ตอนที่ 5 บังคับซื้อ บังคับขาย
ยังไม่ทันเดินเข้าประตู เสียงเอะอะจากในร้านทำให้เยี่ยหลีถึง กับต้องขมวดคิ้ว ร้านขายของ โบราณ โดยปกติมิใช่ที่ที่มีคน ขวักไขว่ โดยมากจะค่อนข้างเงียบสงบ แต่นี่ยังไม่ทันเดินเข้า ร้านก็ได้ยินเสียงดังชัดเจนเต็มสองหูเสียแล้ว
เมื่อเดินเข้าประตูไป ภายในร้านมีของวางระเกะระกะอยู่ เต็มไปหมด หลงของร้านในชุดผ้าทออย่างดีมีราคากำลังมอง ชายหนุ่มที่ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ คนหนึ่งอย่างดูถูก ชายหนุ่มคนนั้นมี สีหน้าห่อเหี่ยวดูอ่อนแอ ใบหน้าสะอาดสะอ้านออกไปทางซีด เหลือง เสื้อผ้าที่สวมใส่ถึงแม้จะดูเก่า แต่ก็ได้รับการรักษาอย่าง ดี มองไปก็ไม่ได้ทําให้คนนึกรังเกียจแต่อย่างใด ลักษณะ ท่าทางออกจะมีการศึกษาเสียด้วยซ้ำ ในยามนั้นสีหน้าของเขา ดูประดับประเดิด ร้อนรน และไม่เป็นสุข “หลง ลองดูดีๆ อีกที ภาพนี้เป็นฝีมือของท่านคือไข่ ศิลปินชื่อดังในราชวงศ์ก่อน จริงๆ นะขอรับ”
หลงจูมองชายคนนั้นด้วยสีหน้าดูแคลน “สภาพเจ้า ซอมซ่อเช่นนี้จะมีผลงานของท่าน…..คือไข่ของจริงได้อย่างไร เห็นๆ อยู่ว่าภาพนี้เป็นของปลอม! แต่ว่าร้านของข้าก็รับซื้อของ เลียนแบบ เห็นแก่ว่าภาพนี้ฝีมือการเลียนแบบพอใช้ได้ ข้าให้ เจ้าสองร้อยาถึงก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มคนนั้นโกรธจนหน้าแดง “เจ้า…เจ้า… ซื้อไข่เป็นศิลปินชื่อดัง ในราชวงศ์ก่อน ผลงานจากฝีมือของเขาต่อให้ มิใช่ผลงานชิ้นเอกก็ต้องได้สองพันตำลึงเป็นอย่างน้อย จะโก่ง ราคาให้สูงขึ้นอีกหน่อยยังได้เลย หลงคิดจะซื้อมรดกตกทอด ของตระกูลเขาด้วยราคาเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น หากมิใช่ เพราะร้อนเงินจริงๆ เขาจะตัดใจขายภาพนี้ลงได้อย่างไร ถ้า เจ้าพูดเช่นนี้ เช่นนั้นขาไม่ขายแล้ว!” หนุ่มคนนั้นม้วนภาพเก็บ กลับด้วยความโกรธเคือง
“ช้าก่อน!” พอหลงเห็นว่าหนุ่มนั่นจะไปจริงๆ ก็ต้องเขา ด้วยสายตาแข็งกร้าวแฝงแววชั่วร้าย “ข้าให้เจ้าสองร้อยตำลึง นี่ถือว่าเห็นแก่หน้าของเจ้าแล้ว! ภาพนี้เจ้าคงขโมยมาสท่า จะ ว่าไปก็น่าจะใช่หรอก ดูจากสภาพของเจ้าซอมซ่อเช่นนี้จะมี ภาพวาดชื่อดังได้อย่างไร เช่นนั้นเราไปพบทางการกันหน่อย เป็นไร”
“จะไปพบทางการก็ไปสิ ข้ากลัวเสียที่ใด ให้มันรู้ไปว่า หลงเปิดร้านขายของอย่างเจ้าพูดจากันดีๆ ไม่รู้เรื่อง!” ชาย หนุ่มโกรธจนหน้าด่าหน้าแดง
หลงจูยิ้มเยาะแล้วกล่าวว่า “พูดกันดีๆ หรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่า ร้านนี้เป็นร้านของผู้ใด ข้าจะบอกให้เอาบุญ ร้านนี้เป็นกิจการ ของตระกูลเยี่ยเจา คุณหนูของจวนเราก็กำลังจะออกเรือนไป เป็นภรรยาเอกของท่านหลีออง แล้วเจ้าคิดว่าทางการจะเชื่อข้า หรือเชื่อคนซอมซ่ออย่างเจ้ากัน
“คุณชายท่านนี้ ภาพของท่านข้าขอซื้อไว้แล้วกัน สองพัน ตำลึงใช่หรือไม่ เยี่ยหลีเดินเข้าไปในร้าน แล้วเอ่ยกล่าวเสียง
แผ่วเบา ชายสองคนที่ยืนโต้เถียงกันอยู่ต่างชะงักไป ชายหนุ่มคน นั้นตั้งสติได้ก่อน จึงหันมามองหญิงสาวที่ดูงามสง่าตรงหน้า
ก่อนถามว่า “เจ้า…เจ้าเชื่อข้าหรือ
อันที่จริงเยี่ยหลีเองก็ดูไม่ออกว่ามันคือของจริงหรือของ ปลอม แต่นางสรุปจากปฏิกิริยาของหลงและชายผู้นี้ แล้วยัง สีหน้ารู้สึกผิดของซอฟู
[1]
ดูภาพที่อยู่หลังโต๊ะนั่นอีก แต่ถึงอย่างไร ต่อให้ภาพนี้เป็น
ของปลอมนางก็จะซื้อ
พอหลงเห็นเด็กที่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งจะมาทำให้ การค้าของตนเสียหาย จึงอดที่จะโกรธไม่ได้ ยิ่งเห็นว่าเสื้อผ้า ของเยี่ยหลีมิใช่ผ้าเนื้อดีอะไร ดูแล้วคงมิใช่คุณหนูมีเชื้อมีแถว จากที่ใด จึงพูดด้วยความดูหมิ่นว่า “แม่หนูอย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง ไปหน่อยเลย”
เยี่ยหลีเหลือบตามองหลงที่หนึ่งแล้วยิ้มน้อยๆ “คุณชาย ท่านนี้ไม่ยอมขายภาพให้เจ้า ยามนี้ข้าขอซื้อแล้ว จะถือว่าข้ายุ่ง ไม่เข้าเรื่องได้อย่างไร
หลงส่งเสียงเหอะ แล้วเอ่ยว่า “วันนี้ข้าจะซื้อก็ต้องได้ซื้อ จะไม่ซื้อก็ต้องได้ซื้อ! คุณหนูสีของตระกูลของพวกเราจะมีงานมงคลใหญ่ กำลังมองหาภาพวาดโบราณมาใส่กรอบ
เยี่ยหลียิ้มเย็น “ของที่ไม่ขายก็ต้องขายหรือ ดีเลย วันนี้ข้า
จะต้องซื้อให้ได้ ชิงซวง จ่ายเงิน” ชิงซวงหัวไว รีบหยิบเงินสองพันตำลึงยัดใส่มือชายหนุ่มผู้
นั้น แล้วฉวยจังหวะดึงรูปติดมือมาด้วย “คุณชาย นี่เงินเจ้าค่ะ
ท่านรับไปเถิด”
ชายหนุ่มมีท่าทางลังเล “ไม่ได้หรอก แม่นางเป็นสตรีมา กันเพียงสองคน… ” ถ้าเขาไปแล้ว หากแม่นางสองคนนี้ยังมี ภาพอยู่ในมือเกรงว่าคงเดินออกจากประตูร้านไปดีๆ ไม่ได้ ถึง แม้ตนจะรีบร้อนต้องใช้เงิน แต่ก็มิอาจทำร้ายหญิงสาวจิตใจดี สองคนนี้ได้ ยิ่งเห็นชายฉกรรจ์สองสามคนเดินไปขวางหน้า ประตูด้วยแล้ว ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “ภาพนี้ข้าไม่ ขายแล้ว แม่นางคืนภาพให้ข้าเถิด”
เยี่ยหลีรับภาพจากมือชิงซวงมาเปิดออกดู แล้วยิ้มด้วย ความพอใจ “พอดีเลย ภาพชมจันทร์ริมแม่น้ำชิงเจียง เขาจะ นำไปเป็นของกำนัลให้ผู้อื่น คุณชายรับเงินไปก็พอแล้ว ข้าจะ คอยดูว่าบ้านเมืองยังมีขอมีแปอยู่หรือไม่
“ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าทุกคนก็ห้ามไปที่ใดทั้งสิ้น!” หลงรีบ เยี่ยหลีมองเขาด้วยสายตาขบขัน “เจ้าจะทำไม จะฆ่าพวก เราหรือ
สีหน้าหลังดูแข็งกร้าวขึ้น เอ่ยเสียงเย็นว่า “ถึงแม้ข้าจะไม่ กล้าฆ่าพวกเจ้า แต่ช้าก็สามารถจับพวกเจ้าเข้าคุกได้! เจ้า ไปนำป้ายชื่อของฮูหยินมา แล้วจับเจ้าโจรสามคนนี้ไปส่งให้ ทางการ!”
“บังอาจ! ระวังคุณหนูของข้าจะตัดนิ้วพวกเจ้าทิ้ง!” ชิงซวง ออกมาขวางหน้าเยี่ยหลี ฉวยโอกาสผลักชายคนที่พุ่งเข้ามา หมายจะจับเยี่ยหลี นางจ้องหลงด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว “เจ้า สุนัขรับใช้ ถ่างตาของเจ้าแล้วดูให้ชัดๆ ว่าร้านเงินเดือเซวียนนี้ เป็นของคุณหนูของข้า
ทุกคนต่างนิ่งอึ้งไป สีหน้าของหลงซีดเผือด มองเยี่ยหลี ด้วยสายตาสงสัย “เจ้า…เจ้าคือ…
เยี่ยหลีเพียงมองเขานิ่งๆ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบว่า “ข้าแต่ เยี่ย เป็นบุตรสาวคนที่สาม
“คุณหนูสาม?” หลง พูดเสียงขาดๆ หายๆ หน้าบ้าน ทันใด
เยี่ยหลีน่าม้วนภาพในมือส่งให้ชิงซวง มองสำรวจชาย ฉกรรจ์ที่ยืนล้อมอยู่ แล้วเอ่ยเสียงเย็นว่า “ยังไม่ถอยไปอีก ไม่ อยากมีงานทํากันแล้วใช่หรือไม่” ชายฉกรรจ์เหล่านั้นเหลือบ มองหน้าหลัง แล้วหันกลับมามองหน้าเยี่ยหลี ก่อนถอยออก ไป
ปฏิกิริยาของหลงจูเองก็รวดเร็วไม่น้อย ชะงักไปเพียง อึดใจ แล้วแค่นหัวเราะพร้อมเดินเข้ามาว่า “คุณหนูสาม ท่าน มาได้อย่างไรขอรับ”
เยี่ยหลีเดินสำรวจภายในร้านเรื่อยเปื่อยรอบหนึ่ง ท่าทีเป็นหันมองไปทางอื่น แสร้งไม่เห็นว่ามีชายฉกรรจ์คนหนึ่งแอบ ฉากหลบออกไป นางถามขึ้นว่า “ชื่อเงินเต๋อเซวียนนี้เป็นชื่อที่ ท่านลุงใหญ่ของข้าเป็นผู้ตั้ง เหตุใดถึงให้ชื่อว่าเป็นเต๋อ หลง คงไม่รู้เป็นแน่ เหอซื้อฟู ไหนท่านลองตอบดู
ซื้อฟูที่หลบอยู่หลังโต๊ะ เดินออกมาด้วยความกล้าๆ กลัว ตอบเสียงเบาว่า “เรียน…เรียนคุณหนูสาม นายท่านอยากให้ พวกเราทำกิจการร้านขายของเก่า โดยยึดหลักศีลธรรมสามข้อ นั่นคือ พูดดี ทําดี มีศีลธรรมขอรับ
“ตอบได้ดี ถ้าเช่นนั้นเมื่อสักครู่พวกท่านทำอะไรกันอยู่ กล่าวหาว่าของจริงเป็นของปลอมแล้วบังคับให้เขาขายถูกๆ เช่นนั้นหรือ”
หลงรีบเถียงว่า “คุณหนูสามไม่เข้าใจวิธีทำการค้า พวก ข้าทำเพราะเห็นแก่การค้าของร้านเงินเต๋อเซวียนหรอกนะ ขอรับ ทําการค้าประเดี๋ยวนี้มิใช่เรื่องง่ายเลย
เยี่ยหลีหัวเราะเสียงเย็น “ข้าอาจไม่รู้วิธีทำการค้าก็จริง แต่ข้ารู้ดีว่าการทำการค้าสำคัญที่คำว่าเชื่อใจ หากรู้เสียแล้วว่า คนของเราเชื่อใจไม่ได้ แล้วผู้ใดจะอยากทำการค้ากับเจ้า อีก อย่างที่พวกเจ้าบอกทำการค้ากันอยู่นะ….บัญชีร้านเป็นเพื่อเซ วียนทุกวันนี้ดูแล้วช่างน่าหดหู่ใจนัก
เยี่ยหลีบตัดบท “เจ้าไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งสิ้น ตั้งแต่วัน นี้เป็นต้นไปเจ้าไม่ต้องมาทำหน้าที่หลงของร้านนี้อีก ส่วนเรื่องบัญชีก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง พวกเจ้าคนอื่นๆ อธิบายให้ข้า ฟังโดยละเอียด พอข้ารู้เรื่องโดยละเอียดแล้ว หากเรื่องไม่ เกี่ยวข้องกับพวกเจ้า และพวกเจ้าอยากจะทำงานที่นี่ต่อไปก็ ย่อมได้ แล้วข้าจะมีเงินพิเศษให้พวกเจ้าอีกคนละห้าสิบตำลึง แต่หากไม่ยอมอธิบายมาให้ละเอียด พวกเจ้าก็ไปอยู่ด้วยกันใน คุกก็แล้วกัน ข้าจะคอยดูว่านายของพวกเจ้าจะมาเอาตัวพวก เจ้าออกไปหรือไม่!
ชายฉกรรจ์สามสี่คนมีท่าทางลังเล เรื่องที่คุณหนูสาม กำลังจะออกเรือนกับทิ้งฮ่องนั้นพวกเขาต่างรู้ดี เมื่อร้านนี้กลับ ไปอยู่ในมือของคุณหนูสามแล้ว แน่นอนว่าจะต้องเป็นสมบัติ ติดตัวของคุณหนูสามเข้าตำหนักตั้งอ๋องไป หากยอมพูดความ จริง พวกเขายังมีโอกาสได้เข้าตำหนักตั้งอ๋อง แต่หากไม่พูดก็ คงต้องไปนอนในคุก อีกอย่างเงินห้าสิบตำลึงก็มิใช่เงินจำนวน น้อยๆ เกือบเท่าเงินเดือนของพวกเขาถึงสองปีเลยทีเดียว
เมื่อหลงเห็นลูกน้องเริ่มคล้อยตามก็รีบอ้างทันทีว่า “คุณ หนูสาม ข้าเป็นคนของฮูหยิน ท่านไม่มีสิทธิ์มาไล่ข้าออก
เยี่ยหลีหัวเราะเบาๆ “ขออภัยด้วย ร้านเซ็นเตอเซวียนนี้ เป็นของข้าแล้ว เมื่ออธิบายเรื่องบัญชีจนขาเข้าใจเรียบร้อย แล้ว เจ้ามาทางไหนก็ไปทางนั้น แต่หากอธิบายไม่ละเอียดละ ก็…ต่อให้เจ้าเป็นน้องแท้ๆ ของฮูหยินก็ไร้ประโยชน์ คนตระกูล หวังคงไม่ได้มีนิสัยชอบเอาของของคนอื่นมาใช้จนคิดว่าเป็น ของของตัวเองเข้าจริงๆ กระมัง
“ท่าน…ท่าน…” สีหน้าของหลงประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวซีด
เยี่ยหลีไม่สนใจเขาอีก นางหันกลับไปมองชายหนุ่มที่ยืน นิ่งอยู่ นางรู้มานานแล้วว่าหลายปีก่อนหลงของร้านเซ็นเต่อเซ วียนคนเก่าถูกเปลี่ยนมาเป็นลูกผู้พี่ของหวังชื่อ “คุณชายท่านนี้ ข้าทำให้ท่านถูกดูหมิ่น เพราะข้าสั่งสอนคนของข้าไม่ดี ขอ ให้ท่านอภัยด้วย
“ไม่…ไม่หรอก ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มโบกมือด้วยความ เกรงใจ เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าแม่นางที่ดูสุภาพและงามสง่าผู้นี้จะ เป็นถึงเจ้าของร้านค้าแห่งนี้ คิดไปคิดมา ถึงแม้จะคิดว่ายังไม่ เข้าเรื่องไปสักหน่อย แต่ชายหนุ่มก็อดที่จะเอ่ยออกไปไม่ได้ว่า “ถึงอย่างไรแม่นางก็เป็นเจ้าของร้านเซ็นเต๋อเซวียนนี้ ขอให้ ท่าน…ใส่ใจให้มากกว่านี้หน่อยก็แล้วกัน หาก…” หากวันนี้ไม่ เจอแม่นางผู้นี้เข้า เกรงว่าตนคงถูกกล่าวหาจนต้องเข้าไปนอน ในคุกเสียแล้ว แล้วดูจากท่าทางของหลง นี่คงมิใช่ครั้งแรก เป็นแน่
เยี่ยหลีไม่โกรธ เพียงยิ้มแล้วพยักหน้า “ขอบคุณที่ท่าน ช่วยชี้แนะ ข้าเองก็เพิ่งมารับช่วงต่อร้านนี้ ต่อไปข้าจะอบรมให้ เข้มงวดยิ่งขึ้น ข้าเห็นว่าท่านเองก็เสียดายภาพนี้อยู่ไม่น้อย เช่น นั้นท่านเอาภาพนี้กลับไปก่อนแล้วกัน ส่วนเงินนั้นถือเสียว่าข้า ให้ท่านยืม อีกหน่อยถ้าท่านไม่เดือดร้อนแล้วค่อยเอามาคืน ก็ได้”
ชายคนนั้นส่ายหน้าโดยแรง ถึงแม้ใจจริงจะเสียดายภาพ ที่เป็นมรดกของครอบครัวอยู่ไม่น้อยก็ตาม “ข้าไม่รับเงินผู้ใด เปล่าๆ ขอให้แม่นางเก็บภาพ ชมจันทร์ริมแม่น้ำซึ่งเจียง นี้ไว้ก่อนสักสองเดือนก็แล้วกัน ภายในสองเดือนนี้ช้าจะหาทางนำ เงินมาคืนแม่นางให้จงได้
เยี่ยหลีเห็นเขาแน่วแน่เช่นนี้ก็ยิ้มอย่างไม่ถือสา “ข้าจะเก็บ ภาพไว้ที่ร้านนี้ ท่านมาไถ่ถอนคืนไปได้ทุกเมื่อ ชิงซวง น้ำเงิน อีกร้อยตำลึงให้คุณชายท่านนี้ ถือเสียว่าเป็นการขอโทษจาก
หนึ่ง
[1] ซอฟู หรือซื้อ คำเรียกผู้เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่อง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ