ข้าคือจักรพรรดิเซียน

บทที่ 10 งานเลี้ยงตระกูลหว่าง



บทที่ 10 งานเลี้ยงตระกูลหว่าง

รถของซุนจิ้งหยุดอยู่นอกอาคารเก่าแก่ขนาดใหญ่ในเมือง

“เอ๋ นี่ไม่ใช่น้าซุนหรือ

ทั้งสามคนเพิ่งจะลงจากรถ ก็ได้ยินเสียงแหลมใสของหญิงสาว ดังขึ้น

ฉันสามารถเห็นคุณคนเดียวเมื่อคุณมองหาเสียงของหยุน

หยุนหันไปมองหาต้นเสียง และเห็นหญิงสาวรูปร่างสูงอวบ ผมยาว ยืนอยู่ไม่ไกลพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าที่สง่า งามของเธอ

“เธอเป็นลูกสาวของคุณลุง ชื่อหว่างทรง” หวางเป็นหวั่นแนะ

นําให้มู่หยุนรู้จัก

ซุนจิ้งมีใบหน้าเย็นชา เธอไม่ตอบกลับและเดินเข้าไปในตึก ทันที

ตอนนี้เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว ไฟในบ้านก็สว่างขึ้นมา

“ไร้มารยาท” หวางทรงแผ่นเสียง ก่อนจะหันไปมองหวางเขน
“น้องสาว คนนี้เป็นใครกัน ทำไมไม่แนะนำให้พี่สาวรู้จักสัก หน่อย”

“เขาชื่อมหยุน เอ่อ…..เป็นสามีของฉัน”

“อ่า นายก็คือขยะของหมู่บ้านตระกูลมู่คนนั้น ได้ยินเรื่องของ นายมานานมากแล้ว” หวางหรงยิ้มเกินจริง เธอมองไปที่หยุนอ ย่างประเมิน “หน้าตาโอเค แต่ก็น่าเสียดาย” เธอส่ายหัวด้วย ความเสียดาย

“น่าเสียดายที่เป็นแต่ขยะแต่งเข้าบ้านเจ้าสาว”

ค่าว่าขยะแต่ละค่า ไม่คำนึงถึงความคิดของมู่หยุนเลยแม้แต่ น้อย

เขยแต่งเข้า แต่ไหนแต่ไรล้วน โดนดูถูก

มหยุนยิ้มอย่างไม่แยแส

“พวกเราเข้าไปเถอะ” หวางเยนหวั่นจับมือของมู่หยุนอย่าง โมโห ก่อนจะเดินเข้าไปในอาคาร

“ไปเถอะ ไปเถอะ ฉันยังต้องรอพี่เขยของเธอ แผนกก่อสร้าง ของพวกเขายุ่งมาก ไหนเลยจะเหมือนใครบางคน อยู่ว่างๆ ดีแต่ กินฟรีไปวันๆ”

หวางเยนหวั่นพามู่หยุนเข้าไปในอาคาร แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มี พิธีเปิด แต่คนก็มากันเกือบหมดแล้ว โต๊ะใหญ่แปดโต๊ะมีคนนั่ง อยู่เกือบเต็ม มีบางคนสวมเสื้อผ้าราคาแพง กำลังประจบสอพลอ ซึ่งกันและกันอย่างสุภาพ

หวางเยนหวั่นกล่าวทักทายญาติของเธอด้วยรอยยิ้ม และเดิน ตรงไปที่โต๊ะกลมตัวใหญ่ที่อยู่ตรงกลางและตะโกนเรียกชายชรา “คุณปู่ ฉันมาแล้ว”

หวางเสียงตงหัวหน้าตระกูลหวาง ตอนนี้อายุหกสิบห้าปีแล้ว

แต่ก็ยังคงมีสติแจ่มชัด แข็งแรงสุขภาพดี

ขณะนี้เขากำลังทักทายญาติ ๆ ที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินก็หันกลับ มา “ที่แท้ก็เยนหวัน ไม่ได้เจอหน้าหนูมาตั้งนาน มาเร็วรีบนั่งลง เอ๋ คนนี้คือ?”

หวางเยนหรับแสดงท่าทางเขินอาย “คุณเขาเป็นสามีของหนู มู่หยุน”

“สวัสดีครับคุณปู่” มู่หยุนคำนับด้วยรอยยิ้ม

ดวงตาของหวางเสียงตงหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยๆ เก็บ รอยยิ้มบนใบหน้า หรือว่าเขาคือคนหมู่บ้านตระกูลมู่?

หัวใจของหวางเยนทรันดิ่งลง รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของ เธอแข็งค้างไปเล็กน้อย “เขาเคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ตระกูลมู่” หวางเสียงตงหัวเราะเยาะและมองไปที่หยุน “ฉันได้ยินเรื่องของนายมานาน ไม่รู้จักเรื่องราว เพิ่งแต่งงานก็เข้า ร่วมกองทัพ กลับมาได้อย่างไรกัน?”

“ตอนนี้ดำรงตำแหน่งทางทหารอะไร?”

มู่หยุนกำลังจะเอ่ยปาก แต่กลับถูกหวางเสียงตงตัดบทอย่าง เย็นชา

“ช่างเถอะ ไม่ต้องมาเอ่ย โกหกฉัน ถูกเตะกลับมาแน่นอนว่า ย่อมไม่มีตำแหน่งอะไร ถึงแม้ฉันจะไม่เคยเป็นทหาร แต่ก็มีความ รู้อยู่บ้าง”

“ในเมื่อกลับมาแล้ว ฉันก็ขอเตือนนายไว้ล่วงหน้า แต่งเข้า ต้องทำตัวให้เหมือนคนที่แต่งเข้า รู้จักเจียมตน เข้าใจไหม?”

“คุณปู่ พี่จะพยายามอย่างดีที่สุดหวางเป็นหนเอ่ยขอร้อง

หวางเสียงตงมองไปที่หวางเขนหน จากนั้นจึงเอ่ยว่ามู่หยุน “ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของเป็นหวั่น คงทุบตีขาสุนัขของนาย ไปนานแล้ว” จากนั้นเขาก็หันศีรษะไปทางอื่นไม่สนใจพวกเขาอีก ต่อไป

มู่หยุนก้มหน้าลงและไม่พูดอะไร

คำพูดของหวางเสียงตงไม่ไว้หน้าอย่างยิ่ง ถือเป็นการตบหน้า มู่หยุนต่อหน้าญาติมิตรอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ได้สนใจความรู้สึก ของเขาเลยแม้แต่น้อย

คนรอบๆ เมื่อได้ยินว่าชายชราไม่ชอบเห็นหยุน สายตาที่ มองไปยังของเขาก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน

หวางเยนหวั่นลากมู่หยุนและนั่งลงข้างๆ ซุนจิ้ง

ขณะนั่งลง ก็ได้ยินเสียงหวูดรถดังขึ้นจากด้านนอกอาคาร

รถขบวนหนึ่งหยุดอยู่ด้านนอกอาคาร รถในขบวนนั้น คือ BMW 7 series ทั้งหมดมีเพียง M5 รุ่น Thunder ที่อยู่ตรง กลาง ราวกับหงส์กลางฝูงกา ส่งเสริมความสูงส่งของมันออกมา อย่างเห็นได้ชัด

ญาติคนหนึ่งลุกขึ้นและพูดว่า “คุณลุงเสิ่นเล่อมาแล้ว!”

ใบหน้าเคร่งขรึมของหวางเสียงตงปรากฏรอยยิ้มสดใส เขา ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ไหนฉันดูหน่อย ใช่เล่อเล่อไหม

พูดจบ เจ้าบ้านวัย 60 ปีจึงออกไปต้อนรับ ลูกเขยเช่นกัน แต่ท่าทีที่มีให้กลับต่างกันราวฟ้ากับเหว มีเพียงมู่หยุนเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“พี่รีบออกมาเร็ว” หวางเขนหนรีบเข้าไปกระตุ้น

หยุนหัวเราะเยาะ “ฉันมาก็ถือว่าไว้หน้าพวกเขาแล้ว ยังต้อง

ให้ฉันออกไปต้อนรับอีก?” จากนั้นเขาก็ส่ายหัว อย่าว่าแต่กระทรวงการก่อสร้างเมือง ต่อให้เป็นเจ้าเมืองอย่าง

โจว ก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอให้หยุนออกไปต้อนรับ

“เยนหวั่น มัวยืนนิ่งอยู่ทำไม อย่าไปสนใจเจ้าขยะนั้น

ซุนจิ้งจ้องมองไปที่มู่หยุนอย่างเกรี้ยวกราด และลากหวางเขน หรืนออกไป “พี่เขยของเธอเป็นรองรัฐมนตรีกระทรวงการ ก่อสร้างเมือง อีกเดี๋ยวต้องประจบเขาให้ดี จะได้ช่วยเธอได้ใน อาชีพราชการ เข้าใจไหม?”

หวางเยนทรันตอบอย่างไม่เต็มใจ: “อืม”

เมื่อหวางเสียงตงฝ่าถูกฝูงชนที่ล้อมรอบและเดินไปที่ประตู อาคาร ประตูของ BMW M5 Thunder ที่สง่างามก็เปิดออกใน ที่สุด คนที่ลงมาเป็นชายวัยกลางคนในชุดสูทรองเท้าหนัง ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ นั่นคือหลาน เขยของหวางเสียงตง เสิ่นเล่อ
พนักงานประจํารถคนอื่น ๆ ก็ลงจากรถมาด้วย ในมือแต่ละคน ถือกล่องเอาไว้

“คุณปู่ ทําไมถึงออกมาเองล่ะ เล่อเล่อรับไม่ไหวหรอกนะ” เสิ่น เล่อรีบเข้ามาอย่างรวดเร็วและจับแขนของหวางเสียงตงเอาไว้

“ฮ่าฮ่า … ตอนนี้นายเป็นใหญ่ไม่น้อยแล้วนะ แผนกก่อสร้าง ในเมืองทั้งหมดล้วนเป็นนายที่ดูอยู่ใช่ไหม” หวางเสียงตง กล่าว ด้วยรอยยิ้ม

“คุณปู่ อย่าพูดอย่างนั้นไป ผมยังมีรัฐมนตรีอยู่ข้างบน” เสิ่น เล่อมีท่าทางดูสงบเสงี่ยม แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับเข้ม ขึ้นเรื่อยๆ

“พี่เขย ใครไม่รู้บ้างว่ารัฐมนตรีตงกำลังจะเกษียณเร็ว ๆ นี้ แล้วว่าที่รัฐมนตรีนี้จะเป็นใครไปได้ล่ะ? พวกเธอว่า นี่มีเหตุผล ไหม?” คนที่เอ่ยขึ้นคือหวางเซา น้องชายของหวางทรง

ญาติมิตรบางคนเริ่มพยักหน้ากันขึ้นมา

“พอแล้ว อย่ามัวแต่ชมเขา ใกล้จะลอยอยู่แล้ว” หวางทรงเอ่ย ยั้ง ก่อนจะเข้ามาเกาะแขนเงินเล่อ ทั้งตัวแทบจะแนบอิงอยู่บนตัว เขา

ในเวลานั้นเอง ก็เห็นเงินเล่อโบกมือ คนที่ถือกล่องไม้ในมือ เหล่านั้นก็เดินเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ
“คุณปู่ นี่คือน้ำใจเล็กน้อยจากลูกเขย ต้องรับไว้นะครับ”

“เจ้าเด็กนี่” หวางเลี้ยงคงมองไปที่ยาราคาแพงในกล่องและ เงินสดจํานวนหนึ่งแล้วหัวเราะอย่างสดใส

“ไป พวกเราไป มด้วยกันหน่อย”

“ได้เลยครับ”

หลังจากทักทายกันไม่กี่ประโยค ทั้งหมดก็ต้อนรับหวางเลี้ยง ตงและเสิ่นเล่อกลับไปที่โต๊ะหลัก

“เฮ้อ ฉันแก่ปูนนี้แล้ว นานๆ ที่พวกเธอจะกลับมาให้เห็น” หวา งเสียงตงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“คุณปู่เห็นเป็นคนอื่นแล้วใช่ไหม พวกเราเป็นหลานสาวหลาน เขยของคุณ ที่นี่คือบ้านของพวกเรานะครับ เส้นเล่อเอ่ยตอบรับ อย่างสุภาพ จากนั้นจึงหันไปมองรอบ ๆ และเห็นคู่หมุนที่กำลังนั่ง

อยู่ ใบหน้าของเขามืดมนลงในทันที #### บทที่ 11 คุณสมบัติ

บทที่ 11 คุณสมบัติ “น้องชายท่านนี้หน้าไม่คุ้น ไม่ทราบว่าเป็นท่านใด?”

“พี่เขย เขาเป็นสามีของหวางเยนหนชื่อ มู่หยุน”หวังเขาที่อยู่ถัดจากเงินเล่อแนะนำขึ้น

“อ้อ? ที่แท้ก็คือคนจากหมู่บ้านตระกูลมู่ที่แต่งเข้าบ้านเจ้าสาว คนนั้น?” เงินเล่อถามทั้งๆ ที่รู้ด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย

หวังเขาที่อยู่ข้างๆ รีบประจบประแจงขึ้นมา “ก็ใช่น่ะสิ เป็นเซา เอง แต่ว่าหมู่บ้านตระกูลมน่ะถูกพังราบเป็นหน้ากลองไปนาน แล้ว เขาไปเป็นทหารมาอยู่หลายปีก่อนจะโดนไล่ออก ตอนนี้ล้วน อาศัยเมตตาจากลุงหวาง

เงินเล่อแค่นเสียงเยาะเย้ยและส่ายหัว “ไม่มีตาเลยสักนิด ไม่ น่าถึงได้ถูกไล่ออกมา

“ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเขาเลย พวกเรานั่งกันเถอะ” หวางเสื้ ยงตงเหลือบมองมู่หยุนก่อนจะนั่งลงอย่างฮึดฮัด

ฝูงชนนั่งลงอีกครั้ง เงินเล่อถูกจัดให้นั่งอยู่ที่ด้านข้างของหวาง

เสียงดง

เงินเล่อมองมู่หยุนอย่างประเมิน และถามด้วยรอยยิ้ม “มู่หมุน นายมีหน้าที่อะไรในกองทัพ? ตั้งห้าปี อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้ บัญชาการกองร้อยแล้วละมั้ง?

คำถามเดียวกันกลับมาอีกครั้ง
มู่หยุนส่ายหัว “ไม่ค่อยดีที่จะพูด

“ไม่ค่อยดีที่จะพูด? มีอะไรไม่ดีกัน เป็นอะไรก็พูดอย่างนั้น เพิ่ง จะเคยได้ยินคำว่า ไม่ค่อยดีที่จะพูด แบบนี้” เสิ่นเล่อเย้ยหยัน สายตาที่มองมู่หยุนเต็มไปด้วยความหยอกล้อ

“เล่อเล่อ นายอย่าไปทำให้น้องเขยลำบากใจเลย ฉันได้ยินมา

ว่าเขาถูกไล่ออกจากกองทัพ ตำแหน่งอะไรก็ไม่มีทั้งนั้น

หวางทรงเอ่ยแนะนำอย่าง “ใจดี” เธอมองไปที่ท่าทางอับอาย ของหวางเยนหน ในใจมีความสุขอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะด้านไหนๆ เธอก็เอาชนะฉันได้ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกัน? ยังไงก็ แต่งงานกับขยะคนหนึ่งอยู่ดี

คนที่โต๊ะก็พากันหัวเราะขึ้นมา พวกเขามองดู หยุนอย่างดูถูก เหยียดหยาม ในใจยิ่งรู้สึกถึงความเหนือกว่าของตนอย่างยิ่ง

“พี่เขย อย่ามัวแต่พูดถึงเรื่องของไอ้ขยะแต่งเข้านอยู่เลย ได้ยินมาว่าช่วงนี้คุณยังไม่น้อย” หวังเซาถามด้วยรอยยิ้ม

เงินเล่อหัวเราะร่า จากนั้นจึงรับแก้วน้ำที่หวางทรงส่งมาให้ และดื่มอย่างเอื่อยเฉื่อย จากนั้นจึงแกล้งจงใจเอ่ยขึ้นอย่างกังวล “ใช่น่ะสิ ปลายปีแล้ว ท่านอธิบดีสุขภาพไม่ดี ได้แต่อาศัยฉันมาช่วยแก้ปัญหา หยุมหยิมพวกนั้น เอ๊ะทำไมพวกพ่อตาถึงยังไม่มาล่ะ?”

ยังไม่ทันที่คนข้างๆ จะได้เอ่ยตอบ ซุนจิ้งก็รีบเอ่ยขึ้นอย่างภาค ภูมิใจ “พวกเขาน่ะหรือ ตอนนี้กำลังประชุมกับเจ้าเมืองอยู่ เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับแขกชั้นสูง ไหนเลยจะมีเวลามาทานข้าว นี่นายไม่รู้หรอกหรือเนี่ย?”

เงินเล่อหน้าแข็งไปก่อนจะกลับมาเป็นปกติ เขามองหวางเป็น หน แล้วรีบเบี่ยงประเด็น “เยนหรับช่วงนี้ทบทวนเป็นยังไงบ้าง พรุ่งนี้ต้องเข้าสอบแล้วใช่ไหม?

“ไม่เลวค่ะ ขอบคุณพี่เขยที่เป็นห่วง

เงินเล่อพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้กรมสรรพากร ตระกูล หวางของเรามีรายชื่ออยู่สองที่ เธอจะต้องขยันๆ หน่อยล่ะ อย่า ทําให้พวกเราผิดหวัง

คําพูดของเสิ่นเล่อ กระตุ้นความสนใจของผู้คนรอบข้างทันที

หวังเชาเอ่ยอย่างสงสัย “ไม่ได้บอกว่าตระกูลหวางของเรามี แค่รายชื่อเดียวหรอกหรือ ทำไมจู่ๆ ถึงได้มีสองรายชื่อ

หวางเยนทรันดวงตาเป็นประกายขึ้นมา ครั้งนี้พี่สาวหวางทรงและเธอเข้าสอบด้วยกัน หากตระกูลหว่างมีเพียง รายชื่อเดียว คุณปู่ย่อมเห็นแก่หน้าของเงินเล่อและยกตำแหน่ง ให้กับหวางทรง

แต่ตอนนี้มีสองรายชื่อแล้ว อย่างนี้ก็เท่ากับเธอสามารถเข้า กรมสรรพากรได้แล้ว!

ต้องรู้ก่อนว่า อธิบดีกรมสรรพากรก็คือ หวางตงซานน้องชาย ของหวางตงเหอ เมื่อเข้าสู่กรมสรรพากร ก็เท่ากับเข้าสู่พื้นที่ของ ตระกูลหวาง ซึ่งจะช่วยในอาชีพทางราชการได้เป็นอย่างมาก

ในเวลานี้เอง หวางเสียงตงก็กระแอม ในลำคอและยิ้ม “แต่ เดิมตระกูลหวางของพวกเรามีแค่รายชื่อเดียว แต่เป็นเพราะ ความสัมพันธ์เล็กน้อยที่เล่อเล่อหามาให้ ทำให้ได้รับมาอีกราย ชื่อ”

ทั้งโต๊ะหันไปมองเงินเล่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม

สามารถเพิ่มรายชื่อได้อีกรายชื่อ ถือเป็นเรื่องเล็ก แต่ความ สัมพันธ์ของผู้คนนั้นกลับเป็นเรื่องซับซ้อนอย่างยิ่ง อีกทั้งยัง เกี่ยวข้องกับการกระจายผลประโยชน์สู่หลาย ๆ ฝ่าย ไม่ใช่เรื่อง ที่จะได้มาโดยบังเอิญได้

ต้องเข้าใจก่อนว่าการที่ตระกูลหวางได้รายชื่อเพิ่มขึ้นมาอีก หนึ่งรายชื่อ ย่อมหมายถึงอำนาจทางราชการที่มากขึ้นไปด้วย ซึ่งจะทำให้ตระกูลมีเสถียรภาพ มากขึ้น

ดังนั้นด้วย ในการเรียกของหวางเสียงดง ทุกคนจึงยกแก้วดื่ม ให้เล่อเล่อพร้อมกัน

หากเป็นแก้วเหล้าจริงๆ จะต้องดื่มให้แก่ผู้มีอำนาจก่อน

“ขอบคุณพี่เขย” หวางเขนหนยิ้มอย่างมีความสุข “เยนหนขี้เกรงใจเกินไปแล้ว” เสิ่นเล่อยิ้มอบอุ่น นัยน์ตาที่ มองไปยังรูปลักษณ์ของหวางเยนหวั่นเปล่งประกายความโลภ

แต่ความโลภที่พาดผ่านไป ทุกคนบนโต๊ะไม่ทันสังเกตเห็น มี เพียงหยุนเท่านั้น ที่ยิ้มหยัน

ท่ามกลางบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ หวางเสียงตงเอ่ยกำชับหวา งทรงและหวังเซา “ดังนั้น พรุ่งนี้หรงทรง เธอกับเสี่ยวเขาจะต้อง ตั้งใจสอบให้ดีๆ แม้ว่าจะมีการกำหนดโควต้าเอาไว้แล้ว แต่ก็ อย่าได้สอบให้แน่จนเกินไป

“หา ยังมีผม! ” หวังเซาตะลึง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความ เซอร์ไพรส์

“ขอบคุณครับคุณปู่! ”

หวางเขน รับถอนหายใจในใจ สีหน้าร้อนผ่าว รู้สึกละอายใจ

“ที่แท้ก็ไม่มีฉัน…”

“คุณปู่ เท่าที่ผมรู้มา พรุ่งนี้คือเยนหวั่นและหวางทรงจะไปสอบ เข้ารับราชการ ส่วนหวังเขายังไม่จบการศึกษา จะเข้ารับตำแหน่ง ได้อย่างไร?”

ทันใดนั้นมู่หยุนก็พูดขึ้น

แต่ไหนเลยจะรู้ว่าผู้คนกลับพูดคุยหัวเราะกัน ไม่มีใครสนใจ หยุนสักนิด

ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ หวังเขาก็ยิ้มร่าและพูดว่า “ไอ้ลูกหมา เร่ร่อนหมู่บ้านตระกูลมู่ เมื่อกี้นายว่ายังไงนะ?”

“แกก็แค่ขยะแต่งเข้าบ้านเจ้าสาว สามารถนั่งอยู่ตรงนี้ได้ก็ถือ เป็นบุญของนายแล้ว ยังกล้าเอ่ยคำพูดไม่รู้จักที่ฟ้าสูงดินขึ้น มาอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของน้องเยนหน ฉันคงเข้าไป อุดจมูกเน่าๆ ของแกแน่

ฝูงชนที่โต๊ะหัวเราะขึ้นมา

“ไม่หัดมองตำแหน่งของตัวเองซะบ้าง ยังกล้าพูดขึ้นมาอีก

“ไม่รู้จักละอายแก่ใจ”
“เสี่ยวเขาด่าคนเป็นชุดๆ ขนาดนี้ ต่อไปจะต้องเป็นเจ้าคนนาย คนได้อย่างแน่นอน”

หวางทรงหยิบเนื้อสัตว์ในชามหวังเขา “ฉันคิดว่านายคนนี้ คงจะว่างมากไปหน่อย ไม่งั้น เล่อเล่อ คุณหางานสักตำแหน่ง ให้ คุณ…อะไรนะ ช่างเถอะ หางานขนย้ายอิฐให้เขาสักหน่อย จะ ได้ลดพวกคนมีตาหามีแววได้

เงินเล่อยิ้มเหยียดหยาม “เธอคิดว่างานขนย้ายอิฐเป็นเรื่อง ง่ายหรือไง? อาศัยคนแบบเขา ฉันว่าวันหนึ่งก็คงหาเงินได้แค่ ไม่เท่าไหร่”

“ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น จะได้ไม่อดตายไง

ในเวลานี้เองหวางเสียงตงก็เอ่ยปาก “มู่หยุน นายกำลังสั่ง สอนฉันงั้นหรือ?”

ทั้งโต๊ะจู่ๆ ก็เงียบลงทันที

เจ้าบ้านคือเจ้าบ้าน ตระกูลหนึ่งมีเจ้าบ้านเพียงคนเดียว เจ้า บ้านเอ่ยขึ้น ย่อมไม่ควรเป็นที่สงสัย

“เรื่องของเจ้าบ้าน คงไม่ต้องให้นายมานิ้วแนะนำ นายควรรู้ สถานะของตนเอง เข้าใจไหม?”

มู่หยุนหัวเราะเยาะ ขณะคิดจะเอ่ยปากก็เห็นหวางเป็นหวันที่ อยู่ข้างๆ ตาแดงก่ำ สีหน้าอ้อนวอนตนเองด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“ผมเข้าใจแล้วคุณปู่

“เยนหรัน ครั้งนี้ฉันคิดดีแล้ว เธอเข้ากรมทรัพยากรน้ำเถอะ ที่ นั่นเงียบสงบ ไม่มีอะไรมารบกวนให้วุ่นวาย

“ค่ะ คุณปู่” หวางเขนหนเอ่ยสะอื้น

กรมทรัพยากรน้ำแห่งนี้ไหนเลยจะเงียบสงบ เห็นชัดๆ ว่าเป็น เหมือนคลื่นใต้น้ำ เข้าไปแล้วทั้งชีวิตอยู่ต้องอยู่แบบนั้น หากไม่มี เรื่องก็ดีไป แต่หากเกิดภัยธรรมชาติและภัยพิบัติจากมนุษย์อะไร ขึ้นมาก็ต้องกลายเป็นที่รองหม้อ

หวางเสี่ยงตงราวกับมองไม่เห็นน้ำตาของหลานสาว เขาหันไป พูดคุยและหัวเราะกับเงินเล่อต่อ

ในห้องกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผู้คนเริ่มดื่มและพูดคุย

หัวเราะกัน พวกซุนจิ้งกลายเป็นไม้ประดับไปอย่างสิ้นเชิงราวกับ

เป็นเพียงธาตุอากาศในห้อง

มู่หยุนบีบมือของหวางเยนหวั่นเบาๆ เขากระซิบที่หูของเธอ แล้วพูดว่า “อย่าร้องไห้ มีพี่อยู่

หวางเยนหวั่นน้ำตาไหลพรากขึ้นมา ในใจน้อยใจสุดจะ บรรยาย

มู่หยุนหยิบกระดาษออกไปช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอ
“ร้องร้องร้อง เอาแต่ร้องไห้ไร้ประโยชน์จริงๆ เลย พวกเธอไป กินข้าวตรงนั้นไป” ซุนจิ้งหงุดหงิดอย่างยิ่ง และชี้ไปโต๊ะของคน รับใช้

หวางเขนหนลุกขึ้นและออกจากโต๊ะไป โดยมีหยุนตามไป

ติดๆ

ทั้งสองเดินตรงไปที่สนามหลังบ้าน

“อืออ… หวางเยนทรันสะอื้นไห้ เธอโกรธจนน้ำตาไหลไม่หยุด หยุนยืนอยู่ข้างๆ มือกำแน่น ใบหน้าถมึงทึง ดวงตาเปล่ง ประกายเย็นเยือกตลอดเวลา

หากมีคนอื่นอยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องได้เห็นคู่หมุนที่แตกต่าง ออกไปจากยามปกติอย่างแน่นอน

“เยนทรัน… มู่หยุนยังพูดไม่จบ กลับถูกหวางเยนหวั่นตัดบท เสียก่อน “ไม่ต้องสนใจฉัน ปล่อยให้ฉันอยู่เงียบๆ

มู่หยุนถอนหายใจเงียบๆ ไม่พูดต่อ

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หวางเขนหนก็ค่อยระบายออกจนหมด เธอค่อยๆ หยุดร้องไห้ลงและเอ่ยเสียงเบส “พี่มู่ ฉันหวังว่าพี่จะ สามารถโดดเด่นขึ้นมาได้ ฉันไม่คิดอยากหย่ากับพี่

“แต่ว่า ถ้าพี่ยังไม่เปลี่ยน หนทางของพวกเราคงไปได้ไม่ไกลแล้ว”

หวางเยนหนเอ่ย เธอเช็ดน้ำตาบนใบหน้า แล้วหันหลังเข้าไป

ยังอาคาร ไม่มีใครอยากให้สามีของตนถูกด่าว่าเป็นขยะอยู่ทุกวัน ถูก

คนดูหมิ่นเหยียดหยาม

มู่หยุนไม่ได้เดินตามไป เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าขุ่นมัว ตระกูลหวาง นี่เป็นทางที่พวกนายเลือกเอง อย่าได้โทษว่าฉันโหดร้าย!

จนกระทั่งงานเลี้ยงสิ้นสุดลง หยุนถึงค่อยกลับเข้าไปใน อาคารและจากไปพร้อมกับซุนจิ้ง

เขานิ่งเงียบตลอดทาง เมื่อลงจากรถเมื่ออยู่ด้านนอกคฤหาสน์

ตระกูลหวาง

ตามหลักการแล้ว เขาสามารถอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลหวางได้ แต่ซุนจิ้งกลับไม่มีความตั้งใจจะรั้ง ให้เขาอยู่สักนิด “ไม่ส่งล่ะ”

หลังจากน้ำเสียงเย็นชาของซุนจิ้ง ประตูคฤหาสน์ก็ปิดลงทันที มู่หยุนเอ่ยข้ามประตู “พรุ่งนี้เธอต้องไปสอบ เดี๋ยวฉันมารับ
เสียงฝีเท้าด้านในประตูเดินจากไปไกลขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่มี ใครตอบรับ

หยุนเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตนออก มา แก้ไขข้อความและส่งออกไป

“เอาคุณสมบัติของ หวังเขาและ หวางทรงเปลี่ยนเป็นหวาง

เยนทรัน”

ไม่นานนัก เขาก็ได้รับข้อความตอบกลับ “รับทราบ นายพลหยุ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ