ห้วงรักไฟเสน่หา

๑.๓ ผู้ร้ายปากแข็ง



๑.๓ ผู้ร้ายปากแข็ง

ภูริภัชร์ขับรถไปรอบๆ ไร่พร้อมกับถือโอกาสตรวจความ เรียบร้อยไปด้วย รถจี๊ปคู่ใจแล่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงท้ายไร่ ท้องฟ้าที่สดใสโปร่งโล่ง ในตอนเช้าตรู่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นก้อน เมฆสีเทาทะมึนเกลื่อนกล่น สายลมเย็นๆ พัดแรงขึ้น อากาศร อบๆ มัวซัว หยาดฝนเม็ดเล็กเริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ก่อนที่จะค่อยๆ หนาทึบขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเม็ดขนาดใหญ่ กระหน่ำเทลงมาบนพื้นดินราวกับฟ้ารั่วจนมองไม่เห็นทาง

ยศสิตาเริ่มขยับตัวเกร็งๆ อย่างใจคอไม่ดีเมื่อเห็นภาพเบื้อง หน้า ภูริภัชร์รู้สึกถึงความกังวลของคนแสนพยศข้างๆ ทันทีเมื่อ หล่อนเงียบเสียงลง

“ไม่ต้องกลัวนะ” เขาหันมาปลอบเสียงนุ่ม “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

ชายหนุ่มประคองรถไปจอดหน้ากระท่อมหลังหนึ่งซึ่งเขาปลูก ไว้ให้เป็นที่พักของคนงาน ลำขายาวๆ ก้าวลงจากรถและไม่ลืมจะ หยิบเสื้อโค้ดตัวใหญ่ที่พาดอยู่บนเบาะรถฝั่งคนขับลงมาด้วย ร่างสูงสมาร์ตอ้อมไปเปิดประตูรถอีกฝั่งและดึงข้อมือเล็กๆ ให้ลง มาจากรถ

เสื้อตัวใหญ่ถูกใช้กำบังเม็ดฝนก่อนที่เขาจะพาหล่อนวิ่งลิ่ว เข้าไปในกระท่อมเพื่อหลบฝน

มือหนาเกร็งแกร่งรีบเปิดประตูกระท่อม พาหล่อนเดินผ่าน เข้าไปในนั้นและปิดประตูเมื่อทิศทางของเม็ดฝนสาดเข้าทางนั้นพอตี ชายหนุ่มเดินไปเปิดหน้าต่างอีกฝั่งเพื่อให้อากาศถ่ายเท มากขึ้น แสงสีทองแปลบปลาบกะพริบเข้ามาทางหน้าต่างเป็นระ ยะๆ ชวนให้สถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนั้นน่าประหวั่นพรั่นพรึงมากขึ้น ไปอีก

เมื่อชายหนุ่มหันกลับมาอีกทีก็เห็นว่ายศสิตากำลังเดินกลับไป กลับมาเป็นหนูติดจั่น

“คงอึดอัดมากสินะที่ต้องมาถูกขังอยู่กับคนที่ตัวเองไม่ชอบ หน้า” เสียงทุ้มติดประชด

“ก็มากอยู่” หล่อนประชดกลับด้วยน้ำเสียงแตกดันทันที

เท้าเล็กๆ เดินไปยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ชายหนุ่มก้าวตาม ไปประชิด ลำแขนแข็งแรงทั้งสองข้างยกขึ้นเท้าคร่อมร่างอรชร เอาไว้ราวกับเป็นกรง นั่นเท่ากับหล่อนถูกขังอยู่ในอ้อมแขนของ เขา

หญิงสาวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มที่อยู่ไม่ห่าง ลม หายใจอุ่นวาบเป่าพ่นรดใส่หน้าผากมนเป็นระยะ หัวใจดวงน้อย เต้นตุบๆ ถี่รัวด้วยความหวาดหวั่น ในขณะที่ตาสองคู่สบประสาน สายตากันนิ่ง ยศสิตาเผลอจับจ้องอย่างลุ่มหลงในมนต์เสน่ห์ น เป็นครั้งแรกหลังจาก…. ครั้งนั้น ที่หล่อนได้เห็นหน้าเขาในระยะ ใกล้ชิดขนาดนี้

ดวงตากลมแป๋วยังคงจ้องมองเขาอยู่อย่างนั้นจนไม่อาจถอน สายตาได้ ใบหน้าคมคร้ามประดับด้วยดวงตาสีน้ำตาลเข้มซึ่ง เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ชวนค้นหา จมูกเขาโด่งเป็นสันรับด้วยริมฝีปากหยักได้รูปแต่ทว่าบางสวยราวกับริมฝีปากผู้หญิง ช่วงบ่า กว้างผึ่งผาย ช่วงแขนแข็งแรงน่าสัมผัส หน้าอกกลัดแกร่งขวาง เต็มไปด้วยมัดกล้ามหนั่นแน่น เอวสอบเพรียวไม่มีไขมันส่วนเกิน มันเป็นความหล่อเหลาในทุกมุมมองอย่างหาตัวจับยาก เขาช่าง เต็มไปด้วยความเป็นบุรุษเพศสมชายชาตรี สามารถดึงดูดให้อิส สตรีเข้าใกล้ได้อย่างไม่ต้องใช้ความพยายามเลยสักนิด

“กลัวผมหรือกลัวใจตัวเอง?” เขาจงใจก้มลงมาถามด้วยเสียง ชวนสยิว ในระยะกระชั้นชิดจนปากแทบจะสัมผัสกับปาก น้ำเสียง นั้นแฝงไว้อะไรบางอย่างที่มีความหมายลึกซึ้งแล่นปลาบเข้าไป ในขั้วหัวใจของหล่อนจนจังหวะของชีพจรไหวแกว่ง

“หลีกไปนะ ถอยไปห่างๆ เลย” หญิงสาวโวยวายอย่างกลบ เกลื่อน ยกมือขึ้นดันไหล่หนาเอาไว้

“ขยันไล่จังเลยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ แทบจะเป็นกระซิบแต่ให้ ความรู้สึกวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก มืออุ่นจัดเลื่อนลงมากระชับ ที่เอวอ้อนแอ้นและกระตุกเข้าหาร่างหนาของเขาอย่างรวดเร็วจน หน้าท้องแบนราบถูกเบียดเข้ากับต้นขาแกร่ง

ยศสิตาดิ้นรนขัดขืนเต็มกำลังและผลักใสเพื่อให้หลุดออกจาก พันธนาการอันแข็งแรงราวกับคีมเหล็กนั้นแต่ภูริภัชร์กลับรัดร่าง อรชรเข้าหาแน่นกว่าเดิมจนทำให้ทรวงอกนุ่มหยุ่นดั่งเยนลี่จม หายวับเข้าไปกับอกแกร่งกว้าง

“ปล่อยนะ!” หญิงสาวร้อง “คุณมีสิทธิ์อะไรมากอดเอย คนฉวย โอกาส!”
“ค่า ฉวยโอกาส สองคำก็ฉวยโอกาส

“ก็มันจริงๆ นี่”

ภูริภัชร์ไม่ปล่อยแต่กลับยิ้มกรุ้มกริ่มด้วยสายตาแสนเสน่หา ชวนสะท้านจนเปลือกตาคู่สวยต้องหลุบมองอยู่แค่อกเขา

“ทำไมต้องกลัวที่จะอยู่ใกล้ๆ ผม…คือ?” มือหนาเชยคางมน

ขึ้น ตาสองคู่สบกันนิ่ง

“เพราะคุณชอบรังแกและฉวยโอกาสกับเอยอยู่ตลอดแบบนี้ ไง” เสียงหวานหวัด ใส่ทั้งที่หัวใจเต้นแรงระรัวราวกับจะทะลุออก มานอกอกสืบเนื่องจากการที่เขาเข้าประชิดตัว

ยศสิตากำลังโกรธตัวเองที่มีปฏิกิริยาบ้าๆ ทุกครั้งยามอยู่ ใกล้ๆ เขา คำพูดนั้นชวนให้ร้อนรุ่ม สัมผัสของเขาชวนวาบหวาม แล้วถ้าเขาทำอย่างนั้นล่ะ…มันจะเร่าร้อนขนาดไหน…ไม่! หล่อน ต้องไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น หญิงสาวพร่ำบอกตัวเองในใจ

“รังแกตอนไหนจําไม่ได้” เขาแสร้งทำเป็นลืม

“ก็…” ยศสิตาอึกอักพูดไม่ออก ทั้งๆ ที่อยากจะเอากรงเล็บ ข่วนหน้าหล่อๆ นั่นเต็มที่กับการที่เขาทำให้หล่อนหน้าบ้านม้วนต้ วนแบบนี้

“ที่ผมจูบคุณเมื่อคราวก่อนโน่นเหรอ” ภูริภัชร์ตอบให้อย่าง รู้ทัน ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าแต่ดวงตาคู่นั้นยังจดจ้องมองที่ริม ฝีปากอิ่มอย่างมีความหมาย

“ใช่! คุณมันพวกชอบเอาเปรียบผู้หญิง”
“ผมนึกว่าคุณชอบซะอีก ผมรู้นะว่านั่นเป็นจูบแรกของคุณ และ คุณก็โหยหามันอยู่ตลอดเวลา”

“บ้า! ใครโหยหา…จูบที่ไร้รสชาติจืดชืดแบบนั้นเหรอ เอยไม่ คิดจะจำมันหรอก” เสียงหวานตอกกลับ เชิดใบหน้าขึ้นมองเขา อย่างท้าทาย หล่อนรู้สึกเจ็บใจทุกครั้งเมื่อหวนคิดไปถึงตอนที่ตัว เองโดนภูริภัชร์ขโมยจูบ ซึ่งมันเป็นจูบแรกจากผู้ชายที่หล่อนพ บอกกับตัวเองว่าเกลียดนักเกลียดหนา แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมรส จุมพิตนั้นถึงได้หอมหวานและตราตรึงใจอย่างประหลาดแบบนั้น ความรู้สึกวาบหวามเกิดขึ้นกับร่างกายหล่อนทุกครั้งยามเมื่อ นึกถึงปลายลิ้นอุ่นจัดที่สอดแทรกดุนดันเข้ามาในโพรงปากนุ่ม และตวัดลิ้นระริกไล้เลาะเล็มด้านในอย่างช่ำชอง

“งั้นเหรอ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นเรามาลอง พิสูจน์กันอีกรอบดีมั้ย”

สินค้า…ริมฝีปากหยักก็ครอบลงกลีบปากแสนสั้นอย่าง ต้องการจะสั่งสอนคนปากดี ตาสวยเบิกโพลง! ตั้งตัวไม่ทัน การ จู่โจมอย่างรวดเร็วนั้นราวกับอสรพิษฉุกเหยื่อ…..

สมองของยศสิตาหมุนเคว้ง หยุดสั่งการชั่วขณะ ม่านตาพร่า พราย หมดเรี่ยวแรง เพียงแค่จูบของเขาก็ทำให้หล่อนตัวอ่อน ปวกเปียก มือเรียวบางไล้ไปตามอกกว้างก่อนจะไต่ขึ้นไปคล้อง คอเขาไว้เพื่อยึดเป็นหลัก

ลิ้นสากระคายดุนดันเข้าไปเก็บเกี่ยวตักตวงเอาความหวาน จากโพรงปากนุ่มราวกับภมรหนุ่มดูดดื่มเอาความหวานของน้ำผึ้งรสเลิศ จากความต้องการที่จะสั่งสอนคนปากแข็ง ในตอนแรก กลับทำให้เขาเตลิดเพริตกับความหวานที่ได้รับ ฝ่ามือใหญ่ ลูบไล้สำรวจไปตามเอวอรชร สะโพกกลมมน ก่อนจะสอดเข้าใต้ ชายเสื้อยืดสีขาว เลื่อนไปตามเนื้อแท้และเข้ากอบกุมความนุ่ม หยุ่นของเนินทรวงอวบอิ่มอย่างแผ่วเบา หญิงสาวแทบจะขาดใจ ตายยามเมื่อเขาเริ่มบีบคลึง ร่างบางสั่นระริก กายสาวตื่นเตลิด ช่องท้องขมวดเกร็งและวาบหวามไปหมดจากสิ่งที่ถูกกระทำอยู่ ในตอนนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ