ตอนที่ 2 มาที่ประตู
ตอนที่ 2 มาที่ประตู
ทันใดนั้น แขไขก็ตื่นขึ้น ฉากตรงหน้าเธอเหมือนกับใน ฝัน ร่างกายของเต็มไปด้วยเหงื่อ เหมือนเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ เธอมองไปรอบๆ มันคือแผ่นบังแดดของหน้าต่างเครื่อง บิน เธอเพิ่งจะตระหนักได้ว่าเธอกำลังเดินทางกลับบ้าน
นึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนกลางคืน สติเธอค่อยๆกลับมา เสียงเชียร์ของปิดภาคฤดูร้อน โทรศัพท์แม่เลี้ยง เที่ยวบินที่บินไปยังประเทศY และพายุ ที่อยู่เหนือทะเลและดาดฟ้าในค่ำคืนที่ไม่สิ้นสุด และชาย ที่นอนทับร่างเธอ………
ใบหน้าของ แบไซีดเซียว ภายในหนึ่งวันก่อนหน้านี้ เธอถูกลักพาตัวในประเทศYและสูญเสียความไร้เดียงสา ที่รักษามากว่ายี่สิบปียิ่งไปกว่านั้นเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีก ฝ่ายเป็นใคร
“คุณแขไข คุณจำได้ไหมว่าอีกฝ่ายมีลักษณะอย่างไร?”
คำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงดังก้องอยู่ในหูของเธอ แต่เธอกลับไม่อยากย้อนคิดถึงเหตุการณ์นั้น มันเจ็บปวด มาก เธอสร้างเรื่องโกหกตัวเองว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หกชั่วโมงต่อมา เครื่องบินมาถึงเมืองเจเวลา 22.00 น. ด้านนอกสนามบินก็มืดแล้ว มีรถยนต์จำนวนไม่น้อยที่ จอดรอรับครอบครัว แต่เธออยู่เพียงคนเดียว
เธอคุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้ แขไขเดินออกจาก สนามบินพร้อมกระเป๋าเดินทางเรียกแท็กซี่และบอกที่อยู่ ให้กับเขา ชั่วโมงต่อมา เธอจ่ายเงินและลากกระเป๋าลง จากรถ เดินไปยังบ้านสามชั้นหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า มือของเธอก็ยกขึ้นและวาง ลง วางลงและยกขึ้น และหายเข้าใจลึกๆจากนั้นก็เคาะ ประตู คนที่มาเปิดประตูก็คือแม่บ้านของที่นี่ เมื่อมองเห็น ว่าคนที่มาคือเธอ สีหน้าก็ดูไม่ค่อยยินดี “คุณหนูสองกลับ มาแล้ว”
“อืม” แขไขไม่ได้พูดอะไรมากนัก และลากกระเป๋า เข้าไปด้านใน ทีวีในห้องรับแขกได้เปิดไว้ ขจรจิตกำลังนั่ง อยู่บนโซฟาในห้องรับแขกและดูทีวี เมื่อเธอเห็นเธอเข้า มาเธอก็ตะโกนไปยังห้องหนังสือ
หลังจากประสบกับความหายนะและความตายในชีวิต เธอรู้สึกเหนื่อยและไม่สามารถระบายกับใครได้ ความ รู้สึกของเธอหดหู่มาก และยังไม่ทันจะได้พักผ่อนเธอกลับ ต้องมาได้ยินข่าวร้าย
“เป็นแบบนี้แล้ว เธอเองก็โตแล้วไม่ใช่เด็กๆ กลับมาครั้งนี้เราได้จัด นัดบอด ไว้ให้กับเธอแล้ว เธอลองไปดู”
นัดบอด?
แขไขยิ้มเยาะเย้ย “ฉันเพิ่งจะอายุ20ปี เรียนก็ยังไม่ทัน จะจบ และที่สำคัญเมื่อพูดถึงอายุ ขณัฐาแก่กว่าฉันตั้งสี่ปี เธอเหมาะสมซะยิ่งกว่า”
“อย่าไปเปรียบเทียบกับขณิฐา พวกเธอไม่สามารถ เปรียบเทียบกันได้ ว่ากันว่าอีกฝั่งเป็นครอบครัวที่ไม่เลว เลย เธอพบเจอเขาได้ก็ควรกราบไหว้ขอบคุณพระเจ้า แล้ว” ขจรจิตยังไม่ได้พูดอะไร แม่เลี้ยงฉัตรพรที่นั่งอยู่ ด้านข้างก็นั่งไม่ติดที่ซะแล้ว คำพูดที่ออกมาพร้อมกับ แสร้งทำเป็นว่าห่วงใย เกือบทำให้แขไข อ้วกอาหารของ เมื่อคืนออกมา
“ขอบคุณป้าพรที่ห่วงใยฉันขนาดนี้ ช่างเป็นครอบครัวที่ แสนดี เกรงว่าบุญคุณครั้งนี้คงไม่มีอะไรทดแทนได้
ขจรจิตเห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว จึงหาข้ออ้างและออกจากห้อง หนังสือไป
เมื่อขจรจิตไม่อยู่แล้ว ฉัตรพรก็แสดงธาตุแท้ออกมา และจิกเล็บเธอเอาไว้ “เรื่องนี้ไม่ได้มาปรึกษาเธอ แขไข ฉันจะบอกให้เธอเข้าใจ อีกฝั่งเป็นบุคคลสำคัญในกอง กู้ภัย เดิมทีฉันก็จะให้ขณิฐา แต่ได้ยินมาว่าการปฏิบัติงานในครั้งนี้ทำร้ายดวงตาและเส้นเสียงของเขา ทำให้ มองไม่เห็นและพูดไม่ได้ จะให้ขณิฐาของเราไปคบคน พิการได้อย่างไร แต่บริษัทของเราต้องการคนหนุนหลัง และทำให้บริษัทใหญ่โตขึ้น ดังนั้นฉันและพ่อเธอจะให้เธอ
ในการพูดครั้งนี้ฉัตรพรพูดโดยไม่มีสะดุดเลยสักคำ เมื่อ แขไขฟังก็แทบจะปรบมือให้ “ฟังแล้วความหมายของ ป่าพร ไม่ใช่ว่าอยากให้ไปนัดบอดหรอก ให้ฉันเป็นไป เพื่อนใครบางคน?”
“เธอจะไม่ไปก็ได้” ฉัตรพรนั่งและยืดตัวตรง ใน สายตาเธอไม่ได้หันมามองปฎิกิริยาตอบกลับเลยแม้แต่ น้อย แต่ในสายตามีความคิดร้ายกาจจนทำให้แขไข รู้สึกหวาดระแวง “แม่ของเธอยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ได้ยินมาว่ายังไม่จ่ายค่ารักษา…
“ป่าพร! ” ท่าทางที่ใจเย็นของแขไขต้องหมดลงและ เธอรีบขัดจังหวะการพูดของฉัตรพรอย่างทันที เธอเบิก ตากว้าง และอารมณ์เธอก็แปรปรวนดูจากการหายใจที่ รวดเร็ว เธอกล้า…เอาแม่มาขู่เธอ!
เมื่อนึกถึงแม่ที่กำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลรอการรักษา หัวใจของแขไขราวกับมีหลุมขนาดใหญ่เกิดขึ้นและมี สายลมพัดไปมาอยู่ในนั้น เธอคิดไม่ถึงว่าฉัตรพรจะต่ำ ทรามถึงขั้นเอาเรื่องนี้มาพูดถึง และคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า ขจรจิตจะเพิกเฉยต่อคำมั่นสัญญาที่จะทำร้ายแม่เธอ
เขาไม่เพียงแต่จะไม่มีค่าต่อการเป็นพ่อ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีค่าต่อการเป็นสามีของแม่ด้วย!
“ถ้าเธอไป การผ่าตัดของแม่เธอตระกูลดาวริศกุลจะรับ ผิดชอบทั้งหมด ตลอดจนแม่เธอหายดีและออกจากโรง พยาบาลได้ ถ้าเธอไม่ไป ฉันไม่สามารถรับประกันได้ว่า แม่ของเธอจะถูกไล่ออกจากโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้หรือ เปล่าเนื่องจากติดหนี้ค่ารักษาพยาบาล” ฉัตรพรยิ้มและ ตอบ “แบบนี้แล้ว จะไปหรือจะไม่ไป?”
เธอปล่อยแขนแนบลำตัวและเธอกำมือทั้งสองข้างไว้ แน่น แขไขไม่สามารถเลือกได้ เธอก้มหน้าลงด้วยความ ไม่พอใจ ไม่ว่าจะเธอจะไม่เต็มใจขนาดไหนแต่เธอก็ต้อง ยอมแพ้ให้กับความเป็นจริง ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ยอมแพ้ และกัดฟันพูด “โอเค ฉันไป”
จะเป็นคนหรือผี จะปกติหรือพิการ แต่เพื่อแม่ เธอต้อง
ไป
อีกด้านหนึ่ง วิณก็ได้ขึ้นเครื่องบินกลับบ้านแล้ว ไม่ใช่ เครื่องบินธรรมดาทั่วไป แต่เป็นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวที่ส่ง มาจากประเทศจีนเพื่อพาเขากลับไปที่ประเทศจีน
ห้าชั่วโมงหลังจากที่บินขึ้น ก็ได้ลงจอดบนถนนลาดยางส่วนตัวของเมืองJ
“กัปตันวิณ พวกเราถึงแล้ว” เจ้าหน้าที่ที่มาด้วยกันได้ ปลุกชายที่นอนหลับตาอยู่บนเก้าอี้
เมื่อได้ยินเสียง วิณก็ลืมตาขึ้น ดวงตาสีดำเงาคู่นี้ไม่มี อาการงัวเงียแม้แต่น้อยหลังจากที่ตื่นขึ้น ราวกับเป็น ดวงตาที่เฉียบคมของนกอินทรี แทงหัวใจผู้คน เขาพยัก หน้าเล็กน้อย และตอบเพียงแค่ “อืม”
เมื่อออกจากเครื่องบิน อาคารสำนักงานใหญ่โตที่ตั้งอยู่ ตรงหน้า ไม่มีแผ่นป้ายที่สะดุดตาผู้คนแต่ทุกคนรู้ว่าที่นี่ คืออาคารสำนักงานกู้ภัยของกองบินกู้ภัย
ในฐานะกองกู้ภัยชั้นนำในประเทศจีน เรามีส่วนร่วมใน การช่วยเหลือทุกปีโดยยึดตามความเป็นมืออาชีพและ ความเป็นสากลเราได้จัดตั้งระบบการจัดการเหตุฉุกเฉินที่ ครอบคลุมบนพื้นฐานของการบริหารความเสี่ยงและการ ป้องกันและได้กลายเป็นผู้ช่วยชีวิต กู้ภัย หน่วยงานช่วย เหลือด้านมนุษยธรรมในด้านต่าง ๆ เช่นการป้องกันภัย พิบัติ รวมถึงการกู้คืนและบรรเทาสาธารณภัย …
และวิณเป็นผู้นำที่นี่และกัปตันของกองปฏิบัติการ
ที่ประตูสำนักงาน ผู้ช่วยบุลกิตกำลังยืนรออยู่ เมื่อเห็น เขาเดินมาถึงทักทายและทําท่าเคารพ “สวัสดี กัปตันวิณ”
วิณไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เขาเดินเข้าไปยังห้องทำงาน และนั่งลงบนโซฟาขยับคอของเขาเล็กน้อย แม้ร่างกาย ของเขาจะไม่มีอาการไม่สบายใดๆ แต่ก๊าซในวันนั้นทำให้ เขามึนหัวและร่างกายอ่อนแอ จึงทำให้เขารู้สึกไม่ดี
“กัปตันวิณ ครั้งนี้คุณได้เดินทาง ผ่าน เวียดนามเพื่อ จัดการกับคดีลักพาตัว ได้ยินมาว่าจัดการได้อย่าง สมบูรณ์แบบ และทุกคนก็บอกว่าคุณแก้ปัญหาในสิ่งที่ ไม่มีใครสามารถทำได้อีกด้วย” บุลกิตเคยเป็นสมาชิกใน กองของวิณในฐานะสมาชิกหลักของกองกู้ภัยกองกู้ภัย ทางอากาศ ต่อมาเขาต้องถอนตัวออกมาอยู่เบื้องหลัง เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ วิณจึงให้เขาเป็นผู้ช่วย ช่วยงาน กิจการประจำวันของเขา
อย่างไรก็ตามแม้ว่าบุลกิตจะไม่สามารถสู้รบในแนว หน้าได้ แต่หัวใจของเขายังคงมีความเป็นฮีโร่อยู่ เมื่อเขา ได้ยินว่าภารกิจสำเร็จไปด้วยดี หัวใจของเขาจึงมีความ สุข
วิณครุ่นคิดกับตัวเอง มีภารกิจไม่มากนักที่จะมีความสุข เมื่อทำสำเร็จ ดวงตาสะท้อนภาพเรื่องราวในคืนนั้นและ ภาพหญิงสาวคนนั้น และเสียงนุ่มลึกก็ได้ออกคำสั่งกับบุ ลกิต “ช่วยฉันสืบประวัติใครบางคนหน่อย”
ตระกูลดาวริศกุลเตรียมตัวกับเรื่องราวนี้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับตอนที่ตัดสินใจอย่างเงียบๆว่าจะส่งเธอไป เรียนต่างประเทศ
แขไข เธอแต่งตัวมาและมาถึงหน้าประตูโรงแรมอย่าง มึนงง เธอมองไปที่อาคารสูงตระหง่านตรงหน้าเธอ ค่ำคืน ที่มืดมิดคืนนั้นเต็มไปด้วยแสงไฟและแสงระยิบระยับ โรงแรมที่สูงใหญ่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ แต่ใจเธอ ตกลงไปในความมืด
เธอสูดลมหายใจเข้า และหลับตาลงเบาๆ และรีบเข้าไป ในโรงแรมอย่างรวดเร็ว
ฉัตรพรได้เตรียมคีย์การ์ดสำหรับเปิดห้องไว้ให้เธอ เธอ เข้าไปในลิฟต์ และไปยังชั้นบนสุด เมื่อลิฟต์ขึ้นไปสูง เรื่อยๆใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้น เมื่อลิฟต์ดัง “ติ๊งต่อง” เธอก็ สงบลง
5601 ห้องเพรสซิเดนสูท
แขไขเคาะประตูอย่างไม่ลังเล เธอกลัวหากเธอลังเล แม้แต่นิดเธออาจจะเสียใจและรีบออกจากไปอาคาร นี้เลยก็ได้ แต่เธอทำไม่ได้ แม่ของเธอยังคงอยู่โรง พยาบาลและรอจ่ายค่ารักษาอยู่
หลังจากที่เคาะสามครั้ง ไม่มีใครตอบเธอวางมือบน ลูกบิดและเปิดมันอย่างเบามือ
ไม่ได้ล็อค?
เธอขมวดคิ้ว และก้าวเล็กๆเข้าไปด้านใน ด้านในมืดมาก และเธอมองไปรอบๆ แล้วเดินไปที่สวิตช์ไฟบนผนัง แค่ เพียงก้าวไปหนึ่งก้าว ลมหายใจร้อนแรงก็มาอยู่ด้านหลัง ของเธอ เอวของเธอก็ถูกล็อคเอาไว้ และแขนของเธอก็ ถูกล็อคไว้ด้านหลัง และขาของเธอก็เสียหลักเล็กน้อย และร่างกายเธอก็ถูกผลักไว้กับกำแพงและหน้าผากของ เธอก็รู้สึกเจ็บ
“อ๊ะ!” ชายด้านหลังกลับไม่รู้สึกอะไร เธอดิ้นรนอยู่สอง สามครั้งแต่กลับไม่เป็นผล “ปล่อยฉัน!”
“ปล่อย?” น้ำเสียงที่นุ่มลึกราวกับแม่เหล็กสะท้อนเข้าไป ในหูพร้อมกับลมหายใจที่ร้อนแรงของเขา “เธอบุกเข้ามา ในห้องฉัน แต่กลับให้ฉันปล่อย?”
“ฉันเคาะประตูแล้ว แล้วคุณก็ไม่ได้ล็อคประตู!” ใบหน้า ของแขไข ติดอยู่กับผนัง ท่าทางของเธอน่าอายอย่างยิ่ง และกระโปรงสีแดงของเธอก็ยับยู่ยี่
“ถึงประตูฉันจะเปิดก็ไม่ได้หมายความว่าให้เธอเข้าไป ชายคนนั้นพูดอย่างโหดเหี้ยมและมันช่างน่ากลัว
แขไขก็นึกถึงคำพูดของฉัตรพรได้และจุดมุ่งหมายของ ครั้งนี้ เธอพยายามตั้งสติ มองไม่เห็นชายที่อยู่ด้านหลัง แต่เธอจำได้ว่าฉัตรพรบอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนตาบอดและ เป็นใบ้ ถ้าเช่นนั้นแล้วผู้ชายที่ปรากฏในห้องในตอนนี้คือ ใคร?
เมื่อนึกได้เช่นนั้น แขไขก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันแค่ เข้ามาพบคุณวิณ ฉันไม่ได้จะมาบุกรุก หวังว่าคุณจะให้ เกียรติกัน”
“เหอะ” เสียงหัวเราะดังจากด้านหลังและเต็มไปด้วย ความไม่ไยดี
ภายในใจของแขไข ก็โกรธขึ้นมากเรื่อยๆ “คุณ หัวเราะอะไร!”
ชายคนนั้นไม่ได้ตอบ หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาแสง ในห้องสวีทที่หรูหราก็สว่างทันที
ชายคนนั้นใช้แรงดึงเธอเข้าหาตัวเองและเผชิญหน้ากัน ดวงตาทั้งสองจ้องมองกัน และทุกอย่างก็หยุดลงกะทันหัน แขไขตกตะลึงอย่างมาก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ