ตอนที่ 11 ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น
คำพูดของจิ้นเสี่ยวลิ่งทำให้อู๋อันหซีนิ่งค้างไป มองดูจิ้น เสี่ยวลิ่งด้วยความกระอักกระอ่วนไม่รู้จะพูดอย่างไร
จี้จิ๋นฉืนที่ยืนอยู่ข้างๆทนดูไม่ได้ จึงหันไปพูดกับจิ้นเสี่ยว ลิ่ง “เสี่ยวลิ่ง อันหชีแค่อยากจะนับถือคุณเป็นพี่ แต่คุณ ทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว! ”
จิ้นเสี่ยวลิ่งหัวเราะในลำคอ มองไปทางจี้จิ่นฉืนแล้วพูด ขึ้น “ฉันทำเกินไปงั้นหรอ? ฉันไม่เคยมีน้องสาวมาก่อน เรื่องนี้คุณไม่รู้หรือไง?” คำพูดและน้ำเสียงนั้นดูไม่พอใจ เป็นอย่างมาก
จีจิ่นฉุนจึงพูดตอบ “จิ้นเสี่ยวลิ่ง คุณอย่า——”
“จิ่นฉืน” อู่อันหชีจับมือของเขาเอาไว้ เธอส่ายหน้าไปมา จากนั้นก็หันไปมองจิ้นเสี่ยวลิ่ง หัวเราะแล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่ ความผิดของผู้จัดการจิ้น ฉันเองที่พูดอะไรไม่ทันคิด”
จิ้นเสี่ยวลิ่งปรายตามองเธอ ไม่ได้รู้สึกเห็นใจแม้แต่น้อย กับท่าทางนั้น ลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองจี้จิ๋นฉืน “จิ๋นฉืน ถ้าคุณอยากให้ฉันไป คุณสามารถพูดตรงๆกับฉัน ฉัน ไม่มีวันหน้าด้านอยู่ที่นี่ต่อ คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้กับ ฉัน ฉันจิ้นเสี่ยวลิ่งไม่ใช่คนที่ยึดติดกับสิ่งของ อีกห้านาที ต่อจากนี้ฉันจะยื่นใบลาออกให้คุณ” พูดจบเธอก็เดินออก ไปจากห้องทํางาน
เพราะเมื่อกี้หลังจากที่จิ้นเสี่ยวลิ่งเข้าไปในห้องทำงาน ประตูห้องก็เปิดเอาไว้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาคุยกันภายใต้ห้องทำงานทุกคนที่อยู่ด้านนอกต่างก็ได้ยิน เมื่อเห็นจิ้น เสี่ยวลิ่งเดินออกมา เสี่ยวเถาจึงรีบเดินเข้าไปหา พร้อม ถามด้วยความกังวล “พี่เสี่ยวลิ่ง พี่พูดจริงๆหรอคะ? พี่จะ ลาออกจริงๆหรอ! ”
“พวกเขาทำถึงขั้นนี้แล้ว เธอคิดว่าพี่ยังควรอยู่ที่นี่ต่อ?” ขณะที่พูดอยู่นั้น จิ้นเสี่ยวลิ่งหยิบกระเป๋าของเธอแล้วเดิน เข้าไปในห้องทำงานตนเอง
“พี่เสี่ยวลิ่ง เรื่องงานก็ส่วนเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวก็ส่วน ตัว พี่อย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจสิคะ” เสี่ยวเถารีบพูด โน้มน้าวเธอ ไม่อยากให้เพราะอารมณ์ชั่ววูบทำให้ตัดสิน ใจทําในสิ่งที่ตนเองจะต้องมาเสียใจในภายหลัง
จิ้นเสี่ยวลิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เธอเปิดคอมพิวเตอร์แล้ว
เริ่มพิมพ์จดหมายลาออกของตนเอง จี้จิ๋นฉืนเดินออกมาจากห้องทำงานของอู่อันหชี เมื่อเห็น เสี่ยวเถายืนอยู่ จึงส่งสายตาบอกให้เธอออกไป
เสี่ยวเถาเมื่อเห็นสายตาของเขา จึงรีบออกจากห้อง ทำงาน อีกทั้งยังปิดประตูห้องทำงานให้ด้วย
จิ้นเสี่ยวลิ่งปรายตามองเขา จากนั้นก็พูดขึ้น “ประธานจี้ ใจร้อนเกินไปรึเปล่าคะ ตอนนี้น่าจะยังไม่ถึงสิบนาทีด้วย ซ้ำไป”
จี้จิ๋นฉืนมองหน้าเธอ จากนั้นถอนหายใจแล้วพูดด้วย เสียงอ่อนโยน “เสี่ยวลิ่ง เราต้องทำถึงขั้นนี้เลยหรอ?” เขา คิดว่าถึงแม้จะเลิกลากันไปแล้วไม่สามารถเป็นคนรักกันได้ แต่อย่างน้อยก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ หรือถ้าไม่สามารถ เป็นเพื่อนกันได้อย่างน้อยควรที่จะเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ได้
จิ้นเสี่ยวลิ่งหัวเราะในลำคอ เธอรู้สึกว่าคำถามของเขา ปัญญาอ่อนจนหน้าตลก หันไปมองเขาแล้วถามขึ้น “ฉัน เป็นคนทำให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้หรอคะ?”
จี้จิ๋นฉันรู้ว่าตัวเองทำผิดต่อเธอ จึงพูดด้วยความเสียใจ “เสี่ยวลิ่ง ผมรู้ว่าผมเป็นคนผิด ผมขอโทษนะ แต่นั่นมัน ก็เป็นแค่เรื่องส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องงาน คุณไม่ จำเป็นต้องลาออกเพราะเรื่องนี้”
“ฉันไม่ได้อยากเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามายุ่งกับเรื่องงาน แต่พวกคุณต่างหากที่เอาเรื่องส่วนตัวเข้ามายุ่งกับเรื่อง งาน!” ถ้าวันนี้เขาไม่ได้ให้อู๋อันหชีมาเป็นรองประธาน เธอก็คงไม่คิดที่จะลาออก แต่เขากลับพามาอย่างโจ่งแจ้ง แบบนี้ เขาอยากให้ทุกคนเห็นเธอเป็นตัวตลกหรือไง!
“ผมไม่ได้เอาเรื่องส่วนตัวมารวมกับเรื่องงาน ที่ผมพา อันหชีมาก็เป็นเพราะเรื่องงานเท่านั้น ฝ่ายการตลาดเร่ง ให้ส่งงานออกแบบมาหลายครั้งแต่คุณกลับไม่ให้พวก เขา สุดท้ายพวกเขาจึงต้องมาเร่งผมแทน อีกอย่าง อันห ชีก็เรียนการออกแบบมาจากต่างประเทศโดยตรง เธอเอา ผลงานออกแบบมาให้ผมดูแล้ว บอกให้ผมให้คำแนะนำ กับเธอ ผมก็เลยส่งไปให้ฝ่ายการตลาด พวกเขาก็ตอบรับ กลับมาเป็นอย่างดี ดังนั้นผมจึงให้อันหชีเข้ามาทำงานที่นี่ ชั่วคราวก็เท่านั้น” จี้จิ้นฉืนพยายามที่จะอธิบายให้เธอฟัง
“คุณไม่ต้องมาร่ายยาวให้ฉันฟัง ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น” จิ้นเสี่ยวลิ่งพูดจบ ก็ยื่นจดหมายลาออกของเธอให้ กับเขา
ท่าทางของเธอทำให้จี้จิ้นฉืนหมดความอดทน เขามอง ไปที่เธอแล้วพูดขึ้น “จิ้นเสี่ยวลิ่งคุณอย่าทำตัวไร้สาระ แบบนี้ได้ไหม! ”
จิ้นเสี่ยวลิ่งหัวเราะในลำคอ “หึหึ คุณคบกับฉันมาสามปี คุณไม่เคยรู้สึกว่าฉันไร้สาระมาก่อน”
“ผมขอโทษ เรื่องที่เราเลิกกันเป็นความผิดของผม ผิด ที่ผมไม่สามารถจัดการทุกอย่างให้ดีได้ ผมขอโทษ! “จี้ จิ่นฉือยอมแพ้แล้ว เขารู้ดีว่าจิ้นเสี่ยวลิ่งเป็นดีไซน์เนอร์ที่มี ความสามารถมาก หลายปีมานี้เสื้อผ้าที่เธอออกแบบล้วน ได้รัรบความนิยม ถ้าเธอลาออกเพราะเรื่องนี้ จะทำให้ บริษัทเสียหายเป็นอย่างมาก
จิ้นเสี่ยวลิ่งไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา มือของเธอกดแป้น พิมพ์อย่างรวดเร็ว ไม่นานเธอก็ปริ้นใบลาออกออกมา
เธอยื่นใบลาออกให้เขา แล้วพูดขึ้น “นี่คือจดหมายลา ออกของฉันค่ะ หลังจากนี้เราก็ต่างคุณต่างอยู่ ขอให้คุณ โชคดีนะคะ” พูดจบเธอก็หยิบกระเป๋าตัวเองแล้วเดินออก ไป
จี้จิ๋นฉือคว้ามือของเธอเอาไว้ “เสี่ยวลิ่ง ถือว่าผมขอร้อง ได้ไหม อย่าทำแบบนี้เลยดีไหมครับ?”
จิ้นเสี่ยวลิ่งสะบัดมือของเขาทิ้ง เธอส่ายหน้าแล้วพูด ขึ้น “ฉันคิดว่าตลอดเวลาสามปีมานี้คุณไม่เคยรักฉันเลยจนถึงตอนนี้ คุณก็ยังไม่เข้าใจฉันเลยสักนิด” ต่อให้จะเป็น อารมณ์ชั่ววูบหรือว่าอะไร สิ่งที่คนอย่างจิ้นเสี่ยวลิ่งตัดสิน ใจไปแล้วก็จะไม่มีวันล้มเลิกความคิดนั้นเด็ดขาด
จี้จิ๋นฉือมองเธอนิ่งๆ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เสี่ยวเถาเมื่อเห็นจิ้นเสี่ยวลิ่งเดินออกมา จึงเดินเข้าไป “พี่เสี่ยวลิ่ง พี่จะไปจริงๆหรอคะ?” ขณะที่พูดอยู่นั้นน้ำตา ของเธอก็คลอเบ้า เธอรักและเคารพจิ้นเสี่ยวลิ่งมาก เพราะทํางานด้วยกันมานานแล้ว
ทุกคนในออฟฟิศถยอยลุกขึ้นยืน แล้วมองมาที่เธอ ไม่ ใครพูดอะไรทั้งนั้น คงจะเป็นเพราะทุกอย่างกะทันหันเกิน ไป จนทำให้ทุกคนไม่รู้จะพูดอะไรดี
จิ้นเสี่ยวลิ่งส่งยิ้มให้ทุกคน เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไร เดิน เธอกระเป๋าไปที่ลิฟ
อู๋อันหชีวิ่งออกมาจากออฟฟิศ “ผู้จัดการจิ้นคะ”
จิ้นเสี่ยวลิ่งหันไปมอง มองเธอด้วยสายตาเย็นชา แล้ว ถามขึ้น “คุณอู๋ยังมีธุระอะไรกับดิฉันคะ?”
“ผู้จัดการจิ้นคะ ถ้าเป็นเพราะฉันคุณอย่าลาออกเลยค่ะ ฉันจะเป็นคนไปเอง” อู๋อันหนีมองไปที่เธอ สีหน้าของเธอ เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
จิ้นเสี่ยวลิ่งหัวเราะในลำคอ ตอนนี้อารมณ์ของเธอเย็น ลงมากแล้ว เธอมองไปที่อู๋อันหชีอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดเสียง ต่ำ “คุณอู่คิดว่าตัวเองเป็นใครคะ?”
“คะ” คิดไม่ถึงว่าเธอจะถามแบบนี้ อู๋อันหซีนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่รู้จะตอบอย่างไร
“ฉันจิ้นเสี่ยวลิ่งไม่เคยทำร้ายตัวเองเพราะใคร ดังนั้น คุณอู่ไม่จำเป็นต้องคิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง เพราะ คุณไม่ได้สำคัญขนาดนั้น” จิ้นเสี่ยวลิ่งเชยคางตัวเองขึ้น ท่าทางของเธอในตอนนี้ดูหยิ่งและร้ายกาจมาก
จี้จิ่นฉือเดินออกมาจากห้องทำงานของเธอ เขายืนมอง เธอตรงประตู ไม่ได้เดินเข้ามาหา
จิ้นเสี่ยวลิ่งปรายตามองเขา จากนั้นกระตุกยิ้ม แล้วเดิน เข้าไปในลิฟ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ