บทที่ 9 สตรีประหลาด
“รีบเปลี่ยนจะได้มาช่วยเป็นหวางแต่งกาย
ตรัสจบก็เดินออกไปทันที
อันใดของพระองค์กันทรงออกไปตั้งนานแล้วยังมีเปลี่ยนฉลอง พระองค์อีกงั้นหรือ ร่างบางได้แต่เร่งรีบเปลี่ยนอาภรณ์ตรวจดู ความเรียบร้อยก่อนรีบเดินออกมาเห็นวรกายสูงสวมชุดตัวในสี ขาวเรียบร้อยนั่งอยู่บนเตียงพระเกศายาวปล่อยสยายลงมา
“ทรงลุกมาประทับตรงนี้เถิดเพคะหม่อมฉันจะเกล้าพระเกศา ให้”
ร่างสูงลุกขึ้นมานั่งอย่างว่าง่ายปล่อยให้ร่างบางสางพระเกศา
ให้อย่างเบามือก่อนเกล้าขึ้นทั้งหมดใช้กวานสีเงินครอบไว้ปัก
ด้วยปิ่นเงินประดับอัญมณีสีน้ำเงินเข้มล้ำค่า
“ดูเจ้าชำนาญ”
“เพคะ หม่อมฉันทำให้พี่ชายบ่อยๆ ”
เมื่อเกล้าเกศาเสร็จแล้วจึงเดินไปหยิบชุดตัวกลางสีน้ำเงินเข้ม มาถือไว้เดินเข้ามาใกล้ร่างสูง
“หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ”
ร่างสูงลุกยืนขึ้นเต็มความสูงกางแขนออกให้นางช่วยแต่งกาย ร่างบอบบางสูงเพียงพระอุระของพระองค์เท่านั้นทำให้นางต้องทุลักทุเลพอสมควรเมื่อสวมเสื้อคลุมสีดำสนิทปักลวดลายกิเลน ด้วยด้ายสีเงินก็เป็นอันเสร็จหน้าที่ของนาง
“จะทรงรับสํารับเช้าเลยหรือไม่เพคะ”
“ไม่ละต่อไปไม่ต้องเตรียมให้ เป็นหวางรับสำหรับเข้ากับเสด็จ แม่ในวังทุกวัน ยามซวี(19.00-20.59)เตรียมตัวมารับสำรับที่นี่”
“เพคะ”
“เจ้ากลับไปพักได้”
“หม่อมฉันทูลลาเพคะ”
ร่างบางที่เดินออกมาถอนหายใจอย่างโล่งอกในที่สุดวันนี้นาง ก็รอดยังต้องเป็นเช่นนี้ในอีกทุกวันได้แต่ปลอบใจตัวเองว่ามัน คือหน้าที่เท่านั้น
ชินอ๋องที่อยู่บนรถม้ามุ่งหน้าเข้าวังหลวงทรงคิดย้อนไปถึง เหตุการณ์เมื่อชั่วยามที่ผ่านมาพระพักตร์คมแย้มสรวลบางๆ ทรง นึกถึงสตรีประหลาดที่เหมือนจะใจกล้าต่อปากต่อคำกับพระองค์ แต่ยามเมื่อถูกพระองค์กลั่นแกล้ง กลับไปไม่เป็นเสียอย่างนั้น ใบหน้างามท่าทางจริงจังยามตั้งใจปรนนิบัติพระองค์นั้นช่างน่า เอ็นดูและน่ากลั่นแกล้งอยู่มน้อย นอกจากปั้นหน้านิ่งทรงอยากรู้ นักว่าจะแสดงอาการเช่นใดได้อีกบ้าง ยิ่งคิดยิ่งแย้มสรวลกว้าง ขึ้นจนพระองค์ยังแปลกพระทัยองค์เองโดยปกติพระองค์มิใช่คน ชอบกลั่นแกล้งผู้ใดแม้แต่กับอิงเออร์น่าแปลกที่ทรงทำเช่นนั้นกับ นางทั้งเป็นไปโดยธรรมชาติอีกด้วย
ท้องพระโรงแคว้นฉิน
หลังจากว่าราชการเสร็จฮ่องเต้ฉินหย่งเหอที่เอ่ยงพระอนุชา ไว้เพื่อหารือราชกิจต่อก็เดินออกมาจากท้องพระโรงพร้อมกัน
“กระหม่อมกำลังจะไปรับสํารับร่วมกับพระมารดาฝ่าบาทจะ เสด็จไปพร้อมกันหรือไม่พะยะค่ะ”
“ไปสิ หลางกงกง ไปแจ้งฮองเฮาว่าเช้านี้เจิ้นจะไปรับสำรับที่ ตำหนักผิงอันบอกนางมิต้องรอ”
“พะยะค่ะฝ่าบาท”
นําหนักผิงอัน
“ฝ่าบาทเสด็จจจจ”
“ซินอ๋องเสด็จจจจ”
“ถวายพระพรฝ่าบาทขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี
เพคะ/พะยะค่ะ”
“ถวายพระพรชินอ๋องของจงทรงพระเจริญเพคะ/พะยะค่ะ”
“ลุกขึ้นๆ ”
สุรเสียงอ่อนโยนเอ่ยอนุญาตให้เหล่านางกำนัลขันทีลุกขึ้น
วรกายสูงส่งแห่งบุตรมังกรทั้งสองพระองค์เดินเข้ามาใน ตำหนักเห็นพระมารดากำลังควบคุมนางกำนัลห้องเครื่องจัดการ อาหารมากมายบนโต๊ะเสวย
“ลูกถวายพระพรเสด็จแม่พะยะค่ะ”
“มากันแล้ว หมิงเออร์ ฝ่าบาท มาๆ
ร่างอวบอิ่มรีบไปจับพระหัตถ์หนาของโอรสทั้งสองเข้ามา ประทับด้านใน
“กำลังจัดโต๊ะ รอประเดี๋ยวก่อนเถิด”
“พะยะค่ะ”
ใช้เวลาไม่นาน โต๊ะเสวยก็ถูกจัดเตรียมเรียบร้อยทั้งสาม พระองค์จึงร่วมเสวยกันอย่างชื่นมื่นตลอดเวลาเสวยไทเฮาและ หย่งเหอฮ่องเต้ต่างรู้สึกได้ว่าในอ๋องวันนี้จะอารมณ์ดีกว่าทุกวัน หลังจากเสวยเสร็จแล้วจึงย้ายมานั่งจิบชาสนทนากันต่อโดย เหล่านางกำนัลขันทีออกมาข้างนอกตำหนักทั้งหมดเหลือเพียง หลางกงกงและหนีมามาคนสนิทของไทเฮาเท่านั้น
“ฝ่าบาทมีเรื่องใดกังวลพระทัยหรือ”
“มีหนังสือร้องเรียนมาจากเมือง ถังพะยะค่ะ”
“เมืองอี้ถังมิใช่เมืองที่ทรงมีพระราชโองการลงไปให้สร้าง เขื่อนเก็บ หรือ”
“พะยะค่ะเสด็จแม่”
“มีปัญหาอันใดหรือพะยะค่ะ
“หนังสือร้องเรียนนี้มิได้มาจากเหล่าขุนนางแต่ได้มาจากนาง กำนัลคนหนึ่งในตำหนักสนมชั้นผืน”
“สนมชั้นผินของพระองค์มีออกมากมาย หม่อมฉันจะรู้หรือว่า เป็นตำาหนักใด”
ตรัสล้อเลียนพระเชษฐาอย่างมิได้จริงจังนัก
“วังเสิ่นหยางกง คงเงียบเหงาอยู่ไม่น้อยที่จะพระราชทานคุณ หนูสักหลายนางไปยังวังอ๋องดีหรือไม่”
“หม่อมฉันล้อเล่นพะยะค่ะ แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่”
เมื่อฟังคำตรัสพร้อมพระพักตร์หล่อเหลานั้นแย้มสรวลบางๆ ผู้ เป็นใหญ่ทั้งสองก็เข้าพระทัยทันที ไทเฮาแย้มสรวลอย่างสม พระทัย ก่อนฮ่องเต้จะเอ่ยถึงเรื่องราชกิจขึ้นมา
“ปัญหาคือนางหลบหนีออกจากเมืองหลวงไปแล้ว”
“ปัญหาแท้จริงมิใช่นางหนีไป แต่เป็นเหตุใดถึงได้มีการร้อง เรียนแบบลับๆ เช่นนี้ขุนนางเหล่านั้นปกปิดสิ่งใดกันอยู่
“ถูกแล้วหมิงเออร์ ฝ่าบาทผู้ใดเป็นผู้รับผิดชอบควบคุมเรื่อง
“เสนาบดีกรมโยธา มอบหมาย หลานซ่ง ผู้ช่วยของเขาเดิน
ทางไปพะยะค่ะ”
“หลาน ง”
ดนตระกูลหลานงั้นหรือ
“หม่อมฉันควรไปเยือนเมืองอี้ถังสักครา
จากนั้นทั้งสองพระองค์จึงกลับมายังห้องทรงพระอักษรตำหนักเฉียบซิงก่อนจะหารือกันจนเวลาล่วงเลยไปถึงยามโหยว (17.00-18.59)
“ท่านอ๋องจะเสด็จที่ใดต่อหรือไม่พะยะค่ะ”
ทรงได้เอ่ยถามเมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินออกมาจากตำหนักเขียน
“กลับวังเลย เป็นหวางบอกนางมารับสำรับยามช (19.00-20.59) นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว”
“พะยะค่ะ”
ทรงได้รับคำได้แต่ก้มหน้าลงเพื่อกลั้นรอยยิ้ม ไหนทรงบอกม พึงใจแต่ทรงนึกถึงพระชายาก่อนเช่นนี้ ตามปกติพระองค์คง เสด็จไปจวนตระกูลหลาน แต่นี่ทรงมิได้เสด็จไปสามวันแล้ว เขาก็ จะรอดูเช่นกันที่ทรงบอกว่ามสนใจพระชายาจะทรงทนได้มาก น้อย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ