อาจารย์ผู้ทรงอ่านาจเข้าเมือง

บทที่ 16 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ



บทที่ 16 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ

กลางคืนที่มืดมิด เยือกเย็นดั่งสายน้ำ

มองดูโตะที่เต็มไปด้วยจานแก้วที่ยุ่งเหยิง สองสาวตระกูลหลิน นั่งฟังอยู่ที่เก้าอี้ หน้าแดงแล้วก็พึมพำกับตัวเอง เย่ชีวก็มีความ รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมา

ดูๆแล้ว คิดว่าตัวเองควรจะช่วยล้างจานสักหน่อยแล้วละ เรื่อง เล็กน้อยแบบนี้ที่ เย่ชิวไม่เคยทำมาก่อน

“ไม่รีบๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มีคนมาเก็บกวาด พวกฉันขึ้นไปด้านบน ก่อนนะ” หลินชิงเยว่เห็น เยซิวที่กำลังเก็บกวาดโต๊ะรีบยื่นมือมา ห้าม เย่ชิวทันที

“พี่สาว ฉันขึ้นไปก่อนนะ ง่วงแล้ว” จากที่ดูๆแล้วหลินซินเยว่

น่าจะดื่มเหล้าได้แย่ที่สุด กินไวน์ไปแค่ไม่กี่แก้วหน้าก็แดงจนจำ

ไม่ได้แล้วว่าคือใคร เดินขึ้นบันไดก็สะดุดเดินเซไปเซมา

“ฉันช่วยประคองเธอเอง” เย่ชิวเห็นหลินซินเยวแบบนั้น รีบพุ่ง ตัวเข้าไปประคองทันที

หลินชิงเยว่ได้มาเห็นภาพแบบนี้แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ถ้า ไม่ใช่ที่ เย่ชิวดีกับซินเยวมาตลอด ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดี เด็กผู้ชาย คนนี้ดูดีสะอาด ดูท่าทางคล่องแคล่ว พอที่จะทำให้หลินซินเยว่ รู้สึกปลอดภัยที่อยู่ด้วย ในฐานะคนที่เคยผ่านอะไรมาก่อนอย่าง หลินชิงเยว่ ตอนนี้ได้แต่หวังให้ชีวิตหลินซินเยวข้ามผ่านอย่างมีความสุข โดยเฉพาะเรื่องของความรู้สึก

นึกถึงคนรักของตัวเองขึ้นมา น้ำใสๆ ในตาทั้งสองข้างของ หลินชิงเยวก็ไหลพรากลงมา

ทันใดนั้นเอง ในขณะที่หลินชิงเขาตัดสินใจขึ้นไปข้างบน ก็มี แสงสาดเข้ามาจากประตู ทำให้ในใจหลินชิงเขารู้สึก หวาดระแวง เวลาป่านี้แล้ว ยังมีรถเข้ามาจอดอีก

ได้ยินเสียงของรถจนกระทั่งจอดดับเครื่อง

“ซิงเยว่ ฉันกลับมาแล้ว นอนหรือยัง?” เสียงที่อบอุ่นของหนาน กงเจ้าดังมาจากข้างนอกทำให้รู้สึกสะดุ้งขึ้นมา

แต่หลินซิงเยว่ก็รู้สึกเหมือนมีเวทมนต์สะกด พอได้ยินเสียงนั้น ร่างกายก็เกิดขยับไม่ได้ทันที เธอรู้ว่าหนานกงเจ้าเป็นคนยังไง ครั้งแรกก่อนแต่งงานกับเขา เขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้ชื่อเสียงดังไปทั่ว เมืองเจียงเฉิง ถ้าไม่ใช่เพื่อตระกูลหลิน หลินชิงเยวคงไม่ต้องมา แต่งงานกับผู้ชายแบบนี้

หลังจากช่วงหนึ่งของชีวิตหนานกงเจ้าก็ออกไปข้างนอกไม่ ค่อยบ่อยนัก เพราะเขารู้สึกว่าสิ่งที่พบเจอข้างนอกมันเทียบกับ ตัวเธอเองไม่ได้ แต่ด้วยเหตุผลนี้ด้วยความปารถนาของหนานกง เจ้าที่มีมากขึ้น บ้านพักหลังนี้เรียกได้อีกอย่างว่าเรือนจำ เป็น เครื่องมือไว้สำหรับกักขังตัวเธอเอง ถ้าหากอยากออกไปข้าง นอกก็จะต้องส่งคนคอยติดตามตลอด

หนานกงเจ้าแย่กว่าที่เขาพูดอยู่ข้างนอก เขาไม่เพียงแต่เจ้าชู้ โอ้อวด ขี้อิจฉา แล้วยังเห็นแก่ตัวสุดๆ
หลินชิงเยวคิดแค่นี้ หัวสมองก็แทบจะระเบิดออกมาแล้ว ถ้า เกิดเขาเห็น เยวอยู่ในบ้านของตัวเอง จะต้องพังบ้านนี้แน่ๆ

หลินชิงเยวรวบรวมความกล้าที่จะบอกเขาไปว่า กี่ปีที่ผ่านมา

เธอไม่รักเขาแล้ว

แต่ว่า เมื่อนึกถึงอิทธิพลของครอบครัวตระกูลหนานกงใน เมืองเจียงเฉิงแล้ว แม้แต่ครอบครัวตระกูลมู่หรงเกรงว่ายังมี อำนาจไม่อาจเทียบเท่าได้ ความกล้าที่หลินชิงเยว่คิดไว้ก็สลาย ไปทันตา

“ชิงเยว่ รีบมาเปิดประตูเร็วเข้า” หนานกงเจ้าเดินมาจนถึง ประตูบ้านพักแล้ว

หลินชิงเยวรีบลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมอย่างรวดเร็ว เดินออก ไปทำท่าเหมือนดีใจ เธอทำให้ตัวเองดูใจเย็นและนิ่งที่สุด ไม่ ทําให้เขาจับได้

“ทำไมช้าจังเลย นี่เธอไม่คิดถึงฉันจริงๆเหรอ?” หนานกงเจ้า มองดูรูปร่างที่สวยเซ็กซี่ของหลินชิงเยวช่างน่าชวนหลงใหล สภาพของคนรับใช้ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาหายไปในพริบตา

“ทำไมจู่ๆก็กลับมาละ? ฉันคิดถึงคุณอยู่แล้ว” ในตอนที่หลิน ชิงเยวพูดแบบนี้ออกไปเพื่อเติมเต็มความรู้สึกตัวเอง แต่ว่าการ แสดงออกทางสีหน้าของหนานกงเจ้าที่มีต่อผู้หญิงบอกได้เลยว่า มันยังน้อยเกินไป ท่าทางกังวลของหลินชิงเยวี่ทำให้เขารู้สึกถึง อะไรบางอย่าง

“ชิงเยว่ ในบ้านไม่มีใครใช่ไหม” หนานกงเจ้าถามขึ้นมา
แม้ว่าหลินซิงเยวแสนจะเอือมระอา เธอไม่ได้มีความรู้สึกอะไร กับหนกนางเจ้าแล้ว แต่ว่าเธอก็ไม่กล้าปฏิเสธ

“แล้วก็มีน้องสาวฉัน” หลินชิงเขาพูดเสียงเบาๆ

“มีแค่พวกเธอสองคนเหรอ?” สายตาของหนานกงเจ้าเฉียบ แหลมมาก จึงเดินเข้ามาก็มองเห็นแก้วไวน์สามแก้วบนโต๊ะ อาหาร

“ใช่” ในใจหลินชิงเยวตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไร แล้ว

“ทานข้าวมาหรือยัง? เดี๋ยวฉันทำอะไรให้คุณกิน “ได้ ฉันจะขึ้นไปดูข้างบนหน่อย

“ข้างบนยังไม่ได้เก็บกวาดเลย คุณอยู่ข้างล่างไปก่อนนะ หลินชิงเยว่ได้ยินว่าหนานกงเจ้าจะขึ้นไปข้างบน เหมือนหัวใจจะ ระเบิดออกมาทางคอ

หนานกงเจ้าเห็นหลินชิงเยวที่มีท่าทางร้อนรน ยิ่งทำให้ตัวเอง คิดความคิดที่มั่นใจ แล้วลองแกล้งถามว่า “เธอได้ซ่อนผู้ชายไว้ ในบ้านหรือเปล่า? มี เธอก็แค่บอกฉันมา ฉันไม่คิดเล็กคิดน้อยห รอก” หน้าตาของหนานกงเจ้าแสดงถึงความสุภาพถ่อมตัว รู้สึก ได้ว่าถ้าพูดออกมาก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

มีเพียงแค่หลินชิงเยวที่เคยใช้ชีวิตอยู่กับเขาจนรู้ว่าหนานกง เจ้ามีจิตใจที่คับแคบขนาดไหน มันเป็นแค่เพียงการทำให้ตัวเอง ยอมรับ เพื่อที่เขาจะได้ไม่เกรงใจอีกต่อไป
“มีที่ไหนกัน? ปีที่ผ่านๆมาฉันตัวคนเดียวมาตลอด” หลินชิง เยวคล้ายกับผู้หญิงในสมัยก่อน พูดออกมาด้วยกิริยาสุภาพ เรียบร้อย จริงๆแล้วที่เธอพูดมันก็คือความจริง ก่อนที่ เย่ชีวจะ โผล่มา บ้านหลังนี้ก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเคยมาที่นี่ เธอไม่เคย ใกล้ชิดผู้ชายคนไหนมาก่อน ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอกับ เย่ชีวจะ บริสุทธิ์ยังไง แต่ทว่าเพียงแค่หนานกงเจ้ามาเห็นว่า เยวอยู่ใน บ้าน เขาจะไม่ฟังคำอธิบายอะไรทั้งนั้น

“ฉันจะขึ้นไปข้างบน ทำไมเธอดูเหมือนปิดบังอะไรอยู่?”

“ก็แค่ข้างบนมันรกมาก ไม่ทันได้มีเวลาเก็บกวาด”

หนานกงเจ้าเห็นว่าหลินชิงเยวยืนกรานไม่ให้ตัวเองขึ้นไปข้าง บน ก็รู้สึกโกรธและอารมณ์เสียขึ้นมาทันที อยู่ข้างนอกที่ผ่านมา ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่กล้าหาข้ออ้างมาขัดขวางต่อหน้าเขา ทันใดนั้นก็ตะคอกออกมากับสีหน้าที่โหดร้าย “ฉันบอกให้เธอไป ทำอะไรให้ฉันกินก็ไปทำซิ! เธอก็รู้ว่าใครเป็นคนยกบ้านนี้ให้เธอ ฉันอยากขึ้นไปข้างบนเธอยังกล้าขัดฉันหรอ?”

ท่าทางที่สุภาพอ่อนโยนสักนิดก็ไม่มีอีกแล้ว

หลินชิงเยวที่สงบเสงี่ยมไม่กล้ามีปากเสียงมาตลอดในตอนนี้ ถูกทำให้ตาสว่างขึ้นมา ในคืนนี้ถึงเวลาตัดสินใจแล้วละ

“บ้านหลังนี้เป็นของแกแล้วมันยังไง? ตอนนี้ชื่อที่เขียนอยู่บน โฉนดมันเป็นชื่อฉัน ใช่ ฉันซ่อนผู้ชายไว้ จะทำไม? แกก็มีผู้หญิง ตั้งเยอะแยะไม่ใช่หรอ? หนานกงเจ้า ฉันจะบอกแกไว้ ฉันไม่มี ความรู้สึกอะไรกับแกเลยสักนิด แกติดหนี้ฉัน ฉันเสียช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตไปอย่างสูญเปล่า” หลินชิงเยว่ไม่หวาดกลัวและไม่ สนอะไรอีกต่อไปแล้ว แล้วก็พูดออกมาทั้งหมดในครั้งเดียว

เพียะ!

เสียงดังก้องกังวานขึ้นมาเต็มไปทั่วทั้งห้องโถง ร่างของหลิน ชิงเยวสะดุดล้มลง เสียงล้มลงบนบันได เลือดสีแดงไหลออกมา จากมุมปาก รอยนิ้วมือทั้งห้านิ้วปรากฏอยู่บนใบหน้าที่ละเอียด อ่อน

“ได้ดีแล้วคิดจองหอง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราตระกูลหนานกง พวกแกตระกูลหลินคงหายไปจากเมืองเจียงเฉิงตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้ยังแอบกินผู้ชายลับหลังฉันอีก” หนานกงเจ้ายิ่งพูดก็ยิ่ง โมโห รองเท้าหนังหัวแหลมที่ใส่อยู่ได้เตะเข้าไปที่ท้องน้อยของ หลินชิงเยวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ได้ยินแค่เสียงของหลินชิงเยวที่พูดพิมพ์และร้องครวญคราง ออกมา มือข้างหนึ่งจับที่ใบหน้า มืออีกข้างกุมที่ท้องน้อย ใบหน้า ซีดเซียว พอที่จะดูออกได้ว่าเจ็บปวดมากแค่ไหน

“หนานกงเจ้า แกมันคนชั่ว ฉันจะบอกแกให้วันนี้แกจะฆ่าฉัน ให้ตาย ฉันก็จะไม่ยอมขอร้องความเมตตาจากแกหรอก พวกเรา ตระกูลหลินจะไม่ภาวนาขอกุศลจากแกอีกต่อไป” หลินชิงเยวพูด ออกมาทั้งน้ำตาที่ไหลพรากลงมาไม่หยุด เหมือนใบหน้าที่เต็มไป ด้วยโคลน

หลินชิงเยวทําแบบนี้เพื่อจะยั่วโมโหหนานกงเจ้า เธอรู้นิสัย ของหนานกงเจ้าเป็นอย่างดี บางทีเขาอาจจะฆ่าเธอจริงๆ ก็ดีเหมือนกัน หลินชิงเยว่ก็อยากตายขึ้นมา ตอนนี้หนานกงเจ้ากลับ มาแล้ว ชีวิตของเธอก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น

“แกใช้ชีวิตจนเบื่อแล้วสิ” ทันใดนั้นเอง หนานกงเจ้าก็คว้าปืน

พกออกมาจากข้างหลังไปที่หัวของหลินชิงเยว่

หลินชิงเยวยิ้มออกมาอย่างเศร้าสลด เลือดบนริมฝีปากของ เธอเหมือนดั่งกุหลาบสีแดงในยามเที่ยงคืน ช่างยั่วยวนล่อลวง

“อย่าคิดว่าฉันไม่กล้า” หนานกงเจ้าเริ่มเหนี่ยวไกปืน ฆ่าคน หนึ่งคนตายในเมืองเจียงเฉิง สำหรับเขาแล้ว ไม่มีผลกระทบ อย่างแน่นอน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ