ห้วงรักไฟเสน่หา

๒.๓ ฝันอันแสนหวาน



๒.๓ ฝันอันแสนหวาน

“บ๊าย…บาย” เสียงยศสิตาดังขึ้นแว่วๆ พลางโบกมือให้กับรถ ตู้ที่ค่อยๆ แล่นออกห่างจากบริเวณหน้าบ้านไปเรื่อยๆ แล้วใน ที่สุดรถคันนั้นก็วิ่งลับตาไป

“เฮ้อ…” หญิงสาวระบายลมหายใจออกมายาวเหยียดอย่าง อดที่จะเหงาไม่ได้เมื่อตอนนี้ทั้งบ้านมีเพียงแค่หล่อนอยู่คนเดียว

ร่างอรชรแข็งใจเดินกลับมาทั้งที่เท้ายังเจ็บลงน้ำหนักได้ไม่ เต็มที่ เมื่อเข้ามาในบ้านก็พบว่าเนียมเตรียมอาหารเช้ารวมถึง กล่องยาเอาไว้ให้หล่อนเรียบร้อยแล้ว เนียมเอาน้ำแข็งมา ประคบให้ หลังจากนั้นหล่อนจึงรับประทานอาหาร

ยศสิตายกเท้าขึ้นวางบนโซฟาตัวยาวแล้วนวดอย่างเบามือ หล่อนสังเกตว่าข้อเท้าข้างที่แพลงบวมขึ้นเล็กน้อย หญิงสาวจึง ทานยาแก้ปวดและแก้เส้นเอ็นอักเสบอย่างละสองเม็ดด้วย จาก นั้นจึงหานิตยสารอ่านและผล็อยหลับไปบนโซฟาตัวนั้นโดยไม่รู้ ตัว

เรือนร่างอันอ้อนแอ้นหลับอยู่เป็นนานเพราะอากาศที่เย็น สบายบวกกับฤทธิ์ยาที่กินเข้าไป มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่เนียมเดิน เข้ามาปลุกในเวลาใกล้ค่ำ

“คุณเอยคะ คุณเอย” เสียงเรียกแว่วๆ ของเนียมทำให้แพ ขนตางอนยาวที่ประดับดวงตากลมโตอยู่ในยามหลับใหลค่อยๆ ลืมขึ้นมองคนเรียกอย่างงัวเงีย
“คะพีเนียม?”

“ตื่นเถอะค่ะ ค่ำแล้ว โบราณว่านอนตอนผีตากผ้าอ้อม ไม่ดีนะ

“โห… นี่เอยหลับไปนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

“หลับตั้งแต่ทานข้าวเช้าเสร็จนั่นล่ะคะ”

“แล้วนี่กี่โมงแล้วคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามพลางกวาดสายตาคู่ สวยเหลือบมองไปที่นาฬิกาไม้สักขัดเงาซึ่งติดอยู่ข้างฝา

“จะหกโมงแล้วค่ะ” เนียมตอบ

“งั้นเอยขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”

“แล้วคุณเอยจะทานอะไรดีคะเย็นนี้

“เอยอยู่บ้านคนเดียว ทานง่ายๆ ก็ได้ค่ะ พี่เนียมจะได้ไม่ยุ่ง ยาก”

“ถ้าอย่างนั้นเนียมจะทำแกงเลียงกับผัดเห็ดหอมให้นะคะ

ยศสิตายิ้มและพยักหน้ารับ ก่อนจะค่อยๆ เดินเกาะราวบันได ขึ้นไปยังห้องชั้นบนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยใช้เวลาไม่นาน นักหญิงสาวก็ลงมารับประทานอาหารเย็นที่เนียมเตรียมไว้ให้

ตกดึกคืนนั้น… ข้อเท้าที่แพลงเริ่มมีอาการปวดหนึบๆ อีกครั้ง ทำให้ร่างอรชรซึ่งนอนอยู่ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อหายาช่วยบรรเทา

อาการปวด

ยศสิตาเดินโขยกเขยกไปยังตู้ยาที่หล่อนจำได้ว่าอยู่ใกล้ๆ กับห้องโถงด้านล่าง หญิงสาวเดินไปเปิดสวิทซ์ไฟก่อนแล้วมองหา ตำแหน่งของตู้ยาซึ่งอยู่ในที่สูงพอสมควร หล่อนเขย่งปลายเท้า ขึ้นเปิดตู้ยาด้วยขาที่สามารถรับน้ำหนักได้เพียงข้างเดียว

“เดี๋ยวหยิบให้” เสียงทุ้มผสานไออุ่นของคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้าง หลังทำให้ร่างบางลืมหายใจไปชั่วขณะ

“ก็ไหนบอกว่าจะไม่กลับบ้านไง” ยศสิตาพึมพำเบาๆ ในขณะ ที่หัวใจเต้นแรงโครมครามอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อรู้สึกว่าเรือนร่าง เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ประกบกับแผ่นหลังของหล่อนอยู่…ทำให้ เลือดในร่างกายสูบฉีดแรงขึ้นเป็นเท่าตัว

“จะเอายาอะไร?” ลมหายใจอุ่นๆ พ่นลงบนเรือนผมยาวสลวย ในขณะที่ถามทำให้ยศสิตากะพริบตาอย่างได้สติว่าตัวเองยืนนิ่ง นานเกินไปแล้ว

“ยานวด”

“เป็นอะไร ทำไมต้องนวด?”

“ขาแพลง!” ยศสิตาตอบเสียงขุ่นราวกับไม่อยากเสวนาด้วย เพื่ออาพรางอาการตื่นเต้นของตัวเอง

“ไปเดินซุ่มซ่ามล่ะสิ” เขาบ่นราวกับผู้ใหญ่เย็ดเด็ก ในขณะ กำลังหยิบหลอดยาที่ใช้สำหรับนวดแก้ปวดออกมาจากตู้แล้วยื่น ให้ ยศสิตารับไว้แต่เขายังไม่ยอมขยับออกห่าง

“ถอยไปสิ ยืนอยู่แบบนี้เอยจะเดินได้ยังไง” เสียงหวาน ประท้วง ตวัดตาขึ้นมอง กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ผสมกับกลิ่นเหงื่อจางของบุรุษเพศเต็มไปด้วยแรงดึงดูดสร้างความรัญจวน อย่างประหลาดยิ่งนัก

ยศสิตา สั่น ชีพจรเต้นสับสน…

ชายหนุ่มเลิกคิ้วเข้มขึ้นหน้ายิ้มๆ

“อยากอยู่ใกล้ซะอีก” เขาพูดชิดเสียงเบา พอได้ยินแค่สองคน

“บ้า” เสียงหวานตวัดใส่แต่ใบหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก

“เจ็บแบบเดินลำบากเดี๋ยวจะช่วยก่อนจะก้มลงช้อนร่างนุ่มนิ่มไว้ในวงแขนแข็งแรงอย่าง คล่องแคล่ว

“ปล่อยนะขลุกขลัก แกว่งนุ่มหยุ่นเสียดไปความกลัดแกร่ง

“อย่าดิ้น กอดคอผมแน่นเดี๋ยวตก” เขาเอ็ดน้ำเสียงกลับแปร่งด้วยอารมณ์บางอย่างควบคุม

คนฉวยโอกาส” เสียงหวานโวยวายใส่ด้วยคำเดิมๆ หากแต่ ก็ยอมขยับสองมือตวัดรัดรอบคอของหนุ่มปล่อยร่างกายนุ่มนิ่มให้อยู่ในวงแขนแข็งแรง ใบสวยเข้าซอกคอของเพื่อซึมซับกลิ่นอายความเป็นบุรุษร่างกายก่าย่า น

ภูริภัชร์ค่อยๆ วางร่างบางลงบนโซฟาตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น ร่างสูงย่อตัวลงนั่งเบื้องหน้าหล่อน และจับเรียวขาสวย มาวางบนเข่า การกระทำนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วจนยศสิตาไม่ทัน ตั้งตัว มือหนาเอื้อมมาหยิบหลอดยาจากมือหล่อนแล้วบีบ ของเหลวสีขาวลงบนฝ่ามือตัวเอง ละเลงใส่ข้อเท้าของหล่อน นวดเบาๆ ให้ยาซึมเข้าไป

“อุ๊ย!”

ยศสิตาสะดุ้งน้อยๆ หากแต่หล่อนแยกไม่ออกว่าเพราะความ เจ็บหรือเป็นเพราะสัมผัสอันร้อนผ่าวราวกับถูกไฟลามเลียจากมือ หนาของเขากันแน่ ภูริภัชร์ได้มือไปตามปลีน่องเรียวงามเหมือน กับนวดให้เลือดไหลเวียน การจับต้องของเขาแต่ละครั้งเล่นเอา ยศสิตาสั่นสะท้าน ยิ่งมือหนาลูบไล้หนักขึ้นหล่อนก็ยิ่งเกร็ง ริม ฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นอย่างพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ หลุดเสียงครางออกมา

“ดีขึ้นมั้ย” เสียงทุ้มแฝงไปด้วยเสน่ห์ลุ่มลึกเอ่ยถาม “ค…ค่ะ…” หญิงสาวตอบเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน

นัยน์ตาคมเงยขึ้นมองใบหน้าเรียวสวยและจับจ้องไม่วางตา มือหนายังคงทำหน้าที่ไม่หยุด ยศสิตาเกร็งตัวหนักขึ้น

“คุณทําอะไรเอ่ย?” เสียงหวานถามเหมือนไม่เข้าใจ ร่างกาย ราวกับถูกกระไฟฟ้าอ่อนๆ ช๊อตอย่างต่อเนื่อง
“ก็นวดยาให้ไง”

“พอ…แล้ว” หล่อนกลั้นใจบอก เพราะถ้าเขาไม่หยุดหล่อนคง

แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ แน่ หญิงสาวกระวีกระวาดลุกพรวดขึ้น อย่างเร่งรีบ เพื่อหลีกหนี ให้พ้นจากสถานการณ์อันชวนวาบหวามซึ่งอันตรายต่อความ

รู้สึกของหล่อนยิ่งนัก

เท้าเล็กๆ แข็งใจเดินไปอย่างระวัง

“เจ็บก็หยุด อย่าอวดเก่ง” ภูริภัชร์พูดขัดขึ้นในขณะเดินตาม คนอวดดีมาไม่ห่าง

ร่างเพรียวบางเหล่หันหลังกลับมามองในขณะเดินขึ้นไปยังชั้น สอง ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย แล้วเท้าที่คงยังเจ็บอยู่นั้นก็ สะดุดเข้ากับบันไดชั้นบนอย่างเต็มแรงจนคนไวปานลิงต้องโฉบ เข้าไปช่วยประคองเอาไว้

“ปล่อยนะ!” แทนที่จะขอบคุณ เสียงหวานกลับแหวใส่อย่าง กลัวเสียฟอร์ม

“เฉยๆ เถอะน่า เดี๋ยวได้ตกบันไดไปหัวแตกอีกหรอก ไอ้เรื่อง หวงเนื้อหวงตัวเองไว้ทีหลัง รับรองผมไม่ปล้ำคุณตรงบันได หรอก ยกเว้นแต่คุณจะเต็มใจเอง” ชายหนุ่มเอ็ดอย่างจริงจัง ทำเอายศสิตาอึ้งไปทันที

เขาประคองหล่อนมาจนถึงหน้าห้อง ใบหน้าหล่อคมยังจ้อง หน้าหล่อนด้วยแววตาตาดุดัน
“คราวหลังก็อย่าอวดดีอีก ทำอะไรก็ระวังด้วย”

“อย่ามาทำสอนหน่อยเลย เอยไม่มีวันเชื่อคำพูดอะไรของคุณ ปากพูดอีกอย่างแต่ใจกลับรู้สึกไม่เหงาและปลอดภัยดีที่มีเขาอยู่ ใกล้ๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ