บทที่ 9 เดินเที่ยวกับพี่สะใภ้
เมื่อมาถึงถนนใหญ่ ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะไปไหนดี หากผมมาคน เดียวก็คงจะเลือกไปร้านเกมมั้ง ใช้เวลาหนึ่งวันที่น่าเบื่อนี้ผ่านไป อย่างเปล่าประโยชน์ แต่ตอนนี้ข้างกายผมยังมีพี่สะใภ้อีกคน เดินอยู่กับผู้หญิงที่สวยขนาดนี้คนหนึ่ง ผมไม่รู้จริงๆว่าควรจะไป ที่ไหนดี เรื่องแบบนี้ผมไม่มีประสบการณ์เลยสักนิด พี่สะใภ้ถาม ผมว่าจะซื้อเสื้อผ้าใช่ไหม จากนั้นก็จูงมือผมและเดินไปเลย
โชคดีที่พี่สะใภ้ฉลาด เหมือนเธอจะมองความลำบากใจของ ผมออก จึงได้เป็นคนเริ่มคุยกับผมก่อนงั้นไปดูเสื้อผ้าเป็นเพื่อน ฉันละกัน ฉันกำลังอยากจะซื้อเสื้อผ้าอยู่พอดี
“อืม ไปดูเสื้อผ้าละกัน” ผมต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว เพราะนอกจาก ไปซื้อเสื้อผ้าผมก็ไม่รู้จะไปที่ไหนแล้ว
หลังเดินไปราวครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงถนนการค้าที่คึกคักแห่ง หนึ่ง พี่สะใภ้ดูเสื้อผ้าไปด้วย พูดเรื่องของเฉินจูนไปด้วย “เฉินหุ้น คนนี้นอกจากจะเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยมแล้ว ยังแผนสูงมากด้วย นายอย่าไปต่อกรกับเขาเลย ไม่เช่นนั้นสุดท้ายคนที่เสียหายก็จะ เป็นนายนะ”
“ผมก็ไม่ได้อยากจะต่อกรกับเขา แต่เขาทำร้ายผมตั้งมากมาย ขนาดนั้น ผมจะทำใจอภัยให้ได้อย่างไร อีกอย่าง ต่อให้ผมไม่ทำ อะไรเขา เขาจะยอมปล่อยผมไปงั้นหรือ แล้ววันนี้ผมยังทำให้เขา หัวแตกเลือดออกอีก เขายิ่งไม่มีทางปล่อยผมไปแน่”ผมพูดอย่างเอือมระอา
“นายวางใจเถอะ เรื่องของนายฉันจะหาทางแก้ไขเอง แต่ไม่ว่า ยังไง ช่วงนี้นายก็อย่าไปมีเรื่องกับเขาอีก เลี่ยงได้เท่าไหร่ก็ เท่านั้นเถอะพี่สะใภ้ถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะเอ่ยพูด
ผมพยักหน้า ถือว่าได้รับปากเธอไปแล้ว อันที่จริงผมรู้ว่าเธอ
แค่กำลังปลอบใจผม ดูจากสถานการณ์วันนี้ ลำพังตัวเธอเองก็
เอาไม่รอดแล้ว จะปกป้องผมได้อย่างไร แต่ที่เธอพูดแบบนี้ก็ เพราะเป็นห่วงผม ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมาก “นายดูชุดนี้สิ เป็นไงสวยไหม” พี่สะใภ้หยิบชุดมาชุดหนึ่ง
พร้อมกับเอ่ยถามผม
“สวยมาก ถ้าพี่ใส่ต้องสวยมากแน่ๆ” ผมรีบชม
“พ่อหนุ่มปากหวาน อวยเก่งจริงๆ แต่ช่างเถอะ ฉันก็ว่าชุดนี้ไม่ เลว งั้นเอาชุดนี้ละกัน”พี่สะใภ้พูด พลางยื่นชุดนั้น ให้พนักงานเอา ไปใส่ถุงให้เธอ จากนั้นเราก็ออกมาจากร้านนั้น
เดินดูเสื้อผ้าอีกสักพัก พี่สะใภ้บอกว่าเหนื่อยแล้ว ไม่อยากซื้อ เสื้อผ้าแล้ว จึงได้พาผมไปยังร้านกาแฟร้านหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้น ดื่มกาแฟไปครึ่งชั่วโมง ผ่อนคลายอารมณ์หน่อย หลังดื่มกาแฟ เสร็จ เราก็ไปดูหนังต่อ ช่างเหมือนสิ่งที่คู่รักทั่วไปเขาทำกันจริงๆ หนังเรื่องนั้นที่ดูเป็นหนังสยองขวัญ พี่สะใภ้กำมือผมไว้แน่น ตลอดทั้งเรื่องเลย
ตอนที่ดูหนังจบก็ปาไปบ่ายสองกว่าแล้ว ทันทีที่ผมเดินออกมา จากโรงหนัง โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นแล้ว พอผมหยิบมาเปิดดู ก็พบข้อความจากเจียวเจียว เนื้อหาในข้อความสั้นๆง่ายๆ มี เพียงประโยคเดียว บอกผมว่ามีอะไรก็ให้ติดต่อหาคนที่ชื่อเงิน ห้าว หลังข้อความยังแนบเบอร์โทรและชั้นเรียนของเขามาด้วย เขาอยู่ข้างห้องผมนี่เอง
ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดไรมาก ไปเดินเล่น กับพี่สะใภ้ต่อ จนค่ำแล้วพวกเราจึงกลับไปด้วยกัน แต่คิดไม่ ถึงว่าเวลานี้กลับได้รับโทรศัพท์อีกสายหนึ่ง เป็นสายจากจ้าวชิง ชิง ขณะที่รับสายนั้นผมมาถึงหน้าโรงเรียนพอดี
“ฮาโหล ชิงชิงใช่ไหม มีอะไรหรือเปล่า
“เฉินเฉียงนายไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม นายระวังหน่อยนะ หวัง เหล่ยเรียกพวกมาเยอะมาก ต้องมาจัดการนายแน่ๆ นายห้าม กลับมาเด็ดขาดนะ ไม่อย่างนั้นต้องเกิดเรื่องแน่ๆ จำไว้นะ”จ้าว ชิงชิงเอยอย่างร้อนรน
ผมตะลึงงันไปเลย ไอ้หมอนี่เรียกพวกมาจัดการผมเร็วขนาดนี้ เลย บัดซบ เห็นทีต้องรีบหาทางเอาตัวรอดสักแล้ว
“ฉันรู้แล้ว ขอบใจเธอมาก ฉันจะระวัง” ผมตอบกลับจ้าวชิงชิง ไปประโยคหนึ่ง ก่อนจะกดวางสาย
หลังวางสายแล้ว ผมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตัดสินใจจะบอกพี่ สะใภ้ไป ตอนนี้ผมค่อนข้างไว้ใจพี่สะใภ้ เพราะยังไงเธอก็ไม่ ทำร้ายผมอีกแล้ว แต่เรื่องแบบนี้เธอเองก็จัดการไม่ได้ ผมคิดว่า หาคนอื่นดีกว่า
หลังจากเดินเข้ามาในโรงเรียน พี่สะใภ้ก็ไปที่ห้องพักครู และยังกำชับให้ผมตั้งใจเรียนด้วย ผมพยักหน้ารับ ทว่าไม่ได้ไป ห้องเรียน แต่ไปหาเฉินห้าวที่ห้องข้างๆก่อน ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึก ประหลาดใจไม่น้อยกับสิ่งที่จู่เจียวเจียวบอก แต่ผมก็ตัดสินใจ เชื่อเธอ สมัยม.ต้นเธอดูแลผมมาโดยตลอด ไม่เคยหลอกผมมา ก่อน ผมเชื่อว่าครั้งนี้ก็เหมือนกัน ในเมื่อเธอบอกว่าเฉินห้าวไว้ใจ ได้ งั้นผมก็ไปให้เฉินห้าวมาช่วยดีกว่า
เมื่อมาถึงห้องข้างๆ ผมได้ถามนักเรียนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้าง ประตู บอกว่าผมมาหาเฉินห้าว ผมเขาว่าคือคนไหน นักเรียนคน นั้นมองหน้าผมแวบหนึ่ง เหมือนกำลังไตร่ตรองอะไรบางอย่าง หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็หันไปหานักเรียนคนหนึ่งในห้องที่มีรูป ร่างสูงใหญ่ พลางร้องขึ้น “พี่หาว มีคนมาหาพี่
เมื่อนักเรียนคนนั้นได้ยิน ก็เดินออกมาจากห้องเรียน พร้อมกับ มีเพื่อนอีกสองคนตามติดมาด้วย ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีฐานะ ท่าทาง เจียวเจียวไม่ได้หลอกผมจริงๆ เฉินห้าวคนนี้เป็นคนที่ไว้ใจได้และ มีฝีมือด้วย แต่ผมแปลกใจจริงๆว่าฉู่เจียวเจียวเป็นอะไรกับเขา ทำไมผู้หญิงเรียบร้อยอย่างเธอถึงได้รู้จักคนอันธพาลอย่างเฉิน ห้าวได้ ไม่เข้าใจเลย และตอนนี้ก็ไม่มีเวลาคิดแล้วด้วย
“ฉันคือเฉินห้าว นายเป็นใคร”เฉินห้าวมองหน้าผมพร้อมเอ่ย ถาม ในน้ำเสียงปนไปด้วยความดูถูกเล็กน้อย
“ฉันชื่อเฉินเฉียง ฉู่เจียวเจียวบอกให้ฉันมาหานาย มีเรื่อง อยากรบกวนนายหน่อย”ผมรีบเอ่ย
“ฉู่เจียวเจียว? นายคือไอ้น้องเฉินเฉียงนี่เอง ขอโทษที่เสียมารยาทนะนายก็คือน้องชายของพี่เจียวนี่เอง วางใจเถอะ น้อง ชายของพี่เจียวก็คือน้องชายของฉัน น้องชายของพี่เจียวมีเรื่อง ก็เหมือนฉันมีเรื่อง ไม่ว่าปัญหาอะไรพี่ชายของนายก็จะช่วยนาย จัดการให้หมด” ทันทีที่เฉินห้าวได้ยินเจียวเจียวสามค่นี้ ท่าที ของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคารพขึ้นมาทันที ราวกับหนูเจอแมวยังไง ยังงั้น
“จริงหรือ แต่เรื่องบางเรื่องฉันเกรงว่านายจะจัดการให้ไม่ได้ เพราะมีคนที่เก่งมากคนหนึ่งเรียกพวกจะมาทำร้ายฉัน” ผมแสร้ง ทำเป็นลังเลพร้อมพูดกับเขา เพื่อกระตุ้นเขา
“ล้อเล่นนา ในโรงเรียนนี้มีเรื่องที่คนอย่างฉันจัดการไม่ได้อีก งั้นหรือ มันอยู่ไหน นายพาฉันไปหามันได้เลย ถ้ามันกล้าทำอะไร นายล่ะก็ วันนี้ฉันนี่แหละจะส่งมันไปพบยมบาลเอง”เฉินห้าวพูด อย่างเกรียงไกรสุดๆ
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ ผมก็สบายใจแล้ว เห็นแผนการ กระตุ้นของผมได้ผลมากทีเดียว ผมจึงได้เล่าเรื่องของหวังเหล่ย ให้เขาฟัง ในระดับชั้นของพวกเราหวังเหล่ยก็ถือว่ามีชื่อเสียงพอ สมควร เฉินห้าวก็ต้องรู้จักอยู่แล้ว แต่ที่เหนือความคาดคิดของ ผมก็คือ หลังจากที่เฉินห้าวได้ฟังเรื่องของเขาแล้ว กลับไม่ได้สูญ เสียความมั่นใจเลยสักนิด ทั้งยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ บอกผมว่ากลับไปได้เลย เมื่อไปถึงที่ห้อง เขาจะช่วยผมจัดการ เรื่องนี้อย่างรวดเร็ว
“อย่าว่าแต่หวังเหล่ยคนเดียวเลย ต่อให้มีหวังเหลียอีกสามคน ฉันก็ไม่เห็นมัน ในสายตาหรอก ไอ้กระจอกนี่มันใจกล้าจริงๆแม้แต่คนของพี่เจียวมันก็ยังกล้ามาแตะต้อง เห็นที่ฉันต้องแสดง ฝีมือ ให้มันดูหน่อยสักแล้ว”เฉินห้าวพูดอย่างเกรียงไกรสุดๆ ก่อน จะกลับไปที่ห้องเรียนพร้อมกับผม
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ