blind date เจอกับสามีเพอร์เฟคของฉัน

ตอนที่ 8 นัดเขาทานข้าว



ตอนที่ 8 นัดเขาทานข้าว

มือของจิ้นเสี่ยวลิ่งนิ่งไปขนาดที่เธอกําลับคืบกับข้าว อยู่เธอเงยหน้าขึ้นมาถาม…. “ชื่ออะไรนะ?” คงไม่บังเอิญ ขนาดนั้นหรอกมั้ง”

” ยิ่นจี๋นเหยืน”จิ้นเว่ยตงพูดอีกครั้งพอจิ้นเสี่ยวลิ่งถาม แบบนี้เขาก็สงสัยขึ้นมาแล้วถามเธอไปว่า:” เธอรู้จักหรือ?

จิ้นเสี่ยวลิ่งยิ้มแย้มเธอไม่ได้บอกเรื่องระหว่างเธอกับยื่น จี๋นเหยืนเพียงแค่ส่วยหัวและพูดว่า:” ชื่อเหมือนคนที่ฉัน รู้จักเลย

“พอเธอพูดแบบนี้จิ้นเว่ยตงก็ไม่ถามอะไรต่อเขาคิดว่า น่าจะชื่อเหมือนกันจริงๆ

หยางเหม่หลิงที่อยู่ข้างๆไม่สนใจว่ายิ่นจี๋นเหยีนคือใคร เธอมองหน้าลูกแล้วถามว่า:”เสี่ยวลิ่งเธอกับแฟนเธอคน นั้นคืบหน้าไปถึงไหนแล้วนี่ก็ถึงเวลาแล้วที่เธอควรพาเขา มาพบกับครอบครัวของเรา

พอได้ยินคำนี้สีหน้าจิ้นเสี่ยวลิ่งก็เปลี่ยนไปทันทีจาก สีหน้าเดิมที่ยิ้มแย้มแต่ตอนนี้กลายเป็นสีหน้าที่เข้มขรึม

สีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนทำให้ทุกคนดูออกว่าต้อง มีอะไรแน่ๆ

เห็นเธอไม่พูดจาหยางเหม่หลิงจึงถามเธอไปอีก ว่า:”ทำไมหรือ?” เธอสองคนกำลังงอนกันหรือ? ”
” ไม่ใช่จิ้นเสี่ยวลิ่งตอบแบบไม่เต็มปากทั้งสีหน้าเธอและ น้ำเสียงของเธอทำให้ทุกคนต่างสงสัยมาก

คนเป็นแม่ปลอบใจเธอไปว่า:”คนสองคนอยู่ด้วยกันก็ เหมือนลิ้นกับฟันต้องมีกระทบกระเทือนกันบ้างเป็นเรื่อง ธรรมดามีเรื่องอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจาอย่าให้เรื่องต้อง บานปลายเลย”

จิ้นเสี่ยวลิ่งไม่เงยหน้าเธอตอบเพียงสั้นๆว่า “เราเลิกกัน แล้ว” พูดจบก็ทานข้าวต่อ

พอทุกคนได้ยินก็เงียบกริบพวกเขาคิดว่าพวกเธอสอง คนแค่ทะเลาะกันแต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะถึงขั้นเลิกกัน

ขณะที่หยางเหม่หลิงกำลังอยากพูดอะไรต่อจิ้นเว่ยตง ก็ไอขึ้นมาหนึ่งครั้งและพูดว่า:”ทานข้าวเถอะกับข้าวเย็น หมดแล้ว” พูดอยู่เขาก็คีบหมูสามชั้นให้กับจิ้นเสี่ยวลิ่ง

จิ้นเสี่ยวลิ่งเห็นหมูสามชั้นในถ้วยตัวเองเธอกัดฟันและ พยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา

ถึงแม้เธอจะกลับมาที่บ้านหลังนี้ไม่บ่อยแต่ที่บ้านก็ยัง เหลือห้องว่างสำหรับเธอข้างในห้องมีของเล่นที่ตอนเด็กๆ เธอเคยเล่นพื้นที่ห้องไม่กว้างมากแต่ก็เต็มไปด้วยความ อบอุ่น

คำพูดเมื่อครู่ทำให้เธอไม่สบายใจพอเธอทานข้าว เรียบร้อยเธอก็เข้าไปที่ห้องนอนตัวเองทันที

เธอเข้าไปในห้องก็นอนลงไปที่เตียงทันทีเธอไม่เปิดไฟปล่อยให้ห้องมือสนิทเธอจ้องดูแพดานและคิดอะไรคน เดียวอย่างเงียบๆ

แสงไฟข้างนอกพอจะให้แสงกับห้องเธอบ้างบนหัวเตียง มีไฟที่ทำจากคริสตัลพอไฟข้างนอกส่องเข้ามาทำให้ไฟ บนหัวเตียงมีแสงระยิบระยับอย่างสวยงาม

เธอกับจี้จีนฉันคบกันมาสามปีแล้วเดิมทีเธอคิดว่าเธอ กับเขาจะรักกันไปตลอดชีวิตแต่ไม่คิดเลยสุดท้ายก็ต้อง มาเลิกกันเธอไม่แคร์เรื่องที่เขาบอกเลิกแต่เธอเสียใจมาก กับเหตุผลที่เขาบอกเธอว่าตลอดเวลาสามปีนี้เขาไม่เคย รักเธอเลยที่สำคัญในใจของเขายังคงรักแต่แฟนเก่าของ เขาคนนั้นนี่มันเหตุผลบ้าบอคอแตกชัดๆ

“shit” จิ้นเสี่ยวลิ่งด่าออกมาเบาๆเธอไม่อาจลืมเรื่องราว ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้เธอก็ไม่แน่ใจกับตัวเองว่าเธอยังรัก เขาอยู่หรือเธอแค่ยังโมโหกับเหตุผลบ้าบอคอแตกนั้น

“ก๊อกก๊อกก๊อก………”

เสียงเคาะประตูดังขึ้นข้างนอกคือเสียงเรียกของแม่จิ้น เสี่ยวลิ่ง:” เสี่ยวลิ่งอยู่ข้างในมั้ย? ”

จิ้นเสี่ยวลิ่งรีบลุกขึ้นจากเตียงมาตอบว่า:” อยู่”

หยางเหม่หลิงเปิดประตูเข้ามาเธอเจอกับห้องที่มืดสนิท

” ทำไมไม่เปิดไฟ”พูดอยู่ก็เปิดไฟขึ้นมาพอไฟสว่างขึ้น เธอก็เจอจิ้นเสี่ยวลิ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงจิ้นเสี่ยวลิ่งยิ้ม ให้กับแม่อย่างทะเล้น
” ฉันช่วยประหยัดไฟที่บ้านไง” ทำหน้าทะเล้นและยิ้ม แย้มท่าอย่างกะไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

“ช่วยอนุรักษ์พลังงานขนาดนี้เลยหรือ” หยางเหม่หลิง เดินตรงไปหาเธอและนั่งลงไปคุยกับเธอ

“ฉันเป็นคนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” จิ้นเสี่ยวลิ่งพูดแบบ ทะเล้น

“ฉันเป็นแม่เธอเธอกำลังคิดอะไรมีหรือแม่จะไม่รู้”หยาง เหม่ยหลิงเอานิ้วไปจิ้มหน้าผากของเธอแต่ว่าน้ำเสียงซ่อน ความห่วงใยอยู่ไม่น้อย

จิ้นเสี่ยวลิ่งยิ้มแย้มเธอพอเดาออกว่าแม่เธอหาเธอมี เรื่องอะไร

“เสี่ยวลิ่งเล่าให้แม่ฟังสิที่ผ่านมาการงานของลูกและ ความเป็นอยู่ของลูกเป็นอย่างไรบ้าง”หยางเหม่หลิงจับ มือของเธอมาวางที่ฝ่ามือของตัวเองตั้งแต่เด็กจนโตเธอ ก็ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับลูกมากนักแต่เวลานี้พอจิ้นเสี่ยวลิ่ งมีเรื่องทุกข์ใจหยางเหม่หลิงก็เข้ามาแสดงความเป็นห่วง เป็นใยต่อเธอ

“เรื่องงานก็เรื่อยๆส่วนการใช้ชีวิตประจำวันก็กินดีอยู่ดี แม่ดูฉันสิฉันอ้วนขึ้นแล้วนะ”จิ้นเสี่ยวลิ่งตั้งใจเปลี่ยนเรื่อง เธอไม่อยากให้พ่อแม่ตัวเองต้องเป็นห่วงเธอ

หยางเหม่หลิงจ้องตาของเธอและพูดกับเธอว่า:” เธอรู้ว่า แม่กำลังอยากถามเรื่องอะไรกับเธอ”
” แม่ฉันไม่เป็นไรก็แค่คบกันเข้ากันไม่ได้ก็เลิกกันไปแค่ นั้นเอง”จิ้นเสี่ยวลิ่งพูดแบบสบายๆเธอพยายามทำสีหน้า สดใส

“มันก็ใช่เรื่องความรักบางครั้งมันก็เป็นแบบนี้แหละเรา ไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตการคบกันไม่ได้ แปลว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนถึงชั่วนิรันดร์”ในเมื่อลูกไม่ อยากพูดเธอจึงไม่ถามอีกต่อไปเธอให้จิ้นเสี่ยวลิ่งใช้เวลา รักษาแผลใจให้หายเองดีกว่าแม่คนนี้ทำได้เพียงให้กำลัง ใจและความเป็นห่วงเป็นใย

“แม่.. คำพูดของแม่เอาไปเป็นคติชนวิทยาทาง อินเทอร์เน็ตได้สบายเลย” จิ้นเสี่ยวลิ่งพูดแซวแม่ของเธอ

พอเห็นเธอไม่เป็นแล้วหยางเหม่หลิงก็บอกกับเธอว่า” กลับมาครั้งนี้ต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่คุณย่าให้ดีๆที่สำคัญ อย่าเถียงกับพ่อเธอเด็ดขาดบางเรื่องก็ยอมๆพ่อเธอไป เถอะ

“ฉันไม่ได้เถียงกับพ่อสักหน่อย” บ้านหลังนี้ฉันกลัวท่าน อธิบดีที่สุดแล้ว

“พ่อเธอรักเธอมากพอรู้ว่าเธอกลับมาพ่อก็รีบกลับมา ที่บ้านเพื่อรอเธอเธอมีเวลาก็ชงชาให้พ่อดื่มและคุยเป็น เพื่อนพ่อด้วย”

“รู้แล้ว” จิ้นเสี่ยวลิ่งลุกขึ้นมาขณะนี้ในใจจิ้นเสี่ยว งกำลังคิดอยู่ว่าจะไปสืบหาเรื่องราวเกี่ยวกับยิ่นจี๋นเหยีน อย่างไรดี? ”
ระหว่างที่แม่ลูกกำลังเตรียมตัวลงไปข้างล่างเสียง โทรศัพท์ของจิ้นเสี่ยวลิ่งก็ดังขึ้นมาเธอหันไปมองหน้าแม่ และพูดกับแม่ว่า:” แม่ลงไปก่อนนะฉันรับโทรศัพท์เสร็จ จะรีบตามลงไป”

หยางเหม่หลิงพยักหน้าและเดินลงไปคนเดียว

รอให้แม่ลงไปก่อนจิ้นเสี่ยวลิ่งถึงรับโทรศัพท์ขึ้นมา:”ฮัลโหล”

พอรับสายขึ้นมากู้เซิงโยก็ทำเสียงตื่นตระหนก “เสี่ยว ลิ่งเธออยู่ไหนแม่จี๋จี๋นฉืนนัดฉันไปทานข้าว”

“แม่ยิ่นจี๋นเหยืนนัดเธอทานข้าว? ทำไม? สมองจิ้นเสี่ยว ลิ่งเต็มไปด้วยคำถาม”

“ไม่ใช่ไม่ใช่ต้องบอกว่าเขาอยากนัดเธอทานข้าวถึงจะ ถูก”กู้เซิงโยรีบอธิบาย” เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับยื่นอื่นเห ยีนเธอบอกว่าเธอเป็นพี่สาวของยิ่นจี๋นเหยืนอยากนัดเธอ ออกมาทานข้าวพี่สาวยิ่นจีนเหยีนคงอยากถามเรื่องยิ่นจี๋ นเหยีนกับเธอหรอกมั้ง”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ