บทที่ 4 ประทินโฉมรอคอยสวามี
“พระชายาเพาะท่านอ๋องให้คนมาแจ้งว่ายามท้าย (21.00-22.59) จะเสด็จตำหนักหลับเทียนเพคะ”
“อืม”
น้ำเสียงตื่นเต้นของเสี่ยวอวดังขึ้นแจ้งแก่ซินหวางเฟยแต่คำ ตอบจากริมฝีปากอวบอิ่มนั้นกลับตอบกลับมาเพียงคำเดียวสั้นๆ ท่าทีสงบนิ่งไม่อนาทรต่อสิ่งใดมีความยินดีในน้ำเสียงและแวว ตาคมหวานนั่นเพียงนิด
นางกำนัลตัวน้อยได้แต่แปลกใจในกิริยาของซินหวางเฟยเหตุ ใดเมื่อรู้ว่าท่านอ๋องจะเสด็จมาถึงยินดี
“ทรงกลับตำหนักเพื่อเตรียมตัวดีหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะ
ปรนนิบัติพระองค์เองเพคะ”
“ไม่ล่ะ ข้าเพิ่งอาบน้ำมาไม่นานอีกอย่างนี้ก็เพิ่งยามเซ็นเจ้าจะ รีบร้อนไปทําไม”
อหลิงยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจในชินหวางเฟย มิใช่สตรีทุกนางควร ยินดีหรือที่สามีบอกจะมา สตรีทั่วไปคงรีบให้บ่าวไพร่ปรนนิบัติ ขัดสีฉวีวรรณแต่งองค์งดงามรอเสียแล้วแต่ชินหวางเฟยกลับ เอาแต่นั่งชมเหลียนฮวาจิบชาอย่างสบายพระทัยอยู่อย่างนั้น อ หลิงนางจนด้วยคำพูดที่จะโน้มน้าวพระองค์จึงทำได้แต่นั่งลงรอ รับคำสั่งอยู่เงียบๆ
าหนักเฟยเทียน
ร่างสูงนั่งทรงงานอยู่ในห้องหนังสือในตำหนักใหญ่ที่ประทับ ส่วนพระองค์ โดยมี เกากงกง วันทีชราที่เป็นคนจัดการสิ่งต่างๆ ในวังเสิ่นหยางแห่งนี้คอยถวายงานอยู่ข้างโต๊ะทรงงานตัวใหญ่ ทำจากไม้เนื้อดีพระพักตร์หล่อเหลาเคร่งขรึมจนกงกงคนสนิทอย เอ่ยถามออกมาไม่ได้
“ทรงมีสิ่งใดรบกวนพระทัยหรือพะยะค่ะ”
พระพักตร์คมเงยขึ้นจากกองฎีกาที่รับมาจากฮ่องเต้อีกที แต่ ก่อนจะได้ตรัสตอบคำถามก็มีเสียงรายงานจากองครักษ์หน้าห้อง ดังขึ้นมาก่อน
“ท่านหาน ขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”
ร่างสูงพยักหน้าให้ทรงได้ไปเปิดให้องครักษ์คนสนิทอีกคนที่ ทรงมอบหมายให้ไปทำงานบางอย่างเข้ามาในห้อง
“คารวะท่านอ๋องพะยะค่ะ”
“ลุกขึ้น ว่ามา”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ หลังจากแม่สื่อส่งพระชายาเข้าหอแล้วก็ กลับทันทีส่วนพระชายาก็ทรงเสวยและให้นางกำนัลปรนนิบัติใน ปลายยามเซ็นทรงออกมาเดินเล่นจนถึงตอนนี้พะยะค่ะ”
“มีคนไปแจ้งนางหรือยังว่าเป็นหวางจะไปพบ
“แจ้งแล้วพะยะค่ะ ทรงรับรู้และ เอ่ออ..”
“มีอันใด”
“ทรงตรัสว่า อืม คำเดียวแล้วจิบชาต่อพะยะค่ะ”
ปิ้งงงงง!!
หัตถ์หนาตบลงบนโต๊ะทรงงานเสียงดัง
“ดี พระชายาของข้าช่างอวดดียิ่ง”
“พระทัยเย็นก่อนเถิดพะยะค่ะ พระชายาเพิ่งเข้ามาอยู่ในวัง อาจจะยังมิคุ้นซินธรรมเนียมอยู่บ้าง”
“เปนหวางไม่ได้อยากไปตำหนักนางนักหรอกหากมิใช่เห็นแก่ เสด็จแม่มีหรือจะแต่งนางเข้ามา”
“พระองค์ย่อมทรงทราบถึงพระประสงค์ขององค์ไทเฮา พะยะ
คะ”
เสียงถอนหายใจหนักๆ ของร่างสูงดังขึ้นอีกรอบ
“รู้แล้วน่า เป็นหวางมีเรื่องที่อยากตกลงกับนางเพียงเล็กน้อย”
มิใช่ว่าพระองค์ไม่รู้ว่าตระกูลหลานของสตรีในพระทัยนั้นเป็น ภัยต่อบัลลังก์มังกรเพียงใดแต่ในพระทัยนั้นก็ยังคงเชื่อในตัว ของนางว่านางมิได้รับรู้และมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แน่
ตำหนักหลันเทียน
ร่างบางที่อาบน้ำเสร็จสวมอาภรณ์สีขาวปักลายเหลียนฮวา เดียวกันนั่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่โดยมีฮุ่ยหลิงกำลังสางผมดำ ขลับยาวสลวยก่อนค่อยๆ เกล้าอย่างปราณีตปักปิ่นทองระย้างดงามพร้อมเลือกปิ่นรองอีกหลายอันขึ้นมาเตรียมปักลงบนมวย
“พอแล้วเสี่ยวฮุยปักอันเดียวพอแล้ว”
“ไม่ได้นะเพคะท่านอ๋องเสด็จมารับสํารับด้วยเช่นนี้จะปักปั่น เอกเพียงชิ้นเดียวได้อย่างไรเพคะ”
“เอาตามนี้แหละ เสี่ยวอเอาผงแป้งมาเร็วเข้า
อหลิวยื่นตลับแป้ง ให้ร่างบางอย่างงงๆ ทรงผัดแป้งไปแล้ว มิใช่หรือ แต่ยิ่งตกใจเข้าไปอีกเมื่อมือบางทาแป้งไปอีกจน ใบหน้าเนียนที่ขาวอยู่แล้วกลับขาวจนซีดไม่เว้นแม้ริมฝีปากอิ่ม แดงเรือนั้นก็ทากลบจนซีดเซียวราวคนป่วย
“หวางเฟยเหตุใดถึง”
“ข้าชอบประทินโฉมเช่นนี้ เอาละ ไปเถอะใกล้เวลาท่านอ๋อง เสด็จแล้ว”
ร่างระหงลุกขึ้น โดยมีนางกำนัลทั้งสองช่วยประคองก่อนเดิน ออกไปยังห้องโถงของตำหนักเพื่อรอรับเสด็จชินอ๋องผู้นั้น ยืนรอ เพียงไม่นานขบวนเกี่ยวก็มาถึงพร้อมกับเสียงของเกากงกงขาน การมาถึงของพระองค์เสียงดัง
“ชินอ๋อองเสด็จจจจจจ”
“ถวายพระพรชินอ๋องเพคะ/พะยะค่ะ”
ร่างบอบบางก้มหน้ายอบกายถวายพระพรพร้อมเหล่าข้ารับใช้ต่างหมอบลงถวายความเคารพเจ้าของวังเสิ่นหยางกุ้ง ร่างสูง ใหญ่ปรายสายพระเนตรไปยังร่างบางทียอบกายอยู่ ก่อนเดิน ผ่านไปโดยมิได้เข้าไปประคองนางแต่อย่างใด
“ลุกขึ้น”
สิ้นเสียงทุ้มพร้อมหางตานางเหลือบเห็นเพียงชายอาภรณ์สีดำ เดินเข้าตำหนักไปเท่านั้น
“ขอบพระทัยเพคะ/พะยะค่ะ”
ร่างบางลุกขึ้นเองโดยไม่รอนางกำนัลเข้ามาประคอง เหล่าข้า รับใช้ต่างหันมองซินหวางเฟยอย่างเห็นใจ ส่วนร่างระหงนั้นกลับ รู้สึกเฉยๆเพียงเท่านั้น ก่อนเดินตามร่างสูงเข้าไปด้านใน
ภายในห้องอาหาร จุดตะเกียงไว้ทุกมุมห้องจนสว่างไสว ราวกับเป็นตอนกลางวัน นางกำนัลนำถ้วยข้าวถวายแก่ผู้สูงศักดิ์ ทั้งสองก่อนเกากงกงจะนำเข็มเงินออกมาตรวจพิษในอาหารทุก จานเมื่อเสร็จแล้วทั้งหมดถอยไปยืนอยู่มุมห้องเพื่อรอรับใช้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ