บทที่ 1 หญิงสาวชวนคุย
ณ เมืองเจียงเฉิง สถานที่ซึ่งมีฝนตกปรอยตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ จีน แม้จะไม่ได้คึกคักอย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้หรือกว่างโจว แต่ทว่า เมืองฝนปรอยที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจีนนี้กลับดูมีมนต์เสน่ห์ ทั้ง วิวทิวทัศน์ ผู้คน วัฒนธรรมและเศรษฐกิจก็ถือว่าไม่เลว
สนามบินนานาชาติเจียงเฉิง ร้านร้านไก่สไตล์คันทรี่
“คุณสวยคนนี้ ผมขอนั่งตรงนี้ได้มั้ย?” เชิวถามอย่างหลาดๆ
ที่นั่งอยู่ตรงข้ามคือหญิงสาวผู้หนึ่งที่มีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ใบหน้าเรียวรูปไข่ คิ้วโค้งโก่ง ริมฝีปากบางถูกแต่งแต้มด้วย ลิปสติกสีสดงดงาม ดวงตาราวพระจันทร์เสี้ยว ผมที่ดูนุ่มสลวย ยาวประบ่า สวมชุดกระโปรงยาวสายเดี่ยวลายแถบลวดลาย วิจิตรงดงามแนวกระดูกไหปลาร้าได้รูปและน้ำหอมที่พรมอยู่ บางเบาได้ส่งกลิ่นปกคลุมออกมา เชิวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม สามารถมองเห็นต้นขาขาวยาวข้างล่างที่หุบชิดกันผ่านใต้โต๊ะได้
หญิงสาวที่กำลังเอาเฟรนช์ฟรายจ่มซอสมะเขือเทศ เงยหน้า ขึ้นมาสบตากับเย่ชิวจากนั้นจึงพยักหน้าให้เบาๆ
หญิงสาวคนนั้นดูท่าจะพอใจกับรูปร่างหน้าตาของเชิว รูป ร่างสูง178 เซนติเมตร มีผิวสีแทนรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ที่ สำคัญคือชายหนุ่มคนนี้ไม่มีท่าทางเสแสร้งโอ้อวดเหมือนผู้ชาย ในเมืองใหญ่ หรืออาจจะเป็นเพราะชุดสีฝุ่นที่เขาสวมและมือที่ กําลังก๋าถุงผ้ากระสอบอยู่กันนะ?
“ฮิฮิ คุณปู่ผมบอกว่าหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตางดงามส่วน มากจะใจดี เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย ผมชื่อเยซิว เที่หมายถึง ใบไม้ ชิวที่หมายถึงฤดูใบไม้ร่วง” เชิวที่ได้รับการอนุญาตจาก หญิงสาวก็นั่งลงอย่างสบายใจ
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเชิว เมื่อเวลายิ้มเห็นฟันขาว เรียงสวยราวพระจันทร์เสี้ยว ในใจก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา
“ฉันชื่อหลินชิงเยว่ นายจะไปทำงานที่ไหนเหรอ?” หลินชิงเยว่ หยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดนิ้วมือ และจดจ้องเยซิวอย่างสนอกสนใจ
พอได้ยินคำถามแบบนี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกเยซิวก็รู้สึกถึงความ สนิทที่ใกล้ชิดเข้ามาอีก “ผมไม่ได้มาทำงาน ผมมาเรียนหนังสือ
“เรียนหนังสือ?”
“อืม” เชิวพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
“นายเนี่ยนะ?” หลินชิงเยวเบะปากอย่างดูถูก “นายจะไป ทำงานก็ได้ หรือจะไปคุยเตาะกับผู้หญิงก็ได้ แต่เรียนหนังสือนี่…
“แล้วทําไมนายอยากมานั่งตรงข้ามฉันหล่ะ? ข้างหน้าก็ยังมีที่ ว่างหนิ” หลินชิงเยว่เอามือยันคางถาม แล้วมองไปยังเชิวที่ เอาแต่นั่งก้มหน้ากินน่องไก่
“เพราะพี่สวย”
“พรืดด” หลินชิงเยว่กลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่อยู่ “นายอยากจะ เต๋าะฉันเหรอ?”
“อืม ผมแค่รู้สึกว่ากลิ่นบนตัวของพี่สาวหอมดีได้กลิ่นแล้วรู้สึก ผ่อนคลาย แล้วหลังจากที่ได้กินอะไรแล้วก็รู้สึกมีพลังขึ้นอีก ร้าน ไก่สไตล์คันทรี่นี่เมื่อก่อนเห็นแต่ในทีวี คิดไม่ถึงเลยว่าไก่ทอด ของร้านไก่สไตล์คันทรี่นี่จะอร่อยกว่าฝีมือแม่หม้ายหลิ่วของ ชนบทเรา” เย่ชิวไม่ห่วงภาพลักษณ์ของตนเอง เอานิ้วมือทั้งห้า ดูดเข้าไปในปาก
หลินชิงเยว่เป็นคนที่มีความมั่นใจในรูปร่างหน้าตาที่สวยตาม ธรรมชาติของตัวเอง คนที่คิดอยากกินตับกับเธอก็มีถมไป ทว่า แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีคนที่ซื่อตรงอย่างเยชิวเลยสักคน จึงรู้สึก ดีต่อเย่วขึ้นมาไม่น้อย
“งั้น น้องชาย นายกินน่องไก่เสร็จแล้วยังอยากทำอะไรอย่าง อื่นอีกมั้ย?” หลินชิงเยวยิ้มหวาน ใส่เยซิว ริมฝีปากสีแดงช่างดู เย้ายวน อีกทั้งกลิ่นกายหอมๆบนตัวเธอก็ลอยเข้าจมูกมาเป็น ระยะ ช่างน่าดมเสียจริง
เยซิวเงยหน้าขึ้นมามองหลินชิงเยวก็เกิดความรู้สึกที่หลาก หลาย แป๊ปเดียวหน้าก็แดงขึ้นมา “ตอนผมมาที่นี่คุณปู่บอกว่า อย่าเสียเวลากับผู้หญิง ไม่งั้นจะแย่เอาได้”
หลินชิงเยว่เห็นเย่ชิวเป็นคนซื่อๆ จึงอดยิ้มไม่ได้ “คุณปู่นายจะ ไปรู้ได้ไง? แย่จริง นายเห็นว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ ผู้หญิงแบบนั้นไม่ได้ดูดีแบบพี่สาว ฮิฮิ คุณปู่บอกว่า ผู้ชายไม่ร้าย ผู้หญิงไม่รัก
“งั้นนายจะใจร้ายกับฉันเหรอ?” ทันใดนั้นหลินชิงเยวก็ลุกขึ้นสะโพกงามงอนเบียด ต างหูเย่ ว
เชิวกลืนโค้กลงคองเลือก หลังจากนั้นจึงพูดเบาๆว่า “ใช่”
“ไม่มีทาง” หลินชิงเยว่ได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกพอใจในแผนของตัว เอง แป๊ปเดียวก็ยิ้มออกมาแบบชนิดทําให้ใจสั่น จากนั้นเอามือ ปิดปากเบาๆแล้วพูดว่า “น้อยเชิว นายช่างซื่อสัตย์จริงๆเลย
เห็นหลินชิงเยวดีใจ เย่ชีวก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา “ใครๆ ก็พูดว่าคนที่หน้าตาดีมักจะชอบโกหก ที่แท้คุณก็เป็นแบบนั้น
“ไอ้หยา ฉันแค่หยอกเล่นเอง เพราะเห็นว่าเรามีวาสนาต่อกัน หรอกนะ ยื่นมือออกมาได้ป่าว?” หลินชิงเยวยื่นมือออกไป รอให้ เย่ชิวยื่นมือออกมา
“ทำไรอ่ะ?”
“เช็คแฮนด์ส”
เย่ชิวเพิ่งถูกหลอก ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่มีความกระตือรือร้น อยากจะทำ จึงยื่นมือออกไปอย่างหงุดหงิด พริบตาก็ถูกหลินชิง เยว่คว้าเอาไว้ จากนั้นจึงใช้นิ้วเขียนอะไรบางอย่างติดกันลงไป บนฝ่ามือของเย
“เอาหล่ะ ไม่ว่ายังไงฉันก็บอกเบอร์โทรของฉันให้นายไปแล้ว ส่วนนายจะจำได้มั้ยอันนี้ฉันไม่สน” หลินชิงเยวพูดจบก็สะบัด สะโพกเดินจากไป ตอนออกจากประตูก็หันกลับมายิ้มหวานเกิน บรรยายให้เย่ชิว
“17708….เชิวพึมพำอยู่ในปาก แม้ว่าคนทั่วไปจะไม่รู้ว่าหลินชิงเยว่เขียนอะไรลงไป เพราะเขียนทั้งเร็วทั้งลวกขนาดนั้น แต่ความจำของเยซิวก็ดีกว่าคนทั่วไป ดังนั้นจึงจำเบอร์โทรศัพท์ นี้ได้
ถึงตอนนี้ก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินคุยกระหนุงกระหนิงผ่านเว ไป ผู้ชายน่าจะอายุประมาณสามสิบปีขึ้นไป รูปร่างไม่สูงแถมยัง อ้วนแล้วยังใส่แว่นตาคู่นึงอีก แต่ผู้หญิงกลับดูหน้าตาดี อีกทั้งยัง สวมกระโปรงสีขาวสั้นจุ๊ดจู๋ ข้างบนก็สวมเพียงเสื้อเกาะอก ระหว่างเดินก็คอยพูดกระหนุงกระหนึ่งข้างหูผู้ชาย ผู้ชายก็ไม่ได้ หลีกเลี่ยง มือใหญ่ข้างหนึ่งก็เอาแต่ลูบไล้ไปทั่ว
“คนในเมืองซับซ้อนมาก” เยซิวคิด ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่บังคับ ให้ตัวเองมา ก็อยากจะอยู่แต่ชนบท
เยซิวที่กำลังใจลอยมองคู่ชายหญิงคู่นั้น ในใจพลันนึกถึง ความทรงจำตอนที่อยู่ชนบทอยู่นั้น จู่ๆหญิงสาวคนนั้นก็ตะโกน
ขึ้นมา “มองอะไรของแก ไม่เคยเห็นคนสวยรึไง?
ฉับพลันเยซิวก็ตกใจหลุดจากภวังค์ ในใจก็คิดว่าหลินชิงเยว่ ยังไม่หลงตัวเองขนาดนี้เลย ผู้หญิงคนนี้แม้รูปร่างหน้าตาจะไม่ เลว แต่เมื่อเทียบกับหลินชิงเยวแล้วก็คนละขั้นกันเลย คาดไม่ ถึงว่าจะหลงตัวเองขนาดนี้
“พี่สาวท่านนี้ ผมคิดว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้ต้องคุณอยู่
อีกทั้งคุณก็ไม่ได้สวยอะไรขนาดนั้น” เย่ชีวตอบออกมาตามจริง “ที่รัก คุณได้ยินมั้ยไอ้บ้านนอกคนนี้กำลังดูถูกฉันอยู่ เร็ว รีบ จัดการให้ที ฮือฮือ…” ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปออดอ้อนผู้ชายร่างอ้วนที่อยู่ข้างกาย
“รีบขอโทษนังหนูของฉันเดี๋ยวนี้ แกรู้ข่าวว่าฉันคือใคร?” ผู้ชายคนนั้นที่จริงไม่อยากสนใจเรื่องนี้ แต่ก็ไม่อยากขัดใจผู้หญิง จึงทำได้เพียงใช้คำพูดขึ้นมา
“ผมจะรู้มั้ยว่าคุณคือใคร? พ่อคุณคือประยุทธ์เหรอ?”
“แกรอก่อนเถอะ”
ผู้ชายเห็นว่าเยซิวไม่มีทีท่าสนใจแม้แต่น้อย ก็รู้สึกโมโหขึ้นมา ทันใด ในมือคว้าแก้วน้ำโค้กขึ้นมาแล้วสาดออกไปทันที
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ