บทที่ 2 เกม
ห้าปีต่อมา
ที่สนามบินนานาชาติเมืองจึงเฉิง ประเทศ S
เจียงหยุนเอ๋อยืนอยู่บนสถานที่ที่รู้สึกคุ้นเคย แล้วหัวใจก็เต้น แรงอย่างมาก
เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะได้กลับมาที่นี่อีก
ยังคงจำเมื่อห้าปีก่อนได้ หลังจากเกิดเรื่องบ้าๆขึ้นที่เมืองโบ ราณหนิงซี เธอก็ตั้งท้อง
เด็กมีอายุได้สามเดือนเต็ม ท้องจึงเริ่มนูนขึ้น เธอถึงจะสังเกต
เห็น
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็น หลังมือ
เดิมทีเร็วๆนี้เธอจะเข้าพิธีแต่งงานกับคู่หมั้น แต่เป็นเพราะการ มาของเด็กคนนี้ เขาจึงทิ้งเธอไปอย่างเด็ดขาด
เป็นเพราะเธอท้องก่อนแต่ง ปู่ของเธอจึงโกรธจนล้มหมอน นอนเสื่อ
พ่อยิ่งโกรธมาก จนตัดพ่อตัดลูกกับเธอ
เธอกลายเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลเจียง
คนทั้งเมืองจึงเฉิง ล้วนพูดว่าเธอเป็นผู้หญิงหลายใจ ไม่มี ความเป็นกุลสตรี
ถึงขั้นว่ามีคนจํานวนมาก ใส่ร้ายป้ายสี ว่าได้มีอะไรกับเธอด้วย
เดิมทีเจียงหยุนเอ๋อเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงคนดังของเมืองจึง เฉิงว่าเป็นเทพธิดาที่บริสุทธิ์ แต่ภายหลังกลับถูกมองว่าเป็นผู้ หญิงมักมาก ผ่านผู้ชายมามากหน้าหลายตา
หลังจากนั้นจึงถูกตระกูลเจียงเนรเทศให้ไปอยู่ที่ต่างประเทศ ห้าปีที่ผ่านมา ไม่มีใครสนใจ ทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีเธอคนนี้ อยู่……
เมื่อคิดถึงอดีตต่างๆ ที่ผ่านมา เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกโศกเศร้า เสียใจเหมือนจะร้องไห้ออกมา ในใจเหมือนถูกก้อนหินก้อน ใหญ่ๆทับอยู่ จนแทบจะหายใจไม่ออก
ทันใดนั้น ก็มีเสียงของเด็กน้อยดังขึ้นในหู “หยุนเอ๋อ เธอมัว แต่เหม่อลอยอะไรอยู่? ไหนบอกว่าจะไปรับกระเป๋าเดินทางไม่ใช่ เหรอ?”
เจียงหยุนเอ๋อถูกดึงสติกลับมา แล้วจึงก้มลงมองเด็กที่ยืนอยู่ ข้างๆเท้าของตัวเอง
เด็กคนนี้มีชื่อว่าเจียงซึ่งหวี มีชื่อเล่นว่าถวนจื่อ เป็นลูกชายของ
เธอ
หลังจากออกนอกประเทศตอนนั้น เธอก็ไม่ได้กำจัดเขาทิ้ง หลายปีมานี้ เธอใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในต่างประเทศ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะผ่านมันมาได้อย่างไร
เจียงหยุนเอ๋อหันไปหัวเราะกับเขา “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ เธอ ไปรอฉันที่ร้านกาแฟข้างๆตรงนั้นนะ ได้หรือเปล่า? เธอไปที่ร้าน สตาร์บัคที่อยู่ไม่ไกลร้านนั้น แล้วเอ่ยถาม
ถวนจื่อ โบกมือ ทําท่าเหมือนกับเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อยๆ “ได้สิได้สิ เธอรีบไปเถอะ ฉันจะรอเธออย่างเชื่อฟัง
เจียงหยุนเอ๋อหัวเราะแล้วหยิกแก้มของเขา “ถ้าอย่างนั้นฉันจะ
พาเธอเข้าไปสั่งอะไรกินก่อนนะ”
พูดจบ ก็กำลังจะจูงมือเล็กๆของเขา
แต่กลับถูกถวนจื่อปฏิเสธอย่างไม่พอใจ “บอกตั้งหลายรอบ แล้วว่า ห้ามหยิกแก้ม! ถ้าหยิกจนขี้เหร่จะว่ายังไง? อีกหน่อยก็จะ ไม่มีผู้หญิงส่งช็อกโกแลตมาให้ผมแล้ว แล้วเธอก็จะไม่มี ช็อกโกแลตกินด้วย”
เจียงหยุนเอ๋อหุบยิ้ม “ได้ได้ได้ ไม่หยิกแล้วก็ได้”
สองแม่ลูกหัวเราะแล้วเดินเข้าไปในร้านกาแฟ
เจียงหยุนเอ๋อสั่งเครื่องดื่มให้ถวนจื่อหนึ่งแก้วพร้อมกับขนม แล้วกําชับว่า “นั่งรอดีๆนะ ห้ามวิ่งไปไหนล่ะ”
หยุนเอ๋อ เธอพูดมากไปแล้วนะ อายุยังน้อยอยู่ เป็นแบบนี้ ไม่ดีนะ”
ถวนจื่อต่อสู้กับขนมไปพลางพูดไปพลาง
เจียงหยุนเอ๋อมองเขาแบบไม่ได้อารมณ์เสีย “ฉันก็กลัวเธอ หายไปยังไงล่ะ”
ถวนจื่อถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ต่อให้เธอหายไป ฉันก็ยัง ไม่หายหรอก”
“……”เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกเจ็บนิดๆ
เพราะว่าสิ่งที่เขาพูดคือความจริง
ถึงแม้ว่าปีนี้เด็กคนนี้จะมีอายุเพียงแค่สี่ขวบ แต่ก็มีสมองที่ ชาญฉลาดมาก เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องต่างๆ ก็มันจะฉลาดกว่า คนอื่นๆ
พนักงานเสิร์ฟที่รับหน้าที่เก็บโต๊ะ เมื่อเห็นว่าสองแม่ลูกกำลัง แสดงความรักต่อกัน ก็จึงรีบอาสาว่า: คุณผู้หญิงคะ ฉันจะช่วย คุณดูแลลูกของคุณให้เองค่ะ ไม่ให้เขาเที่ยววิ่งเล่นไปไหน คุณไป รับกระเป๋าอย่างสบายใจได้เลยค่ะ”
เจียงหยุนเอ๋อยิ้ม “แบบนี้จะดีเหรอคะ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลูกของคุณน่ารักขนาดนี้ ฉันเห็นก็รู้สึกชอบ คุณ รีบไปเถอะค่ะ”
เจียงหยุนเอ๋อได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจ “ถ้าอย่าง นั้นต้องรบกวนคุณด้วยนะคะ ฉันจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
พูดจบ เธอก็เดินออกจากร้านกาแฟอย่างสบายใจ ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ถวนจื่อคนเดียว
เด็กคนนี้มีคุณสมบัติหลักทั้งห้าบนใบหน้าที่ดูดี ดวงตากลมโต คู่นั้นดูมีแสงเปล่งประกายอยู่ตลอดเวลา บนร่างกายสวมใส่เสื้อ ยึดแบบง่ายๆเข้าคู่กับกางเกงยีน แต่ก็ทำให้ดูน่ารักและดูหล่อได้
ที่นี่คือสนามบิน คนที่เข้ามาในร้านกาแฟก็มีไม่น้อยอย่าง แน่นอน ทุกคนที่เดินผ่านไป ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามอง
และดูเหมือนว่าตัวเขาเองชินกับสายตาที่มองเขาเช่นนี้ จึงใจ กว้างและปล่อยให้ตามสบาย ส่วนตัวเองก็ตักเค้กเข้าปาก และ ไม่ลืมที่จะมองซ้ายมองขวา ดูสิ่งต่างๆรอบตัว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กลับมาที่บ้านเกิดของเจียงหยุนเอ๋อสิ่ง ต่างๆที่พบเห็นล้วนดูแปลกใหม่
มองไปมองมา สายตาของเด็กน้อยก็หยุดลง แล้วมองไปที่
ผู้ชายที่นั่งอยู่ติดกัน
มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งไขว่ห้างอย่างสบายๆอยู่ สวม ใส่เสื้อสูทที่สั่งตัดมาพอดีกับตัว มีรูปร่างที่ดูค่อนข้างจะผอมสูง สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ปลดกระดุมออกสองเม็ด ทำให้ตรงปก เสื้อเปิดเว้าออกเล็กน้อย
ตอนนี้เขากำลังขมวดคิ้ว จ้องมองไปที่โทรศัพท์ หัวแม่มือทั้ง สองข้างกำลังสัมผัสอยู่ที่หน้าจอด้วยความเร็วสูง
พอลองดูอย่างละเอียด จึงพบว่าเข้ากำลังเล่นเกมที่เป็นที่นิยม
อยู่ในขณะนี้
ถวนจื่อดูเหมือนว่าจะถูกดึงดูดความสนใจ รีบกินเค้กที่อยู่ในจานจนหมด หลังจากนั้นก็กระโดดลงจากที่นั่ง แล้วค่อยๆเขยิบ ไปอยู่ด้านหลังของผู้ชายคนนั้น แล้วแอบดูอย่างเงียบๆ
อาจเพราะชายคนนั้นกำลังใจจดใจจ่ออย่างมาก หรืออาจจะ เป็นเพราะกวนจื่อตัวเล็กเกินไป เขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าข้างๆ ตัวมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง
จนกระทั่ง…….ในมือเขาเกิดความผิดพลาดขึ้นจนไม่รู้ว่าเป็น ครั้งที่เท่าไหร่ กวนจื่อรู้สึกทนไม่ไหวจึงพูดว่า “คุณลุง เทคนิค ของคุณช่างอ่อนหัดจริงๆ? เป็นมือใหม่? หรือมีไว้เพื่อสกัดเพื่อน ร่วมทีมโดยเฉพาะ!
ตอนนี้เอง ที่ชายคนนี้เพิ่งจะสังเกตเห็นถวนจื่อ มองเห็นก็เพียงแค่สายตาดูถูกที่เด็กคนนั้นกำลังมองมา แวว ตาเล็กๆนั้นช่างดูสดใสจริงๆ
จุนถึงดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่า ตัวเองจะถูกมองด้วยสายตา ดูถูก ทำให้เลิกคิ้วหนาๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วจึงหยุดหัวเราะ “ฉัน เป็นมือใหม่จริงๆ ฟังจากน้ำเสียงของเธอแล้ว ดูท่าจะไม่ ธรรมดา?”
“แน่นอนสิ ผมเล่นเกม หากบอกว่าเป็นที่สอง ก็ไม่มีใครกล้า มาเป็นที่หนึ่งอีก”
ถวนจื่อพูดด้วยความภาคภูมิใจ
จุนถึงเห็นท่าทางของเขาแล้วก็ยิ้มมุมปาก หากเป็นแต่ก่อน มีคนเข้าใกล้เขา เขาไม่มีทางที่จะสนใจอย่างแน่นอน
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาไม่สามารถที่จะเพิกเฉยเด็กคนนี้ได้ ถึงขนาดอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเขา “พูดใครก็พูดได้ ลองมาเล่นดู สักตาสิ?”
“แล้วจะมีปัญหาอะไรล่ะ คุณเอาโทรศัพท์มาให้ผมสิ
พูดพลาง ก็เอื้อมมืออูมๆออกไปหาจนถึง ลี่จุนถึงก็ยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้อย่างง่ายดาย ถวนจื่อรับมาแล้ว ก็จึงกดเริ่มต้นเกม
หลังจากนั้น……. จุนถึงก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่า หมายเลขผู้ เล่นของเขาที่ถูกคนอื่นเอาชนะมาโดยตลอด เหมือนกับว่าเปิด เอาไว้เฉยๆ กลายเป็นผู้เล่นมือฉมังไปเสียแล้ว
สิบนาทีต่อมา จบไปหนึ่งตา เขาสามารถฆ่าคนได้จำนวนนับ
ไม่ถ้วน
และในที่สุดก็…….ชนะแล้ว!
จุนถึงรู้สึกใจลอยไปชั่วขณะ หลังจากนั้นจึงมองไปที่ถวนจื่อ แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ไม่เลวนี่ ไม่ธรรมดาเลย จริงๆ ใครเป็นคนสอนเธอเล่น?”
“เรื่องแบบนี้ต้องสอนกันด้วยเหรอ แค่ลองเล่นดูก็เล่นเป็น
แล้ว”
ถวนจื่อพูดอย่างไม่เกรงใจ
ลี่จุนถึงขมวดคิ้วที่ได้รูปของเขา
ลองเล่นดูก็เล่นเป็นแล้ว?
ถ้าจำไม่ผิด เกมนี้เป็นเกมที่บริษัทชื่อกรุ๊ปพัฒนาขึ้นมา มี ความยากในระดับหนึ่ง หลายวันมานี้บริษัทก็กำลังทำการ ทดสอบเวอร์ชันใหม่ เขาไม่มีอะไรทำ จึงลองเล่นดูสองสามตา ผลคือแพ้อย่างต่อเนื่องหลายตา
ตอนนี้ยิ่งถูกเด็กน้อยอายุสี่ห้าขวบเกทับ ถือว่านี่เป็นประสบการณ์ที่ตัวเขาเองไม่เคยพบเจอมาก่อนใน ชีวิต
ขณะที่จุนถึงกำลังไม่ได้สติ ก็ได้ยินถวนจื่อตบเบาๆแล้วถาม ว่า “คุณลุง หรือว่าคุณจะนับถือผมเป็นอาจารย์ดีล่ะ คราวหน้า เวลาเล่นเกม ผมจะได้พาคุณชนะด้วย”
ทันใดนั้นจนถึงก็ดูเหมือนจะหัวเราะไปพลางร้องไห้ไปพลาง ต้องให้เขานับถือเด็กสี่ห้าขวบเป็นอาจารย์จริงหรือ?
ถึงแม้ว่าฝีมือการเล่นเกมของเขาจะแย่จริงๆ แต่…..อย่างไร ก็ตามเขาก็เป็นถึงประธานของบริษัทชื่อกรุ๊ป ถ้าเรื่องนี้ถูก แพร่งพรายออกไปจะว่ายังไง?
ลี่จุนถึงจึงรีบปฏิเสธในทันที “จะให้นับถือเป็นอาจารย์คงไม่ล่ะ แต่ถ้าจะให้เล่นเกมด้วยกันละก็อาจจะลองพิจารณาดู
“อย่างนั้นเหรอ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าเสียดายจริงๆ เพราะคุณพลาดโอกาสที่จะได้กลายเป็นเทพแล้ว” ถวนจื่อถอนหายใจ แล้ว ทําหน้าเสียใจ
จนถึงที่ปกติแล้วหน้าตาจะได้ความรู้สึก แต่เป็นเพราะคำพูด ประโยคนี้ ทำให้เขาอดที่จะทำไม่ได้ “ฉันไม่อยากกลายเป็นเทพ แต่ว่าฉันอยากเล่นเกมร่วมกันเธอมากจริงๆ” เขาพูดพลาง ก็ หยิบนามบัตรขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อหนึ่งใบ แล้วยื่นออกไป “นี่ คือนามบัตรของฉัน ข้างบนมีช่องทางการติดต่อของฉันอยู่ ถ้า เธอมีปัญหาอะไรก็สามารถโทรหาฉันได้
“ไม่มีปัญหา” แล้วถวนจื่อก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เขามีความรู้สึกต่อหนุ่มหล่อที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ว่า เป็นคนที่มี ไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่น อีกทั้งยังเป็นเป็นคุณลุงที่คุยเก่ง และรู้สึก ประทับใจ
หลังจากที่จุนถึงลูบหัวของเขา ก็ยกมือขึ้นดูเวลา เมื่อพบว่า ใกล้ถึงเวลาแล้ว เขาจึงลุกขึ้นและบอกลาถวนจื่อ หลังจากนั้นก็ เดินจากไป
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ