อาจารย์ผู้ทรงอ่านาจเข้าเมือง

บทที่ 14 ข้าน้อยคือจ้าวเย่อเที่ยว



บทที่ 14 ข้าน้อยคือจ้าวเย่อเที่ยว

“ซื้อหาน เมื่อตะกี้ฉันปลื้มสุดๆเลยละ ขอบคุณนะที่ช่วยฉันไว้” เย่ ชิวทำท่าเรื่องเหมือนลูกแมว เอาหัวตั้งบนโต๊ะ จ้องมองลั่วซื้อ หานอย่างตั้งใจ

“อย่ามาเสแสร้ง จางห้าวควรจะขอบคุณฉันมากกว่า”

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอบคุณเธอแทนจางห้าวละกัน” เชิวเริ่ม ชอบล้วซือทานขึ้นมาแล้วละ ที่แท้เด็กผู้หญิงที่ทุกทีเป็นคนที่เย็น ชา เหมือนคนที่ไม่สนใจสิ่งใดๆบนโลก จริงๆแล้วในใจเหมือน กับกระจกใส ไม่ว่าเรื่องอะไรก็มองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

“อย่ามาตีสนิท” ลั่วซือหานกลับมาพูดในน้ำเสียงที่เย็นชา รู้สึกได้ถึงความเย็นที่ตามมา

“พี่ซ๊อหาน วันนี้เป็นเพราะเธอ ฉันเลยต้องทำผิดกับคน

มากมายขนาดนี้ ถ้าพวกมันเรียกคนให้มาที่ฉันจะทำยังไง?

“ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน” ลั่วซื้อหานพูดออกมานิ่งๆ

เย่ชิวเริ่มจะลำบากใจขึ้นมาอีกแล้ว ดีได้ไม่ถึงสามวินาทีจริงๆ กำลังชื่นชมเธอ ดันกลับมาเย็นชาใส่กันเฉยเลย

เมื่อพระอาทิตย์ตกดินแสงสีแดงค่อยๆจางลงและแสงสีทอง อ่อน ๆ ค่อยๆหายไปบนขอบฟ้า ในขณะนั้นเองที่ประตูปากทาง เข้าของมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง จางห้าวและพรรคพวกถือบุหรี่ใน มือเฝ้ารอคอยเวลาเลิกเรียน
จางห้าวมองดูกลุ่มลูกน้องข้างหลังที่มีบาดแผลตามตัว ติดผ้า พันแผล ยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้าผมทองบนหน้าข้างหนึ่งบวมขึ้นมา เหมือนหมั่นโถ แต่ว่าพอคิดได้ว่าหน้าของตัวเองคงไม่ดูดีไปกว่า นี้แล้วละ อย่างน้อยก็ดีที่ระงับความโกรธไว้ได้

“โหวจื่อทำไมพี่เปียวยังไม่มาอีก?” จางห้าวถามด้วยความ สงสัย ด้วยตำแหน่งของตัวเองแล้ว เรื่องแบบนี้หวางเปียวต้อง ออกมาจัดการด้วยตัวเอง แต่ว่าทำไมถึงส่งลูกน้องกับพรรค พวกอีกหนึ่งกลุ่มมาได้ละ จางห้าวรู้สึกไม่ค่อยสบายใจสักเท่า ไหร่

โหวจื่อมองไปที่จางห้าวแล้วพูดอย่างนอบน้อม “พี่เปียวมีเรื่อง ที่ต้องจัดการนิดหน่อย ก็เลยเรียกให้ผมพาลูกน้องมาที่นี่ ไม่ต้อง ห่วง เรื่องที่ว่าเป็นไปตามที่นายบอก ประโยคที่ว่านายโดนตีโดน ทําร้าย” โหวจื่อพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา แต่ในใจก็รู้สึกไม่ ค่อยสบายสักเท่าไหร่ ใครจะอยากออกมาเดินกลางถนนทั้งที่ หน้าบวมแบบนี้ละ ให้ตายเถอะ เมื่อคืนพึ่งโดนต่อยมา ตอนนี้ ออกมาต่อยคนอีก ใครจะไปรับได้ ถ้าไม่ใช่ว่าเห็นแก่ความ สัมพันธ์ระหว่างพี่เปียวกับจางห้าวที่แน่นแฟ้น เพราะว่ายังต้องพึ่ง พ่อของเขาเพื่อที่จะตั้งหลักได้ในเมืองเจียงเฉิง ป่านนี้โหวจื่อ ปล่อยเรื่องนี้ไปแล้วละ

หวางเปียวเป็นนักเลงใต้ดินมาตลอด แต่ก็อยู่ภายใต้อำนาจ บางคน จนกระทั่งมาพบกับจางห้าวในงานเลี้ยงครั้งนั้น ได้รู้ว่า พ่อของเขาเป็นผู้ว่าราชการในเขตเปียซาน ในตอนนั้นเองก็ค้น พบทิศทางใหม่ของชีวิต เริ่มตีสนิทเข้าหาจางห้าว หาเงินหาสาวๆมาให้เรื่องพวกนี้เป็นแค่เรื่องเล็ก ขอแค่จางห้าวเอ่ยปาก เพียงคำเดียว ก็ต้องส่งลูกน้องไปคุ้มกันเขาทันที เพราะฉะนั้นไม่กี่ ปีที่ผ่านมาเวลาจางห้าวอยู่ในโรงเรียนจะไม่มีใครมาแตะต้องเขา ได้

ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่ว่าพี่เปียวสภาพแย่จนไม่เหมาะที่จะออกมา พบปะผู้คน เขาจะพาพรรคพวกมาด้วยตัวเองอยู่แล้ว

“โหวจื่อ ถึงเวลาพวกนายต้องระวังหน่อยนะ อย่าให้เอาให้ถึง ตาย เอาแค่ขามันข้างหนึ่งก็พอ” จางห้าวรู้ดีว่าถึงเวลาพวกนี้ จัดการไม่เบามือแน่นอน แล้วก็ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ ถึง เวลานั้นไม่รู้ว่าจะสู้หน้าจั่วซื้อหานยังไง และที่น่ากลัวไปกว่านั้น คือจะทำให้พ่อลำบากไปด้วย

โหวจื่อรู้หน้าที่เป็นอย่างดี พูดประจบประแจงว่า “วางใจเถอะ คุณชายจาง พวกเรารับประกันว่าจะไม่ทำให้นายกเทศมนตรีจาง เกิดความวุ่นวายแน่นอน

“ทําได้ดี ฉันแยกย้ายก่อนนะ” จางห้าวพูดเสร็จก็เดินแยกออก ไปอีกทางกับพวกนักเรียนบางส่วน เดินออกไปได้ไม่นานก็โทร มาหาโหวจื่อ

“โหวจื่อ เป้าหมายออกมาแล้ว มาคนเดียว เดินมาจากประตู หลัง” พอโหวจื่อได้ยิน รีบสั่งให้ลูกน้องข้างหลังขับรถ ตู้Wulingเพื่อไปกั้นทางประตูด้านหลังทันที

เยซิวมีความกลุ้มใจอยู่พอสมควร ตัวเองคิดว่าการเป็น หัวหน้าห้องมันง่ายนิดเดียว แต่ว่าก่อนเลิกเรียนก็พึ่งมีเรื่องกับผู้ชายพวกนั้น ใครๆก็คิดว่า เย่ชีวก็เหมือนน้องสาวของเขาที่ไม่ ค่อยสนใจอะไรอยู่แล้ว แต่ผู้หญิงพวกนั้นบอกว่ายังไงก็ได้ ใคร ก็ได้ที่มีความสามารถพอที่จะเป็นอย่างน้อยพวกหัวแข็งก็มีกันไม่ กี่คน

คิดได้ว่าอีกหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ก็จะเริ่มการคัดเลือกแล้ว นึกถึงท่าทางออดอ้อนของซว เขียว ถ้าหากว่าเราไม่มีคะแนน เสียงพอที่จะได้เป็นหัวหน้าห้องละ ต้องพลาดโอกาสที่จะคบกับ สาวสวยแน่ๆ คิดถึงตอนนี้ เชิวก็กัดริมฝีปากอย่างรุนแรง เพื่อผู้ หญิงต้องคว้าเอาตำแหน่งหัวหน้าห้องมาให้ได้ เพื่อทำให้ ห้องเรียนได้เกียรติยศดีเด่น ตำแหน่งหัวหน้าห้องต้องยกให้เขา เท่านั้น

นึกถึงเรื่องนี้ รู้สึกเหมือนว่ากำลังทำให้อารมณ์เสียขึ้นมายังไง อย่างนั้น ร่างกายก็รู้สึกร้อนขึ้นมาทันที เดินมาตามทางอย่าง สบายๆ ทีแรกคิดว่าจะนั่งรถกลับบ้านพร้อมกับหลินซินเยว่ แต่ ว่ายัยนั่นยังเรียนอยู่เลย คงทำได้แค่เรียกรถกลับคนเดียวแล้วละ

“ทำไมคนนี้หน้าตาคุ้นๆจังเลย?” โหวจื่อมองเห็น เชิวที่กำลัง เดินตรงมาทางที่ตัวเองยืนอยู่ เอ้อระเหยลอยชายอย่างเห็นได้ชัด

“นี่ไม่ใช่จ้าวเย่อเที่ยวหรอกเหรอ?” ลูกน้องอีกคนที่อยู่ ข้างหน้าพูดออกมาด้วยเสียงสั่นกลัว ในที่สุดภาพแต่ละฉากที่ เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาทันตา

“ให้ตาย หากันมาตั้งนานทำไมดันมาเจอง่ายๆแบบนี้ละ ฉันอุตส่าห์ไปหาคณะศิลปะศาสตร์ของเจียงเฉิงไม่กี่รอบ แท้หมอนมาอยู่นี่นี่เองโหวตาลุกเป็นวาว อย่างกับ รอโอกาสนาน

เยซิวเหมือนกัน มองแล้วคุ้นอยู่ในเมืองเจียงเฉิงนอกสาวทั้งหลายแล้ว รู้สึกว่าตัวเองก็เพื่อนคนไหนแล้วละ เย่ชีว ค่อยนึกละนิด ทันใดคิดออกมาทันที

นี่มันไอพวกตะพาบน้ำที่ถูกต่อยไปเมื่อคืนไม่ใช่หรอ

“จ้าวเย่อเที่ยว กล้าออกแล้วหรอ ฉันหาแกตั้ง กรอบ พกอาวุธครบมือเดินตรงหน้า เย่ชิว แล้วพูด อย่างน้ำโห

เชิวเห็นพวกเดินนำหน้ากลุ่มเต็มไปด้วยบาดแผล เดินเก้กังๆนึกแล้วอยากจะหัวเราะออกมา

ทำไม” เยซิวมองเห็นจางห้าวที่แอบอยู่หลังและพูดออก มาอย่างไม่กลัวฟ้าไม่กลัวฝน

จางห้าวเห็นว่าโหวจื่อรู้จักกับ เย่ชิว ดูเหมือนความแค้น กัน ในเวลานั้นไม่คิดแอบอีกต่อไป เดินออกอยู่หน้าโหว จื่อแล้วพูดออกมา ทำไมแกเหมือนว่าจะชื่อ เย่ชิว ไม่จ้าวเย่อเที่ยวนะตอนไปหาที่คณะศิลปะศาสตร์ตั้งนานก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย ที่แท้ก็ ตั้งใจพูดชื่อปลอมลอยๆขึ้นมาละสิ

“ทำไม? ไม่ทราบว่าพวกพี่ๆ ตั้งใจจะมาก่อเรื่องกันเหรอ?มันกัน เยอะแยะเลย?” เยซิวมองพวกที่อยู่ข้างหลังโหวจื่อที่มีกันอยู่ ประมาณสิบกว่าคน แล้วยิ้มอย่างเยาะเย้ย

ได้เห็นรอยยิ้มที่น่าโมโหของ เชิวในใจของโหวจอก็ไม่ยอม ก่อนหน้านี้จางห้าวบอกมาแค่ว่าให้มาจัดการเด็กใหม่แค่คน เดียว ใครจะไปรู้ว่าที่แท้คือ เชิว ก่อนหน้านี้ตอนพาพรรคพวก ไปที่คณะศิลปะศาสตร์ไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบแปดสิบคน

“กลัวซะที่ไหน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแค่สองกำปั้นของแกจะล้ม พวกฉันที่มีเยอะขนาดนี้ได้” จางห้าวพูดออกมาอย่างมั่นใจ โหว อมองค้อนไปที่เขาหนึ่งที ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ของ หวางเปียวละก็ ป่านี้รีบสลายตัวกันแล้ว

แต่ว่าโหวงื่อก็ไม่โง่สักเท่าไหร่ ถือว่ามีพวกเยอะ คิดซะว่าถ้า ไม่สําเร็จอย่างน้อยก็ทำให้ เย่ชิวเจ็บตัวสักหน่อย ยังดีกว่ากลับ ไปมือเปล่า พี่เปียวก็คงจะทำตัวไม่ถูก

“พวกแก อย่าไปกลัว กล้าได้ก็กล้าเสีย อดตายมันเรื่องเล็ก ก็ แค่ไอก้าง มีไหล่เอาไว้เป็นฐานสมอง กลัวซะที่ไหน” โหวจื่อพูด ต่อหน้าลูกน้องเพื่อให้สึกเพิ่มขึ้นมา

“ใครกล้า? จางห้าว นายไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม? ฉันจะ บอกพ่อนาย นายอย่าคิดที่จะทำเชียว” จู่ๆก็มีรถออดี้สีแดงมา จอด หญิงสาวรูปร่างท่าทางอ่อนหวานลงมาจากรถ
“สาวสวยในเมืองเจียงเฉิงมีไม่น้อยจริงๆ” สาวใหญ่ที่ค่อยๆ เดินมาอย่างช้าๆ ใบหน้าขาวเหมือนไข่ห่าน จมูกโด่ง ตาโต รูป ร่างเหมือนกับนางแบบ แต่ว่าการแต่งตัวคล้ายกันกับซา เจียว เลย ทั้งเสื้อเชิ้ตสีขาวคู่กับกระโปรงสีดำ จะต้องเป็นอาจารย์ของ มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงแน่ๆ

ผู้หญิงคนนี้ไม่สวยเท่าทรงหว่านเยวเท่าไหร่ แต่ทว่ามองได้ ไม่เบื่อเลย ยิ่งมองยิ่งสวยเพียบพร้อม โดยเฉพาะแว่นสีม่วงที่อยู่ บนทั้งนั้น ยิ่งทำให้เธอดูสวยและฉลาดขึ้นไปอีก

สีหน้าของจางห้าวก็เปลี่ยนขึ้นมาทันที “อาจารย์ฉิน ผม…ผม แค่เล่นกันสนุกๆเท่านั้นเอง” จางห้าวไม่ใช่คนที่จะกลัวอาจารย์ อย่างแน่นอน เพียงแต่เบื้องหลังสาวสวยฉันต้องไม่ธรรมดา แน่นอน พ่อของเธอคือผู้บริหารคณะกรรมการเขตเทศบาล เพราะฉะนั้นจางห้าวที่ไม่รู้จักโตรีบคิดไตร่ตรองขึ้นมาทันที

“เล่นกันสนุกๆ? สนุกมากไหมที่เธอไปอยู่กลางผู้คนแบบนี้ เธอ เชื่อไหมว่าฉันจะฟ้องคุณอาจาง?” สาวสวยฉันตาโตมาก สวย จริงๆ เวลาที่มองใครคนนั้นจะเหมือนตกอยู่ในภวังค์เลยทีเดียว

“อย่านะ ผมไปแล้ว ผมจะรีบกลับบ้าน” จางห้าวส่งสายตาให้ โหวจื่อ มองดูจางห้าวที่กลัวผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน คิดว่าต้องเป็น คนมีหน้ามีตาในเมืองเจียงเฉิงแน่ๆ รีบพาพรรคพวกขึ้นรถตู้ ตอนอยู่บนรถยังหันไปหา เชิวและชี้นิ้วบอกว่า เรื่องนี้ยังไม่จบ

“คนสวย เธอก็อยู่มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงเหรอ?” เย่ชิวรีบถาม ทันทีที่เห็นสาวสวยกำลังหมุนตัวเตรียมขึ้นรถ เสร็จเรื่องไม่คิดจะบอกชือกันเลย

ในเวลานั้นเองสาวสวยก็หันหลังกลับมา ขยับแว่นตาเล็กน้อย พูดออกมาเบาๆ “ฉันชื่อฉันซื้อหนาน เป็นอาจารย์อยู่ที่นี่

“บังเอิญจัง ผมก็เป็นนักเรียนอยู่ที่นี่ ” เย่ชีวตาลุกวาวมองไปที่ ฉันซือหนาน ใบหน้าขาวๆแบบนั้นมองไม่เบื่อเลยจริงๆ

“จริงหรอ? บังเอิญจัง ทีหลังถ้ามีเรื่องอะไรรีบบอกหน่วยรักษา ความปลอดภัยเลยนะ” ฉันซื้อหนานยิ้มแบบเก้ๆกังๆแล้วเปิด ประตูรถ แล้วไม่หันกลับมาอีกเลย

“ชิ เย็นชาชะมัด” เย่ชิวบ่นออกมา นึกออกได้ว่าตัวเองได้รับ หน้าที่ไม่น้อยเลย แล้วยังเจอสาวสวยไม่น้อยเลย แต่ว่ายังเทียบ ไม่เท่ากับที่เจอในเมืองเจียงเฉิงสองวันก่อนหน้านี้

เชิวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะโทรหามู่หรงหว่านเยาว่า พอจะว่างมารับไหม ในเวลานั้นเองก็มีรถสีแดงรถยนต์จจอดอยู่ ข้างหน้า เย่ชิว

“ขึ้นรถซะ เจ้านักเลง”

นี่มันหลินซินเยวนี่ เย่ชิวรีบขึ้นรถอย่างไม่รีรอ

“เจ้าอันธพาล นายไม่กลัวฉันพาไปนายไปขายเลยเหรอ? เรียกให้ขึ้นรถก็ขึ้นทันที

“ไม่กลัวหรอก พี่สาวซินเยว่ขายฉันไม่ลงหรอก ฉันออกจะน่ารัก”
“เลิกอวดดีได้แล้ว ส่งข้อความไปหาพี่สาวหวานเยว หน่อย วัน นี้ไปทานข้าวที่บ้านฉันละกัน พี่สาวฉันทำกับข้าวที่บ้านพอดี

“ได้เลย” เย่ชิวรับคำสั่งทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ