ข้าคือจักรพรรดิเซียน

บทที่ 15 เสียสละ



บทที่ 15 เสียสละ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาก็เป็นเวลาเจ็ดวันที่ กําหนด

เช้าวันนี้ หวางเยนหวั่นเปลี่ยนเป็นชุดจริงจัง เมื่อลงมาชั้นล่าง ซุนจิ้งและหวางตงเรือสองคนกำลังทานอาหารเช้า

“ลูกจะไปจริงๆ หรือ?” ซุนจิ้งหน้าดำคร่ำเครียด

“ลูกไม่รู้หรือไง เงินเล่อส่งข่าวมาบอกว่า วันนี้ที่สุสานระเกะ ระกะจะมีการเริ่มปรับปรุงอย่างเป็นทางการ ลูกว่าสุสานระเกะ ระกะนั่นมีมากี่ปีแล้ว ตอนนี้จู่ๆ จะมาเริ่มทำการปรับปรุง อีกทั้ง ยังต้องเป็นวันนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นคำสั่งของตระกูลหลีแน่ ลูกยัง ไม่เข้าใจอีกหรือไง?

“แม่ เรื่องที่หนูรับปากมหยุน จะต้องทำให้ได้! ” หวางเยนหน กล่าวอย่างดื้อรั้น

ซุนจิ้งจนปัญญากับหวางเขนหน และหันไปมองหวางตงเหอ

“คุณไม่ต้องมองผม เรื่องของเด็กสาว คุณพูดแล้วยังไม่ฟัง ผม ยิ่งเข้าไปใหญ่

“ไปไปไป จะไปก็ไป วันๆ เอาแต่ทำให้ฉันโมโห” ซุนจิ้งวาง จานลง และเดินกลับห้องไปด้วยความโมโห

เหลือเพียงสองพ่อลูก
“พ่อ ได้ยินมาว่างานเลี้ยงพรุ่งนี้เจ้าเมืองต้องการเชิญผู้สูงศักดิ์ คนนั้น?”

หวางตงเหอกลืนอาหารลงไป “ไม่ผิด แต่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่มี คุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมได้ อย่างพ่อของลูก ถึงแม้จะดำรง ตำแหน่งอธิบดีระดับสูง แต่ก็พาแม่ของลูกไปด้วยได้แค่คนเดียว

เท่านั้น

หวางเยน รันรับฟังด้วยความผิดหวัง ในใจคิดว่าถ้ามีโอกาส เข้าไปดูคงจะดีอย่างยิ่ง

หลังทานอาหารเสร็จ หวางเป็นหนก็ออกมาที่สวน เมื่อเงย หน้าขึ้นมาก็เห็นว่ารถดัดแปลงทำมือของมู่หยุนหยุดอยู่ไม่ไกล ข้างรถมีคนรูปร่างกำยำราวกับหมีกำลังยืนอยู่

เป็นหวงสง

“พี่สะใภ้ พี่หยุนให้ผมมารับคุณ” หวงสงเปิดประตูรถด้านหลัง ทันที และผายมือเชิญ

“รบกวนแล้ว” หวางเยนหวั่นพยักหน้าและขึ้นรถ

“ไม่รบกวน เป็นเรื่องที่ผมควรกระทำ” หวงสูงยิ้มและปิดประตู ด้วยความเคารพ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปที่ที่นั่งคนขับและสตาร์ท รถ

รถคำรามขึ้น จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังสุสานระเกะระกะ
บนถนนสายเก่าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสุสานระเกะระกะ ในเวลานี้มี รถบีเอ็มดับเบิลยูและรถตู้คันจอดอยู่

เจียงเทาและหลเวยกำลังนั่งอยู่ในรถคันหนึ่ง

“พี่เวยครั้งนี้ผมเรียกคนมาเต็มกำลัง เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่เกรียง ไกร ไม่ธรรมดา อีกทั้งจากสายที่น่าเชื่อถือบอกว่าเทียนเคอออก นอกประเทศไปแล้ว ตอนนี้อาศัยแค่ไอ้ขยะนั่น ก่อคลื่นลมอะไรไม่ ได้แน่แล้ว”

เจียงเทาเอ่ยพร้อมกับจุดซิการ์ให้หลี่เวย

“อืม ไม่เลว ตระกูลหวางทำอะไร?” หลี่เวยสำลักควันบุหรี่ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างขอไปที

“ตระกูลหวาง ฮ่าฮ่าฮ่า พูดไปแล้วคุณอาจไม่เชื่อ หวางเสียง

ตงตาแก่ไม่ยอมตายนั่นตอนนี้กำลังนั่งฟังจิ๋วอยู่ในโรงละคร

“หึ ถือว่าเขาฉลาดอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นแม้กระทั่งเขาคงถูกฟัง ไปด้วยกัน”

เมื่อคิดไปถึงครั้งสุดท้ายที่เขาถูกหยุนทำร้าย หลี่เวยและ เจียงเทาต่างก็โกรธแค้น พวกเขาแทบจะไม่ลังเลที่จะขับรถไปฆ่า มู่หยุนเสียตั้งแต่ตอนนี้ด้วย

ขณะที่เอ่ย ทันใดนั้นเสียงคำรามก็ดังขึ้น และเห็นเป็นรถขุดดิน สองคันกําลังเข้ามา

เจียงเทาแอบพึมพำ “สมกับเป็นท่านประธานหลี่ ขุดหลุมฝัง ศพแบบนี้ยังสามารถคิดได้ อีกเดี๋ยวเจ้าหนุ่มนั่นคงโกรธเจียนตายแน่”

“ลูกไม้ของพ่อฉันนายยังไม่รู้อีกหรือไง? เรื่องแบบนี้ก็แค่เล่น สนุก ๆ เท่านั้น”

“กล้าให้เวลาพวกเราเจ็ดวัน ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงดิน คิดว่าตัว เองเป็นกังฟูหน่อยแล้วเก่งนักหรือไง?

เมื่อนึกถึงตรงนี้ จิตใต้สำนึกของหลี่เวยก็นวดแขนที่ยังมี อาการปวดอยู่อย่างโดยไม่รู้ตัว

“แต่ว่า…” เจียงเทารู้สึกลังเลอยู่บ้างในเวลานี้

“อมพะนำอยู่ได้ มีอะไรก็ว่ามา

“ได้ยินมาว่าเด็กสาวตระกูลหวางก็มาที่นี่ด้วยวันนี้ พี่เวย อีก เดี๋ยวผมขอ ได้ไหม? คือ?”

หลี่เวยได้ฟัง ก็ยิ้มลึกอย่างเข้าใจความหมายระหว่างผู้ชาย “นายนี่นะ ต่อหน้าคนมากมายก็ได้หรือไง?

“แบบนี้ถึงน่าตื่นเต้น ผมอยากทำต่อหน้าไอ้หนุ่มนั่น ที่ดี ให้ มันได้ดูเต็มๆ ตา”

“เลวจริง แต่ว่าฉันต้องมาก่อน”

“แน่นอนอยู่แล้ว มีพี่เวยอยู่ไหนเลยจะมีผู้นำเป็นเจียงเทาได้”

ทั้งสองมองหน้ากันและหัวเราะอย่างชั่วร้าย
หวางเยนทรันนั่งรถของหวงลงมาตลอดทาง ในไม่ช้าก็มาถึง

สุสานระเกะระกะ และหยุดอยู่ไม่ไกลจากหลุมศพของพ่อแม่ของ มีเพียงมู่หยุนที่ใส่ชุดไว้ทุกข์อยู่ที่นั่นคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว ใบหน้าเศร้าหมอง ในมือถือแก้วเหล้า จากนั้นจึงสะบัดข้อมือเพื่อ

รินลงน้ำหน้าหลุมฝังศพ

“พ่อ แม่ ลูกมาดูพวกท่านแล้ว

หวางเยนทรันมาถึงข้างมู่หยุน และสวมชุดไว้ทุกข์ด้วยเช่นกัน จากนั้นจึงคุกเข่าลงคำนับกับพื้น ก่อนจะลุกขึ้นมา

ในเวลานั้นเอง หวงสงก็เข้ามา “พี่หยุน พวกเขามาแล้ว!” ทันใดนั้นเสียงไซเรนของรถก็ดังขึ้น และเห็นเป็นรถ BMW มากกว่า 20 คันตามเข้ามา ด้านหลังยังตามติดด้วยรถตู้อีกสอง สามคันและรถขุดดินสองคัน

เป็นขบวนรถของตระกูลหลี่

“ในที่สุดพวกเขาก็มา”

หวางเยนทรันตะลึงอยู่ในใจ สีหน้าซีดขาว แม้ว่าเธอจะเตรียม ใจมาแล้วล่วงหน้า แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ในใจ ของเธอก็ยังคงรู้สึกสิ้นหวัง

เธอมองไปที่มหยุนที่ยังคงสงบนิ่ง มองไปที่ใบหน้าที่งดงาม และหล่อเหลาของเขา ในใจเธอก็อ่อนยวบ ช่างเถอะ สามีภรรยา คือคนเดียวกัน เป็นตายพร้อมกัน
คิดไป ก็อดไม่ได้ที่จะคว้ามือของมู่หยุนขึ้นมาจับไว้

ราวกับว่ามู่หยุนจะรู้สึกถึงความคิดของหวางเขนหน เขาหัน หน้ามา แล้วเอ่ยอย่างอบอุ่น “กลัวไหม?

หวางเยนหรับส่ายหัว ก่อนจะพยักหน้า

“อยู่กับพี่มู่ เยนหวั่นไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

ในใจของมู่หยุนสั่นไหว มีภรรยาเช่นนี้ เขายังจะต้องร้องขอ อะไรอีก?

ในเวลานั้นเอง รถBMW ก็หยุดลงอยู่ไม่ไกล

ปีง ปีง ปีง ประตูเปิดออกพร้อมกับกลุ่มคนร่างกำยำในมือถือ มีดคมกระโดดลงมาจากรถ มองดูแล้วมีมากกว่าร้อยคน และมี มากกว่าสิบคนที่พกปืนไว้ที่เอว ท่ามกลางแสงไฟ เกิดเป็น ประกายขึ้น ในความมืด

คนที่เดินน่ามาก็คือหลเวยและเจียงเทา

“เจ้าหนุ่ม ไม่ใช่ว่าให้เวลาพวกเราเจ็ดวันหรือไง? ยังไง วันนี้ ฉันมาแล้ว นายจะทำอะไรกับฉันได้บ้าง?

หลเวยยิ้มอย่างสะใจและมองหวางเยนหรืนขึ้นลงอย่าง ประเมิน ดวงตาเปล่งประกายวาววาบไม่หยุด ช่างสวยงามและ กตัญญเสียจริง

การสวมใส่ชุดไว้ทุกข์ยิ่งทำให้หวางเป็นหมันดูสวยงามยิ่งขึ้น จนคนแทบอดใจไม่ไหวอยากกอดในอ้อมแขนด้วยความสงสาร
“หลี่เต๋อเทียนล่ะ? ทําไมเขาไม่มา?” หยุนยืนอยู่ตรงหน้าหวา งเยนหรับ ปิดกั้นสายตาละโลกของหลี่เวยเอาไว้

“ใครว่าล่ะ? แกดูเองสิ” หลี่เวยยิ้มพร้อมชี้ไปที่ระยะไกล อย่างที่คิด Stretch Lincoln Limousine คันหนึ่งค่อยๆ

เคลื่อนตัวเอามาช้าๆ และหยุดลงที่ข้างหลี่เวย

หลี่เต๋อเทียนที่ใส่ชุดราชวงศ์ถังเดินลงมาจากรถ แววตาเต็ม ไปด้วยการหยอกล้อ

“เจ้าหนุ่ม พวกเราพบกันอีกแล้ว”

มู่หยุนหัวเราะ “ประธานหลียังคงน่าเชื่อถือ ไม่ทราบว่าได้นำ ไม้หนามมาด้วยหรือไม่? แบกหนามขอขมาย่อมต้องทำให้ครบ ขั้นตอน”

หลี่เต๋อเทียนตกตะลึงไป จากนั้นจึงมองดูและลูบมือไปมา จาก นั้นจึงมองไปที่คนแก่อ่อนแอข้างๆ มู่หยุน

สมองของนายมีปัญหาหรือไง?

จากนั้น ฝูงชนก็หัวเราะลั่นขึ้นมาพร้อมกัน

“เจ้าเด็กนี่สงสัยจะเบื่อชีวิตแล้วจริงๆ”

“เขาตาบอดรึเปล่า?”

“ถึงกับกล้าขอให้ประธานหลี่แบกหนามขอขมา? สงสัยสมอง จะมีใช้ไม่พอ! ”

เจียงเทาก้าวไปข้างหน้าและพูดอย่างเย็นชา “ไอ้เวรเอ้ย ยังไม่รีบคุกเข่าก้มหัวขอโทษอีก ไม่งั้นฉันจะทำให้แก่อยู่ต้องอยู่ไม่รู้ ตายแทน” มู่หยุนมีสีหน้าโศกเศร้า “วันนี้ของปีที่แล้ว แม่ฉันแขวนคอตาย

ที่ประตูโรงแรมของพวกแก วันนี้ ลูกอกตัญญูอย่างฉันจะทวงคืน

ความยุติธรรมให้เธอ

“ฮ่าฮ่า …” เจียงเท่าหัวเราะลั่นอย่างสะใจ “วันนี้ ฉันจะบอก อะไรแกให้ แกจะได้ตายตาหลับ

“แม่ของแก ถูกฉันบีบคอเองกับมือ หนังสือลาตายนั่นเป็นฉัน บังคับให้เธอเขียน ฮ่าฮ่า ไอ้หน้าโง่อย่างแก ยังคิดว่าแม่ตัวเอง ผูกคอตายหรือไง?”

“แกคงไม่รู้หรอก? ตอนที่แม่ของแกเขียนไปร้องไห้ไป มันน่า สมเพชจริงๆ ฮ่าฮ่า!”

พวกกลุ่มคนติดอาวุธคนอื่นๆ ก็หัวเราะลั่นขึ้นมาด้วยเช่นกัน ในปากยังคงสบด่าไม่หยุด

“ไอ้หน้าโง่ จะมีใครกันอยากฆ่าตัวตาย”

“ยังเป็นพี่เจียงที่เก่งกาจเหมือนเดิม! ปั่นหัวไอ้เด็กนี่จนหัว หมุน”

มู่หยุนที่ผ่านการรบรามาเป็นร้อยครั้ง ฝึกฝนตนจนเป็นดั่งแผ่น เหล็กกล้า ในเวลานี้ก็ยังห้ามความเสียใจไม่ได้

“ลูก อกตัญญู! ”
หวางเยนหวันเดินมาข้างๆ มู่หยุน เธอมองดูเขาที่มีท่าทีโศก

เศร้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตามไปด้วย แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะปลอบ ใจอย่างไร หลี่เวย โบกมือ “พอแล้ว อย่ามัวแต่พร่ำเพรื่อ หักแขนขาของ

มันก่อน ฉันจะให้มันได้เห็นว่าฉันทำให้ผู้หญิงของมันเสพสมยัง

ไง”

เมื่อหลเวยออกคําสั่ง พวกนักเลงก็ส่งเสียงรับและพุ่งเข้ามา หามู่หยุน

“แกต่อยตีเก่งนักไม่ใช่หรือไง?”

“ต่อให้แกมีสามหัวหกมือ แกจะยังสู้คนมากมายขนาดนี้ได้ หรือเปล่า?”

หลี่เต๋อเทียนถือถุงทองเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งกำลัง เล่นลูกประคำหยกสองเม็ด สีหน้าประดับรอยยิ้มน้อยๆ ราวกับ กำลังนั่งดูละครชั้นยอด ผู้ใต้บังคับบัญชาที่รู้ความยังหาเบาะรอง นั่งมาให้เขา

หยุนมองไปที่เจียงเทา หลี่เต๋อเทียนและคนอื่นๆ ด้วยดวงตา ที่ลึกล้ำราวกับนรกเก้าชุมซ่อนอยู่ในนั้น เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียง เยียบเย็น “ดูเหมือนว่าพวกนายจะไม่ได้มาขอขมา อย่างนั้นก็ เตรียมตัวตายเถอะ”

พูดจบ

“ตูม ตูม ตูม”เสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้น

– พื้นดินเริ่มสั่นไหวขึ้นมา…..


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ