ตอนที่ 10 ความเจ้าเล่ห์ที่เกลียดชังมากที่สุด
ตอนที่ 10 ความเจ้าเล่ห์ที่เกลียดชังมากที่สุด
แขไขตรวจสุขภาพเสร็จเรียบร้อย เธอถูกนำตัวไปที่ อำเภอ เธอรู้สึกเหมือนร่างไร้วิญญาณที่กำลังเดินตามคำ สั่งของวิณโดยสมบูรณ์
“ทั้งสองคนตอนนี้กำลังถ่ายรูปแล้ว รบกวนช่วยยิ้ม หน่อย แบบนี้ถ่ายออกมาและจะดูดี” เสียงของช่างภาพที่ นําเภอได้ดึงสติของแขไขกลับเข้ามา
เธอมองดูหนังสือสีแดงสองเล่มในมือของเธอ มันเกือบ จะเหมือนกับการถือมันฝรั่งร้อน ๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองดู ผู้ชายที่อยู่ข้างกายเธอ “ทำไม ไม่ยิ้มสักหน่อยล่ะ?”
ใบหน้าของวิณ ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย แขไขก็คิดว่า เขาจะไม่ให้ความร่วมมือ ทันใดนั้นร่างของเธอก็โดนมือ ใหญ่โอบเอาไว้ และในช่วงเวลานั้น ช่างภาพก็กดถ่ายรัว
แขนและเอวของเธอติดอยู่กับร่างกายที่แข็งแกร่ง แม้ว่า เชิ้ตของแขไขเหมือนโดนไฟลวก เธอก็ไม่ยอมละห่าง
ผู้คนที่อำเภอเมื่อถ่ายภาพเสร็จแล้วก็อวยพรคู่แต่งงาน
ใหม่ “รักกันยืนยาว
แขไขรู้สึกเก้ๆกังๆไม่รู้จะเอามือของเธอไปไว้ตรงไหน แต่วิณกลับทำตัวได้สงบมาก “ขอบคุณ”
หลังจากจดทะเบียนเสร็จ ทั้งสองก็ออกจากอำเภอแล้ว ขึ้นรถ วิณ เริ่มขับรถ แขไขก็ยังคงสับสนอยู่ เมื่อมอง ถนนตรงหน้าต่างรถ ใบหน้าบางๆ ก็โผล่เข้ามาในความ คิด
ปิติกร
เธอแต่งงานแล้วและตระกูลดาวริศกุลทุกคนรู้ และไม่รู้ ว่าขจรจิตได้บอกเขาหรือยัง น่าจะไม่ ถ้าหากเขารู้ จะต้อง โทรหาเธออย่างแน่นอน
เธอไม่ได้สัมผัสกับความรักที่สวยงาม และไม่เคยได้รับ ความรักจากคน ๆ หนึ่ง
กระแสอารมณ์ที่หดหู่จากคนข้างกาย วิณมองไปที่ ใบหน้าที่โดดเดี่ยวของผู้หญิงคนนั้น เฝ้ามองสามีตนเอง ความโศกเศร้าจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเธอและไม่รู้ ว่าควรจะว่าเธอว่าโง่หรือเปล่า
เมืองปมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่อยากจะแต่งงานกับเขา แต่เขาไม่ต้องการ แต่กับแขไข เป็นข้อยกเว้น
แบบนี้ดีแล้ว การแต่งงานครั้งนี้ไม่ควรมีอารมณ์ที่ซับ ซ้อนจนมากเกินไป
รถคันนั้นวิ่งไปตลอดทางและในที่สุดก็หยุดที่ด้านหน้า ของบ้านสามชั้นที่งดงาม นักบินหญิงของยังคงจมอยู่ใน โลกของเธอ วิณปลดเข็มขัดนิรภัยของเขาและพูดอย่าง หมดความอดทน “ลงไป”
แขไขเพิ่งรู้สึกตัวว่าถึงที่หมายแล้ว เธอเงยหน้ามองและ ค่อยๆเรียกสติตัวเองกลับมา “ที่นี่ที่ไหน?”
ชายคนนั้นตอบอย่างเรียบง่ายว่า “บ้านฉัน”
“บ้านคุณ?”
ดวงตาที่เฉียบคมมองไปที่เธอด้วยความรู้สึกของการ คุกคามรู้เท่าทัน “เธอคงไม่คิดว่าจะอยู่แยกกันหลังจาก แต่งงานเหรอ?”
แขไขนั่งมึนงงในรถอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเธอเรียกสติกลับ มา ข้างกายของเธอก็ว่างเปล่า และสมองของเธอก็ไม่มี อาการง่วงนอนอีกเลย เธอรีบลงจากรถและไล่ตามเขา “คุณคุณคุณไม่ได้บอกว่าหลังจากนี้เราจะอยู่ด้วยกันซะ หน่อยนี่?”
วิณก้มลงและเปลี่ยนรองเท้า และถามเธอด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย “แล้วยังไง?”
แขไขเม้มริมฝีปากของเธอ คิดอยากจะพูดอะไรก็เก็บ เอาไว้ ทันใดนั้นเธอก็จําได้ว่าเงื่อนไขที่ชายคนนั้นพูดเมื่อ เขาแต่งงานกับตัวเธอคือ ทําให้เขาถูกใจ และ ทําให้เขา สนใจเธอ
เขาจะเอาจริงหรือไง?
แขไขมองไปที่บ้านที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราและ เป็นบ้านระดับไฮเอนด์ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกสั่นสะท้าน “คุณเทวิณ ฉันว่า เราต้องคุยกัน”
ในตอนนั้น วิณเพิ่งเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ และเขาก็ก้าวไป ด้านหน้า อกที่แข็งแกร่งของเขาเกือบจะสัมผัสร่างกาย ของเธอ แขไขก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัวและเขาก็ยัง คงก้าวไปด้านหน้าต่อ ในที่สุดหลังของเธอก็ชนเข้ากับ กำแพงและไม่มีทางที่จะหลบหนีได้
เขายืดแขนยาวเหยียดไปพิงกับกำแพง “คุยอะไร?”
แขไขมองขึ้นไปที่ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้าเธอเขา หล่อทุกองศาจริงๆ ใบหน้าร้อนผ่าว “พูดถึงชีวิตในอนาคต ของเรา”
“เช่น?”
“เช่น ชีวิตสามีภรรยา”
เธอพูด คํานี้ออกมาเธอล่ะอยากจะกัดลิ้นตัวเอง ค่าพูด เหล่านั้นวิณได้ยินก็เข้าใจทั้งหมดเขาจึงขยับเข้าไปใกล้ อีก “ฉันให้เงินเธอ แต่ไม่ได้ให้เธอมาจัดระเบียบชีวิตฉัน”
หัวใจของแขไขเต้นแรงมากและขาเธอก็เริ่มอ่อนแรง และเธอทำอะไรไม่ถูกจึงเอามือจับตรงหน้าอกเขาเอาไว้ เธอต้องการเว้นระยะห่างแต่กลับขยับตัวไม่ได้เลยสักนิด เดียว “แต่ แต่ฉันยังไม่พร้อม….”
นอนกับผู้ชายที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง จิตใจของเธอยังไม่ กล้าหาญถึงระดับนั้น เธอค่อนข้างอนุรักษนิยม ในคำพูด ของธิภาก็คือ นิสัยเช่นนี้ไม่เป็นที่นิยมในสังคมปัจจุบัน แต่ ว่าหาได้ยาก
แขไขคิดว่าตัวเองถูกหยอกเล่น การเผชิญหน้าครั้งแรก ของพวกเขาไม่ได้สวยงามนักและมันอาจเป็นฝันร้าย แต่ สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือวิณจับคางเธอเอาไว้และถามเธอ “ต้องการเวลาเท่าไหร่ในการปรับตัว?”
แขไขยังไม่ทันคิดก็พูดออกไป “หกเดือนแล้วกัน”
“มากไป” เขาก้มศีรษะลงและโน้มตัวไปใกล้คอของเธอ “ครึ่งปีนานไป ถ้ารอให้ถึงตอนนั้นไม่สนใจว่าเธอจะพร้อมหรือไม่พร้อมฉันก็จะไม่รับประกันเธอแล้ว”
แขไขได้ยินเช่นนั้นใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้นและเสียงเธอ ก็สั่น “โอเค”
เดิมทีคิดว่าการอยู่กับวิณจะเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่แข ไขก็พบกับความแปลกใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่พูดเก่ง มาก และในบ้านมีห้องมากมาย เขาจึงให้เธอเลือกห้อง ด้วยตัวเอง และทุกอย่างใช้เธอใช้ก็จะมีคนคอยทำความ สะอาด
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกัน แต่เวลาที่ได้เจอกัน แทบจะไม่มี ส่วนมากเขาจะออกไปทำงานนอกบ้านและ กลับบ้านมาเพื่อหลับพักผ่อนเท่านั้น
และถ้าบังเอิญให้เธอนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น เขาก็จะ เข้ามาพูดคุยด้วยนิดหน่อย เรื่องราวของพวกเขาไม่ได้มี อะไร พิเศษ
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาของการอยู่ร่วมกัน แขไขมักจะ มีกิจกรรมแค่ที่บ้านและโรงพยาบาลเท่านั้น สุขภาพ ร่างกายของกุลยาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ภายในใจของเธอก็ดี อย่างน้อยการเสียสละของเธอก็ไม่สูญเปล่า
ในคืนหนึ่ง ฉันเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล และคุ้นเคยกับ การกลับบ้านดึกของวิณ และมองเห็นเขานั่งอยู่ที่ห้องนั่ง เล่นและอดไม่ได้ที่จะทัก “คุณกลับมาแล้ว?”
วิณมองเด็กผู้หญิงที่ระมัดระวังตัวยืนอยู่ตรงหน้าประตู เขาก็ให้คนส่งเสื้อผ้าหลากหลายแบรนด์มาให้เธอ แต่เธอ กลับเสื้อสวมเสื้อผ้าที่ง่ายๆสบายๆ เขาก็กวักมือเรียกเธอ “มานี่”
แขไขกลืนน้ำลาย เปลี่ยนรองเท้าและเดินเข้าไปหา “ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็ว…
“ไปไหนมา?”
ตั้งแต่ทั้งสองแต่งงานกันมา เป็นครั้งแรกที่วิณถามเช่นนี้
เธอก็ตอบไปตามตรง “โรงพยาบาล”
“แม่ของเธอดีขึ้นแล้วใช่ไหม?”
“อืม ดีขึ้นมากแล้ว”
วิณมองไปที่มือที่กำลังไขว้กันอยู่ ท่าทางเหมือนกำลัง รายงานอย่างจริงจัง เขาจึงดึงเธอเข้ามาใกล้ “กลัวว่าฉันจะกินเธอหรือไง? ก่อนหน้านหน้าของฉันมันบ่งบอกแบบ นั้นเหรอ?”
แขไขยิ้มอย่างฝืนๆ “เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน
ตอนนี้เธอแต่งงานกับเขา ชีวิตเล็ก ๆ อยู่ในมือของเขา เธอกล้าสร้างปัญหาที่ไหน ถึงแม้ว่าปกติแล้วเธอจะขัด แย้งอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่ได้เอามาเป็นปัญหา
เธอรู้ว่าเป็นอย่างไรเธอเข้าใจตรงนี้
แต่น่าเสียดาย ภาพเหตุการณ์ปัจจุบันของเธอเป็นภาพที่ วิณเกลียดมากที่สุด
“แขไข ฉันเกลียดความเสแสร้งมากที่สุด
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ