมือง ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

ให้ผมไปจัดการเขาไหมครับท่าน?”

หลี่เต๋อเทียนรับโบกมือ “ไม่ไม่ไม่ แบบนั้นมันน่าเบื่อจะตาย ฉันอยากเห็นมันสำนึกเสียใจ เห็นมันหวาดกลัว ให้มันเคียดแค้น ฉันยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น แต่ก็ยังต้องทำตัวเหมือนหมา คุกเข่าเข้า มาที่หน้าฉัน

“ชีวิต มักจะต้องมีอะไรให้ต้องปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ

พูดไป มือของเขาก็เริ่มหยอกล้อเด็กสาวข้างๆ ส่วนเด็กสาวก็มี สีหน้าแดงก่ำ ขบเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าแสดงออกถึงความ ทรมาน แต่กลับไม่กล้าขัดขืน

“ฉันอยากจะดูสักหน่อยว่าเด็กนั่นจะเรียกลมเรียกฝนอะไรได้ โทรหาว่ายโจว ให้เขาเรียกเทียนเคอกลับไป อย่ามาก่อเรื่องยุ่ง ยากให้ฉันที่นี่”

“สั่งการลงไป อีกห้าวันหลังจากนี้ เข้าไปละเลงสุสานระเกะ ระกะนั่นซะ ฉันต้องการลากผู้หญิงคนนั้นออกมา แล้วฟาดหน้ามันต่อหน้าลูกชายมัน!”

จากคำพูดเย็นชาของหลี่เต๋อเทียน เด็กสาวและผู้ใต้บังคับ บัญชาก็ล้วนถึงกับตัวสั่นสะท้าน

เขา แม้แต่ศพก็ยังไม่เว้น

เลวทรามยิ่งกว่าเดรัจฉาน

“อ้อใช่ เมื่อครู่คนแซ่เงินอะไรนั่นไม่ได้อยากเจอฉันหรือไง? ไล่ ไปหรือยัง?”

“เรียนเจ้านาย เขากับกำลังพูดคุยอยู่กับคุณชาย

“พาเข้ามา”

“ครับ เจ้านาย”

ในไม่ช้า ก็เห็นเป็นเล่อเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม

“เงินเล่อยินดีที่ได้พบเถ้าแก่หลี่” เสิ่นเล่อเก็บท่าที่วางอำนาจ ของตนเองลง และแสดงความเคารพอย่างมาก

“นั่งเถอะ”

เมื่อเงินเล่อนั่งลง หลี่เต๋อเทียนก็สูบบุหรี่ขึ้นเบาๆ “ฉันว่านะ คุณเสิ่น ไอ้เขยแต่งเข้าตระกูลคุณช่วงนี้โอหังไม่น้อยเลย หรือนี่

เป็นผลจากกรงเล็บของคุณ?

เพียงคำพูดประโยคเดียวทำเอาเงินเล่อถึงกับเหงื่อตก เขารีบ เอ่ยปกป้องตัวเองทันที อีกทั้งยังเล่าเรื่องต่างๆ ทั้งสองวันนี้ออกมา
หลี่เต๋อเทียนเลิกคิ้ว “ที่แท้คุณเสิ่นไม่ได้ตั้งใจจะเป็นศัตรูกับ ฉัน”

“จะเป็นไปได้ยังไงกัน ผู้น้อยเส้นนับถือเถ้าแก่หลี่ที่สุดแล้ว” เสื่นเล่อยิ้มประจบ

“อย่างนั้นก็ดี วันหลังจากนี้ จะเป็นวันครบรอบวันตายของแม่ มัน ฉันเตรียมจะมอบของขวัญที่มันจะไม่มีวันลืมเอาไว้ไม่ทราบ ว่าคุณเสิ่นมีความคิดเห็นยังไง?

เงินเล่อยิ้มกว้าง “เขาเป็นพี่เขยของผม ผมจะไม่แสดงออกได้ อย่างไร? ก็แค่ไม่รู้ว่าเถ้าแก่หลี่ต้องการให้ผมร่วมมืออย่างไร?

หลี่เต๋อเทียนหัวเราะ เขาเห็นเงินเล่อยืนขึ้น และพูดว่า “ไม่ จําเป็นต้องให้คุณเงินลงมือเอง ขอแค่คุณอนุมัติการแก้ไข ปรับปรุงสุสานระเกะระกะให้ผมก็พอ

“อนุมัติการแก้ไขปรับปรุงสุสานระเกะระกะ?” เสิ่นเล่อตะลึงไป เล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ หรือว่า หรือว่าเถ้าแก่หลี่ ต้องการ…

“ขุดสุสาน” คำนี้ เขาไม่ได้พูดออกไป

หลี่เต๋อเทียนพยักหน้าด้วยความชื่นชม “ผมชอบคนฉลาด ไม่รู้ ว่าคุณเสิ่นเห็นว่าอย่างไร?”

เงินเล่อแอบพึมพำอยู่เงียบๆ หลี่เต๋อเทียนไม่เพียงแต่ว่า คนในหมู่บ้านตระกูลมู่ไปมากมาย แต่ยังแขวนแม่ของมู่หยุนไว้ที่ กำแพงด้านนอกโรงแรมด้วย ตอนนี้เขาถึงกระทั่งอยากขุดหลุมฝังศพด้วยซ้ำ ช่างสมกับบทคนเหี้ยมจริงๆ

อย่างนี้เจ้าหนุ่มมู่หยุนนั่นต้องตายแน่แล้ว “เถ้าแก่หลี่ วางใจเถอะ ยกให้ผมจัดการ ที่ตรงนั้นแต่เดิมก็ ต้องการปรับปรุงอยู่แล้ว ไม่ใช่ปัญหาอะไร

“จากนี้ไป พวกเราก็เป็นเพื่อนกัน ก่อนหน้านั้นเรื่องระหว่างเรา สองตระกูลมีความเข้าใจผิดอยู่บ้าง ถือได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้ นกสองตัว”

หลี่เต๋อเทียนโบกมือ “แน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อเป็นเพื่อน จากนี้ ย่อมต้องช่วยเหลือกัน อ้อใช่วันไหน ให้ทรงทรงของนายมาคุย เล่นกับฉันสักหน่อย ไม่เจอหน้าเธอมาตั้งนานแล้ว คิดถึงเธอ แปลกๆ ฮ่าฮ่า”

ในใจของเงินเล่อชะงักค้าง เขากำหมัดแน่นและมองไปที่หญิง สาวข้างๆ หลี่เต๋อเทียนอย่างเงียบ ๆ และเห็นว่ามีรอยบนผิว บอบบางของเธอ

“ทำไม คุณเสิ่นไม่ยินนอมหรือ?”

สีหน้าของหลี่เต๋อเทียนดิ่งลงอย่างกะทันหัน น้ำเสียงก็เริ่ม เยียบเย็นขึ้น

“ที่ไหนกัน ที่ไหนกัน เอาเป็นว่าตามนี้นะครับ” เสิ่นเล่อกัดฟัน และตอบรับไป

หลี่เต๋อเทียนโยนซิการ์ในมือทิ้ง และพูดด้วยรอยยิ้มขำขัน “คุณเสิ่น ผมนับถือที่คุณไร้ยางอายแบบนี้แหละ” พูดจบเขาก็ยื่นมือขวาไปที่เสิ่นเล่อ

“เป็นเกียรติของผม” ใบหน้าของเงินเล่อเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ