บทที่9 อีกมุมที่คนอื่นไม่รู้
เขาชะงักมือไปสักพัก ไม่ได้พูดอะไร แต่ฉันรู้สึกได้ว่าหลังจากนี้ เขาก็เบามือลงมาก
ฉันนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ยาวมองดูการกระทำของเขา คิดในใจเขา ไม่พูดก็ดูไม่ได้แย่ขนาดนั้นเหมือนกันหน
“ตัวใหญ่ขนาดนี้แล้ว ยังดูแลตัวเองไม่ได้อีก ทำตัวเหมือนเด็ก ไปได้” เขาเอ่ยพูดขึ้นหลังจากที่ติดแผล ให้ฉันเสร็จ แล้วเขาก็ กลับมาหยิบโตนัทชิ้นที่เหลือไปกิน
ฉันตกใจตาค้าง โดนัทที่เขาหยิบเป็นรสสตรอว์เบอร์รี่แล้วมัน ก็เป็นอันที่หวานที่สุด ไม่ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะไม่ชอบกินอะไร หวานๆ ไม่ใช่หรอ
“ทำไม เธอกินได้คนเดียวหรอ ฉันกินไม่ได้ไง” อาจเป็นเพราะ ฉันแสดงออกมากเกินไป เขาเลยกินไปด้วยอธิบายไปด้วย “เพราะเสี่ยวหว่าน เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับแก ทุกครั้งที่ ฉันเลิกงานก็เลยต้องซื้อโดนัทกลับไปเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ก็ เด็กนี่เนอะ คงจะชอบกินขนมหวาน เมื่อฉันเห็นเธอร้องไห้ ก็เลย ลองทำแบบนี้ดูเผื่อว่าเธอจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ดูเหมือนจะได้ผล เหมือนกัน”
ฉันที่กำลังจะแซวเขา ก็ต้องกลืนคำพูดตัวเอง ไม่คิดว่าคุณจะ ง้อเด็กเป็นด้วย”
เขาหยิบทิชชูมาเช็ดปาก แล้วยกยิ้ม “สถานการณ์มันบังคับ ไม่มีทางเลือก”
ฉันกลัวว่าเขาจะวกกลับไปที่เรื่องเดิมเหมือนเมื่อเช้า ฉันจึงเอ่ย บอกเขา “วันนี้ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยฉันเอาไว้ คุณรีบกลับบ้าน เถอะ เดี๋ยวปล่อยเสียวหว่านรอนานๆ เดี๋ยวแกก็ไม่พอใจอีก หรอก”
ได้ยินดังนั้น เขาก็หันหน้ากลับมามองฉัน แล้วเอ่ยพูดขึ้น “คุณ เฉียว เธอก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ได้เป็นคนใจบุญ วันนี้ที่ฉันช่วยเธอ ไม่ ได้เป็นเพราะว่าทนดูไม่ได้ ถ้าเป็นคนอื่นฉันไม่มีทางเข้าไปยุ่ง และการที่ฉันเข้าไปช่วยเธอก็เพราะฉันจริงจัง ฉันจะบอกเธออีก รอบเรื่องที่ฉันต้องการจะรับผิดชอบ ฉันพูดจริงๆ เพื่อหนีการนัด บอดที่ไม่จําเป็น และเพื่อให้พ่อแม่เธอสบายใจ เธอกับฉันเรามา ทำข้อตกลงกันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเธอ
เขาพูดด้วยสีหน้าแววตาจริงจัง
ตอนฉันมาที่นี่แรกๆ เป็นเพราะงานด้านอาคารไม่ค่อยมั่นคง และทำให้สถาปนิกมากมายหันไปทำงานอย่างอื่น และฉันที่ยัง เป็นมือใหม่ก็ต้องหางานอื่นทำ เลยได้ไปทำงานตำแหน่งเลขาที่ เหล่นซี ถึงแม้จะเป็นแค่ผู้ช่วย แต่เกาหุ้ยก็ดูแลฉันเป็นอย่างดี สามปีมานี้ เงินและค่าใช้จ่ายทุกอย่างของฉันก็มาจากงานนี้
แต่ที่ไม่เหมือนเมื่อก่อนก็คือ ฉันกับสังหมิงเฉิงเราตัดขาดกัน แล้ว หลังจากนี้ค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่ากินฉันต้องเป็นคนออกเอง ทั้งหมด ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีปัญญานี้มั้ย แต่สิ่งที่เขาพูดมันก็ถูก ถ้าฉันอยากจะหลุดพ้นจากเฉียวปิ้งเหลียน ฉันต้องแต่งงาน กับเขา และฉันก็ไม่มีทางเลือกที่สองให้เลือก
แต่การที่จะให้ฉันแต่งงานกับคนที่ฉันเพิ่งรู้จักได้ไม้นานแบบนี้
และเขาก็เป็นบอสของฉัน……
“คุณเองก็ต้องให้เวลาฉันได้คิดบ้าง และระหว่างนี้ก็ห้าม หยุดงานฉันด้วย”
สายตาที่เขามองฉันก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนมากขึ้น “งั้นเธอคง ต้องบอกระยะเวลาให้ชัดเจน งานแต่งก็ต้องใช้เวลาในการเตรี ยมมากอยู่เหมือนกัน”
ฉันตกใจ นี่มันกดดันกันชัดๆ
ฉันไม่ได้ตอบกลับเขา
เขาพาฉันมาส่งที่โรงพยาบาล อาจเป็นเพราะเขาไม่มั่นใจใน ฝีมือการทําแผลของตัวเอง
หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันกำลังคิดว่าคืนนี้กลับไป จะบอกเรื่องนี้กับคุณหยาวยังไง แล้วก็ได้ยินเสียงเขาถามขัดขึ้น “คิดอะไรอยู่ ฉันจะกลับไปทำงานต่อที่บริษัท เดี๋ยวจะได้แวะไปส่ง เธอที่บ้านด้วยเลยทีเดียว”
แวะไปส่งหรอ เขารู้หรอว่าบ้านฉันอยู่ไหน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ