ยอดดวงใจคุณชายนักรบสุดหล่อ

ตอนที่ 11 หล่อล่ำจนกำเดาไหล



ตอนที่ 11 หล่อล่ำจนกำเดาไหล

ตอนที่ 11 หล่อล่ำจนกําเดาไหล

“เพราะฉะนั้นเก็บรอยยิ้มเสแสร้งกับความห่วงจอมปลอม นั่นไปเถอะ ผมไม่ต้องการ” เทวิณปลดมือของเธอออก เมื่อเห็นสีหน้าแข็งค้างเป็นหินของเธอก็ไม่พูดอะไรให้ มากความอึก “พรุ่งนี้เธอต้องไปกินข้าวที่บ้านกับผม คุณปู่ อยากเจอคุณ”

แขไขตกใจ “คุณพูดกับเรื่องแต่งงานกับที่บ้านแล้วเห รอ?”

ปฏิกิริยาของเธอค่อนข้างรุนแรง ผู้ชายคนนั้นหรี่ตาลง

“ทำไม คุณอยากจะปกปิดเอาไว้?”

“เปล่า!” แขไขกลัวเขาเข้าใจผิด รีบอธิบายว่า “ฉันก็แค่ ตื่นเต้นนิดหน่อย คุณบอกกับครอบครัวคุณว่ายังไงบ้าง พวกเขาจะเกลียดฉันรึเปล่า?”

เทวิณสีหน้าของ ผ่อนคลายลง “เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวล แค่จำฐานะของตัวเองก็พอแล้ว”

“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ รีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” เอ่ยจบ เขาก็หยัดกายลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง

แขไขเห็นเขาขึ้นไปชั้นสอง ทว่าตัวเองยังมีคําถามค้าง คาในใจอีกมากที่ต้อง คําตอบ คิดได้อย่างนั้นก็กัดฟัน แล้วตามเขาขึ้นไป กระทั่งขึ้นไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูก็ยัง คงพูดพร่ำไม่หยุด

ทํางานยุ่งมาทั้งวันจนสมองล้าไปหมด สุดท้ายความ อดทนของผู้ชายคนนั้นก็มาถึงขีดสุด เขาหันตัวกลับมา กักเธอไว้ที่ประตู ก้มหน้าลง “ถ้าหากคุณนอนไม่หลับ ผม ก็ไม่มีปัญหาที่จะทำกิจกรรมพิเศษอย่างอื่นหรอกนะ”

แขไขชะงัก พอเข้าใจถึงความหมายในประโยคนั้นของ เขาแล้วใบหน้าเล็ก ๆสีแดงไล่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตทั้งสองมองเขาเล็กน้อย จากนั้นก็ฝ่าเท้าทา น้ำมัน รีบไถตัวหายไปทันที

เทวิณมองดูแผ่นหลังที่ดูจนตรอกนั่นวิ่งหัวซุกหัวซุนจาก ไปก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา นึกว่าจะฉลาด คาด ไม่ถึงว่าที่แท้ก็เป็นแค่คนโง่ที่ห่มหนังคนฉลาดเท่านั้น

เช้าตรู่วันต่อมา แขไขลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว แม้การแต่งงานกับเทวีณจะเป็นเรื่องฉุกละหุก และก็เป็นเพียงแต่ ในนามเท่านั้น ทว่าพอจะได้มาเจอกับผู้อาวุโสจริงๆแล้ว เธอก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้

เธอไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย ลังเลอยู่นานสุดท้าย ก็เลือกชุดมาสามสี่ชุดจากนั้นก็ไปเคาะประตูห้องของเท วิณ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก—–

เสียงเคาะครั้งที่สามสิ้นสุดลง ทว่าในห้องก็ยังคง เงียบกริบ ไม่มีกระทั่งเสียงขยับ อย่าบอกนะว่ายังไม่ตื่น?

แขไขขยับมือเคาะอีกสามครั้ง แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบ กลับอยู่ดี เธอก็เลยผลักประตูเข้าไปข้างใน กวาดตามอง แวบแรกก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังนอนเปลือยกายโผล่ ออกมาครึ่งหนึ่งอยู่บนเตียง

หุ่นเขาเริ่ดมาก กระดูกตั้งแต่ช่วงหัวไหล่ของเขาก็เปี่ยม ไปด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพละกำลัง กล้ามเนื้อได้ สัดส่วนราวกับภาพวาด รูปร่างที่สมบูรณ์แบบได้อยู่บนตัว เขาแล้ว

แขไขขยับมือเท้าเงียบอย่างเชียบย่องไปที่ข้างเตียง เห็นว่าคนบนเตียงยังนอนหลับสนิทก็เรียกเขาเบาๆ“คุณวิณ?”

ผู้ชายคนนั้นไม่มีปฏิกิริยา

เธอลองเรียกอีกสองครั้ง เห็นเพียงคิ้วเข้มน่ามองนั้นย่น เข้าหากัน ทว่าตัวคนกลับยังคงหลับลึกเหมือนเดิม

เธอหลุบตาลงมองเสื้อผ้าในมือ จากนั้นก็เรียกขวัญตัว เองให้ทําใจกล้าเข้าไปใกล้เตียงมากขึ้น ก้มเอวลงแล้วใช้ นิ้วชี้จิ้มไปที่ข้อมือที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มของเขา “วิณ…. !”

ทันใดนั้นท่อนแขนที่เปี่ยมไปด้วยกำลังก็ยื่นออกมานอก ผ้าห่มคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเธอ ออกแรงเพียงนิดเดียว ก็พาร่างของเธอขึ้นมาอยู่เตียงได้ในทันที

เธอยังไม่ทันได้ตั้งหลักยืน ร่างก็โถมลงไปเสียแล้ว ถูก กดอัดเอาไว้เข้ากับแผ่นอกแข็งหนาของผู้ชายคนนั้น

จมูกปะทะเข้ากับก้อนเนื้อหนาขนาดนั้น ทำเอาเธอ รู้สึกเจ็บจนคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน “อูย!”

แขไขรู้สึกแค่ว่าผิวหนังของคนทั้งคู่ที่สัมผัสราวกับเกิด ประกายไฟ เธอยกมือไม้ดันตัวเองลุกขึ้นอย่างร้อนรน ก้ม หน้ามองผู้ชายที่อยู่ด้านล่างตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ “คุณ คุณวิณ!”
“เช้าขนาดนี้มาโหวกเหวกโวยวายอะไร?” สายตาของ ผู้ชายคนนั้นมองมาอย่างไม่สบอารมณ์ มีความรู้สึกเพิ่ง ตื่นนอนในยามเช้าแฝงอยู่ในนั้นบาง ๆ

แขไขมองกองเสื้อผ้าบนพื้นแล้วโยกคางไปมา “ฉัน ฉัน

แค่อยากถามคุณว่าจะใส่ชุดไหนดีเท่านั้นเอง”

หัวคิ้วของเทวิ ย่นเข้าหากันจนแทบจะบี้แมลงตายได้

“คุณก็เลือกเองสิ”

“ฉัน ฉันรู้แล้ว” แขไขยังไม่ทันเอ่ยอะไรก็รีบงับลิ้นตัวเอง ไว้ ท่าทางอบอุ่นเกินไปแล้ว แม้ตาสายตาเธอก็รู้ว่าจะมอง ไปทางไหนดี

เทวิณไม่ได้มีความคิดอื่นใดมากไปกว่านี้ ทว่าพอเห็น ใบหน้าแดงเรื่อของสาวน้อยคนนั้น ทั้งยังมีสายตาที่ลุกลี้ ลุกลนนั่นอีก เขาก็พลันรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที “เข้ามาใน ห้องของผม แถมยังกล้าโผขึ้นมาอยู่บนตัวผมอีก นี่รีบร้อน ส่งตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ?”

แขไขเบิกตาโต ส่ายหัวไปมาราวกับกลองของเล่นป่อง แป้ง “ไม่ใช่นะ!”

“แล้วอะไรที่ใช่?”

“ฉันก็แค่อยากมาถามคุยเรื่องชุดเฉยๆ แต่คิดไม่ถึงว่าคุณกําลังนอนอยู่…” แขไขกลัวว่าตัวเองจะถูกเข้าใจผิด ท่าทางเหมือนกำลังถูกนั่งจนสุก ทั้งร่างราวกับอัดไปด้วย แก๊ส

“บังเอิญขนาดนั้นเชียว…” เสียงของผู้ชายคนนั้นคล้าย กับกำลังจมลงไปในความคิด ฉับพลันนั่นมือที่กุมอยู่ที่เอว ของเธอก็ออกแรงมากขึ้น แล้วตำแหน่งของคนทั้งสองก็ สลับกัน “ในเมื่อมาแล้ว งั้นก็นอนเป็นเพื่อนผมสักหน่อย แล้วกัน”

กลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆบนตัวของผู้ชายคนนั้นลอยเข้าไป ในจมูกแขไข สิ่งที่ปะทะกับสายตาเธอตอนนี้ก็คือกล้าม เนื้อสุขภาพดีสีฟางข้าว ตัวเธอแข็งข้างจนไม่กล้าขยับ สมองแวบภาพที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งนั้นที่ประเทศ Y

สมควรตาย นี่เธอ…สั่นงั้นรึ

แล้วก็เป็นจริงดังคาด เทวิณรู้สึกได้ว่าเธอกำลังสั่นก็เลิก คิ้วมอง “สั่นอะไร?”

ตอนที่เขากำลังพูดอยู่นั้น ลมปากริมฝีปากบางก็กระทบ เข้ากับผิวของเธอ ตัวของแขไข แข็งค้าง ตอนที่เธอไม่รู้ ว่าจะทำยังไงดี ของเหลวร้อนๆก็ไหลออกมาจากจมูก…

เทวิณช้อนสายตาขึ้นมองก็พบว่ารูจมูกทั้งสองข้างของผู้หญิงคนหนึ่งมีเลือดไหลออกมาเป็นทาง ส่วนเจ้าตัวกลับ ไม่รู้สึกตัวสักนิด ยังคงนั่งมองเขาอย่างโง่งม

เทวิณเงียบไปราวสองวิ ก็ยังทำใจดูต่อไปไม่ไหว

“แขไข…

“หืม?”

“เลือดกําเดาคุณไหลแล้ว”

วินาทีต่อมาผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนกับแมวที่ถูกเหยียบ หาง รีบออกแรงผลักเขาออก ใช้มือเท้าปีนลงจากเตียง อย่างรวดเร็ว

เมื่อเสียงตึงตังดังผ่านไป ภายในห้องก็ไม่เห็นเงาคนแล้ว

มองดูห้องว่างๆของตน ผู้ชายคนนั้นก็เริ่มหัวเราะออกมา น้ำเสียงฟังดูเซ็กซี่ราวกับเสียงปลายนิ้วที่พรมลงเปียโน จนเกิดเป็นบทเพลงที่สะเทือนใจของผู้ที่ได้ฟัง
เวลาสิบเอ็ดโมง เรนจ์โรเวอร์สีดำาก็มาจอดเบื้องหน้า คฤหาสน์ในเมือง ตัวคฤหาสน์รวมไปถึงสวนถูกดีไซน์เป็น สไตล์คลาสสิก สองข้างทางมีไม้ดอกและป่าไผ่ปลูกไว้ ส อยู่ไม่น้อย

ตลอดทางแขไข ไม่เอ่ยอะไรแม้แต่ประโยคเดียว ยังคง จมอยู่ในอยู่กับตัวเองเมื่อตอนเช้าอย่างไร้สติ กระทั่งตอน นี้เมื่อเห็นคฤหาสน์ผ่านนอกหน้าต่างรถก็รู้สึกอยากถอด กรูดขึ้นมาเสียเฉยๆ

“ไปกันเถอะ” เทวิณปลดเข็มขัดนิรภัย เอ่ยเตือน

แขไขถึงได้ลงจากรถ

ทั้งสองเดินไหลชนไหล่ไปด้วยกัน สายตาของเทวิณ มองไปยังชุดแสกสีแดงบนร่างของเธอ คอวีตื้น เก็บเอว เดิมเธอก็ผอมอยู่แล้ว ชายกระโปรงเผยท่อนขาเรียวยาว ทั้งสองข้าง ไม่บ่อยครั้งนักที่เธอสวมส้นสูง ทำให้ตัวเธอดู สูงขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว เวลาก้าวเดินดูมีชีวิตชีวา มีความ เป็นผู้หญิงเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว

การใส่เสื้อผ้าสีสดในโอกาสต่างๆนั้น หากไม่ระวังให้ ดีจะทำให้ดูมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี แต่เมื่อเธอใส่แล้วกลับ ไม่เป็นอย่างนั้น ตรงข้ามยังดูเป็นสาวน้อยที่ดูไปแล้วให้ อารมณ์สุขุม
ทว่าอย่างไรก็เป็นสาวน้อยวัยยี่สิบสาม ความประหม่าที่ จะได้เจอผู้อาวุโสได้เขียนอยู่เต็มใบหน้าของเธอ

เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ แม่บ้านที่รอต้อนรับอยู่ แล้วก็เปิดประตูออก “คุณชาย กลับมาแล้วคะ

เทวิณพยักหน้าเป็นเชิงว่าได้ยิน เขาพาแขไขเดินผ่าน โถงใหญ่ตรงเข้าไปในห้องรับแขก

ผนังในห้องรับแขกขนาดใหญ่แขวนภาพของจิตรกรชื่อ ดังมากมาย เครื่องเรือนส่วนมากก็ทำมาจากไม้หายาก บนโต๊ะมีของน่าสนใจเล็กๆหลายชิ้นวางอยู่ แม้เธอที่ไม่ ค่อยเข้าใจเรื่องของสะสมก็ยังดูออกว่าของเหล่านี้ต้องมี ราคาไม่ธรรมดา

บนโซฟาไม้สีแดงที่ตั้งอยู่ตรงกลางมีชายอาวุโสคน หนึ่งนั่งอยู่ เส้นผมของเขาเป็นสีขาวโพลน ใบหน้าหลง เหลือริ้วรอยของขวบปีที่ล่วงเลยผ่านไป ทว่าดวงตาคู่นั้น ไม่มีความสับสนสักนิด กลับแจ่มใส แหลมคม บางทีรูป ลักษณ์ภายนอกอาจเปลี่ยนไปตามการเวลา แต่ไม่ใช่กับ บรรยากาศรอบกายที่แผ่ออกมาที่เมื่อผ่านกาลเวลาไป ก็จะยิ่งเพิ่มพูนขึ้น สองมือของผู้อาวุโสท่านนั้นกำลังกุม ไม้เท้าที่แกะสลักอย่างประณีตบรรจง เมื่อเห็นคนทั้งสอง เดินเข้ามา บนใบหน้าก็ไม่ปรากฏรอยยิ้มใดๆ

หัวใจของแขไขร่วง ‘ตุบ’ ไปที่ตาตุ่ม เธอเดาว่าวันนี้คงจะผ่านไปอย่างไม่ง่ายแน่ๆ

และก็เช่นนั้นทันทีเมื่อวินาทีต่อมาได้ยินเสียงของผู้ อาวุโสเปิดปากเอ่ยอย่างมีโทสะว่า “แกยังรู้จักกลับบ้าน อยู่เรอะ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ