เจ้าหญิงของลูกสาวของภรรยาคนแรก

ตอนที่ 2 สินเดิม



ตอนที่ 2 สินเดิม

ถึงแม้จะเป็นที่รู้กันดีว่าตั้งอ๋องเป็นเพียงบุคคลไร้สมรรถภาพคน หนึ่ง แต่คนไร้สมรรถภาพผู้นี้เป็นถึงชื่อสีอ๋องชั้นหนึ่งคนเดียว แห่งแผ่นดินต้า ดังนั้นแม้แต่เจ้ากรมเยียและเยี่ยฮูหยินผู้เฒ่าที่ ปกติไม่ค่อยสนใจไยดีเยี่ยหลีเท่าไร ก็ยังต้องเรียกให้เยี่ยหลีมา พบด้วยเหตุนี้

“หลานคารวะท่านย่า คารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ” เมื่อเยี่ยหลีไป ถึงห้องรับรองแขก ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านเจ้ากรม หวังชื่อ และแม้แต่ เยี่ยยิ่งก็อยู่ที่นั่นแล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มด้วยความเอ็นดู พยักหน้าให้เล็กน้อย “หลี เอ๋อร์ ลุกขึ้นเถิด นี่เจ้าได้พระราชทานงานเสกสมรสกับท่านอ๋อง ยิ่งเอ๋อร์เองก็จะแต่งออกไปกับท่านหลีอองเดือนหน้านี้ด้วย ถือว่าตระกูลเราจะมีงานมงคลใหญ่ถึงสองงานด้วยกันทีเดียว

เยี่ยหลีลุกขึ้นยืน หลุบตาลงมองพื้นที่อยู่ตรงหน้า สีหน้า เต็มไปด้วยความเคารพนบนอบ ท่านย่าต้องเดินทางไกลมา ด้วยเหตุนี้ถือเป็นความอกตัญญูของหลาน ข้าทำให้ท่านย่า มากแล้ว

ถึงแม้ส่วนตัวจะไม่ได้รักชอบอะไรเยี่ยหลีนัก แต่ด้วย ถ้อยคำของนางประโยคนี้ก็ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกดีกับนางขึ้น มาก สีหน้าที่มองเยี่ยหลีจึงพลอยดูอบอุ่นขึ้นไปด้วย “เรื่องนี้เป็นงานมงคลใหญ่ของตระกูลเรา ข้าจะไม่กลับมาได้อย่างไร สินเดิมของเด็กสองคนนี้จัดการเรียบร้อยดีแล้วหรือ

หวังชื่อรีบลุกขึ้นยืน มองฮูหยินผู้เฒ่าด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “เรียนฮูหยินผู้เฒ่า ตระกูลเรามีบุตรสาวที่ยังไม่ออกเรือนสี่คน คนหนึ่งกำลังจะแต่งออกไปเดือนหน้ายังพอเตรียมการทัน เพียงแต่หากมีเรื่องแต่งงานของลูกสามด้วยอีกคน เกรงว่า….

ฮูหยินผู้เฒ่าผ่านโลกมามาก มีหรือจะรู้ไม่เท่าทันความคิด ของหญิงตระกูลหวังผู้นี้ นางหยุดคิดเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “วัน มงคลของหลานหลียังไม่กำหนดแน่ชัด เจ้ารีบจัดการของอึ้งเอ อให้เรียบร้อยก่อนก็แล้วกัน”

ได้ฟังฮูหยินผู้เฒ่าพูดเช่นนี้ หวังชื่อก็รีบรับคำด้วยความ ยินดี

ฮูหยินผู้เฒ่ามองหลานทั้งสองคน แล้วสั่งให้สาวใช้หยิบ กล่องสองใบออกมาวางบนโต๊ะ “หลานทั้งสองคนต่างมีบุญ วาสนา คนหนึ่งจะเสกสมรสกับท่านหลีออง ส่วนอีกคนจะเสก สมรสกับท่านติ้งอ๋อง คนเป็นย่าอย่างช้าจะไม่ลำเอียง ของให้ พวกเจ้าคนละกล่อง อีกหน่อยหลานห้ากับหลานหกก็จะได้อย่าง นี้เช่นกัน เรือนที่ย่าได้นำติดตัวมายามออกเรือนก็แบ่งให้พวก เจ้าคนละหลัง ส่วนของในกงสีจะให้พวกเจ้าติดตัวกันไปมาก น้อยเพียงใดก็สุดแท้แต่ท่านพ่อท่านแม่ของพวกเจ้าแล้วกัน

หวังอยิ้มแล้วรีบเอ่ยประจบ “ท่านย่าช่างเอ็นดูหลายๆ ยิ่งนัก ตัวข้าและท่านที่ตกลงกันไว้แล้วว่า ฝ่ายเจ้าบ่าวของอิ๋งเออร์เป็นถึงท่านอ๋อง หากนำของติดตัวไปน้อยเกรงว่าจะทําให้ บรรดาราชนิกุลไม่พอใจ จึงคิดจะเอาเงินจากกงสีให้ติดตัวไป เพิ่มอีกสองหมื่นสองพันตำลึง พร้อมเรือนอีกหกหลังและร้านค้า อีกหกห้อง แล้วข้าจะยกเรือนที่ติดตัวข้ามายามแต่งงานให้นาง อีกสองหลังเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย “จะไม่เยอะไปหน่อยหรือ ถึงแม้อิงเอ๋อร์จะแต่งงานกับท่านอ๋อง สินเดิมมากหน่อยจึงจะสม หน้าสมตา แต่หากอีกหน่อยหลานสาวที่เหลือในจวนจะ แต่งงานแล้วมีสินเดิมน้อยไปก็จะไม่ดีต่อชื่อเสียงของจวนเจ้า กรม “แล้วสินเดิมของหลีเอ๋อร์เจ้ากะเกณฑ์ไว้อย่างไรบ้าง

ถึงอย่างไรฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังแยกแยะได้มากกว่าหวังชื่อ แม้ตั้งอ๋องจะเป็นคนไร้สมรรถภาพ แต่ก็เป็นคนไร้สมรรถภาพที่ มีฐานันดรศักดิ์สูงส่งนัก หากไม่เพราะสภาพร่างกายของเขา แล้ว เกรงว่าจะมีฐานะสูงยิ่งกว่าหลีอองเสียอีก หากละเลยสิน เดิมของเยี่ยหลีจนเกินไปแล้ว กลุ่มคนที่จงรักภักดีต่อตำหนัก ตั้งฮ่องคงจะมีเรื่องให้กล่าวถึงกันไม่น้อย

เห็นได้ชัดว่าหวังซื้อไม่ทันคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะถามนาง ตรงๆ เช่นนี้ นางมีท่าทางลังเลเล็กน้อยก่อนตอบว่า “ถึงอย่างไร ท่านตั้งอ๋องก็ไม่เหมือนพี่น้องร่วมอุทรของฮ่องเต้ แล้วจวนของ เราเองก็…ข้าคิดจะรอดูของหมั้นที่ทางจวนท่านอ๋องส่งมาเสีย ก่อน เมื่อถึงเวลาค่อยเพิ่มเรือนเข้าไปอีกสักสองหลังก็ใช้ได้ แล้วเจ้าค่ะ” ความหมายของนางก็คือ ให้เอาของหมั้นจาก ตำหนักต้องมาเป็นสินเดิมส่งกลับไป จะมากน้อยเท่าใดก็สุดแท้แต่นใจของท่านอ๋องเอง

ได้ฟังเช่นนี้ สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าพลันไม่พอใจขึ้นมา ทันที “บ้าไปแล้ว จะให้เอาของหมั้นมาเป็นสินเดิมแล้วส่งกลับ ไป เจ้านี่กล้าคิดออกมาได้ ชื่อเสียงตระกูลเยี่ยของเรา เจ้ายัง อยากจะรักษาไว้อยู่หรือไม่ ชื่อเสียงมารดาเลี้ยงของเจ้ายัง อยากจะรักษาไว้หรือไม่ หลายปีมานี้ถึงแม้ตระกูลสวีจะถดถอย ลงไปมากก็จริง แต่ตระกูลหวังของเจ้าก็ยังหาเทียบชั้นได้ไม่

เมื่อถูกฮูหยินผู้เฒ่าต่อว่าอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ หวังซื้อหน้า แดงขึ้นทันที นางรีบร้อนชี้แจงว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า อย่าเข้าใจข้า ผิดนะเจ้าคะ หลายปีมานี้ข้าเคยรังแกลูกสามเสียเมื่อใด อันที่ จริง…อันที่จริง…จวนของเราเองก็ลำบากอยู่ไม่น้อย แล้วยังมี บุตรสาวอีกตั้งหลายคนที่ยังไม่ได้ออกเรือนไป อีกหน่อยหากห รงเกอเอ๋อร์จะแต่งงานก็ต้องใช้เงินอีก…

ลูกสะใภ้ที่คิดไม่เป็นผู้นี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนแทบ หายใจไม่ออก เขี่ยทรงปีนี้เพิ่งอายุเจ็ดขวบ เรื่องแต่งงานจะอีก กี่ปีก็ยังไม่รู้เลย ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองเจ้ากรมเยี่ยที่นั่งเงียบอยู่ ข้างๆ บุตรสาวของเจ้า เจ้าพูดมาซิว่าสมควรจัดการอย่างไร

โชคดีจริงๆ ที่กลับมาสอบถามเรื่องนี้ด้วยตนเอง หากให้ สะใภ้ตระกูลหวังจัดการเรื่องออกเรือนของเยี่ยหลีอย่างที่นาง ว่าแล้วละก็ ไม่เพียงหมิ่นเกียรติตำหนักทิ้งฮ่องเท่านั้น แต่ยัง หมิ่นเกียรติตระกูลสวีอีกด้วย หลายปีมานี้ถึงแม้จะเหลือคน ตระกูลสวีอยู่ในราชสำนักไม่มากแล้ว แต่กับตระกูลที่เฟื่องฟูมา เป็นร้อยปีอย่างนั้น ควรหรือที่จะทำให้พวกเขา
เจ้ากรมเยี่ยมองมารดาของตนที มองฮูหยินของตนที่ด้วย ความลำบากใจ “ลูกสามถึงอย่างไรก็เป็นลูกของภรรยาเอกก็ จัดการให้เท่ากับอิงเอ๋อร์แล้วกัน” มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้ากรม แน่นอนว่าย่อมมิใช่คนโง่ เขารู้ดีว่ามารดาของเขากังวลใจเรื่อง

“ให้เท่ากับอึ้งเอ๋อร์หรือ!” หวังชื่อตะโกนเสียงสูงขึ้นมา ทันที “จวนของเรามีเงินทองมากมายเช่นนั้นเมื่อใดกัน ท่าน หาใช่เพราะข้าตั้งใจกลั่นแกล้งลูกสามแต่อย่างใด แต่ตระกูล ของพวกเราเองก็ลำบากอยู่ไม่น้อย ซึ่งเอ๋อร์เป็นน้องสาวร่วม อุทรของพระสนม แล้วยังจะเสกสมรสกับพระอนุชาร่วมสายพระ โลหิตของฮ่องเต้ หากสินเดิมน้อยไปก็จะไม่ดีต่อท่านอ๋อง แล้ว ยังไม่ดีต่อเจ้าด้วยนะเจ้าคะ มิเช่นนั้น…มิเช่นนั้นข้าจะเอาสิน เดิมของข้าที่เก็บไว้ให้ทรงเกอเออร์ เป็นเรือนอีกสามหลังเสริม ให้ลูกสามก็แล้วกันเจ้าค่ะ”

หวังชื่อเอ่ยไปเช็ดน้ำตาไปให้ดูน่าสงสาร ในใจกลับคิด โกรธแค้นเยี่ยหลีที่เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดอะไร นางจะให้บุตร สาวของนังคนนั้นมาเทียบชั้นกับลูกอึ้งเอ๋อร์ของนางได้อย่างไร กัน อย่าแม้แต่จะคิด!

“เรื่องนี้… ” เจ้ากรมเยี่ยงไป มองเยี่ยหลีด้วยความ ลำบากใจ ทุกวันนี้เยี่ยเจาที่อยู่ในวังหลวงกำลังเป็นที่ โปรดปราน ทั้งยังตั้งครรภ์ด้วย หากคลอดออกมาเป็นองค์

พอเชียองเห็นสีหน้าเจ้ากรมเยี่ยอ่อนลง นางได้แต่กัดขอบปากแล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านพ่อไม่ต้องลำบากใจไป เจ้าค่ะ แบ่งสินเดิมของลูกให้พี่สามไปก็ได้เจ้าค่ะ เพียงแต่อย่า ตัดเงินที่ส่งให้พี่ใหญ่ที่อยู่ในวังก็พอ แล้วยังมีน้องห้าน้องหาอีก เหลือไว้ให้พวกนางหน่อยก็ดีเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นบุตร ที่ตนรักและ เอ็นดูที่สุดรู้ความเช่นนี้ สีหน้าของเจ้ากรมเยี่ยจึงอ่อนโยนขึ้น หันมองเยี่ยหรือยากให้นางพูดอะไรสักนิด

เยี่ยหยิ้มน้อยๆ ในใจ เงยหน้าขึ้นมองทั้งสี่คนแล้วเอ่ย เสียงแผ่วเบาว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ และน้องไม่ต้องลำบากใจ ไปหรอกเจ้าค่ะ”

หวังชื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจนึกยินดี หลายปีมานี้เยี่ยหลีไม่ เคยมีปากมีเสียงจนนางคิดว่าเยี่ยหลีเป็นคนหัวอ่อน จึงเข้าใจ ไปว่านางจะยอมถอยให้

นางฟังเยี่ยหลีกล่าวต่อว่า “ก่อนท่านแม่จากไปได้สั่งเสีย กับลูกว่า ยามท่านแม่แต่งเข้าตระกูลเยีย ท่านตาและท่านยาย ให้เรือนเป็นสมบัติติดตัวมาแปดหลัง ร้านค้าอีกสิบสองห้อง แล้วยังมีผืนป่าอีกสามผืน ของพวกนั้นเก็บไว้ให้ลูกนำติดตัวไป ด้วยยามออกเรือน ส่วนของอย่างอื่นท่านพ่อท่านแม่จัดการ เหมือนอย่างของพี่รองก็พอเจ้าค่ะ เก็บไว้ให้น้องมากหน่อยจะ ดีกว่าเจ้าค่ะ” คุณหนูรองของจวนตระกูลเยียแต่งออกไปกับ คุณชายสามจวนผู้ตรวจการเมื่อสองปีก่อน หวังชื่อให้สินเดิมไป เพียงหนึ่งหมื่นตำลึงเท่านั้น

“อะไรนะ! จะได้อย่างไรกัน ของพวกนั้น…” หวังชื่อตะโกน ขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ได้ ของพวกนั้นนางตั้งใจจะเก็บไว้ให้บุตรีและลูกทรงเกอเอ๋อร์ของนางติดตัวไปตอนแต่งงาน

เยี่ยหลีมองนางด้วยความประหลาดใจ “ของพวกนั้น ทำไมหรือเจ้าคะ นางหลุบสายตาลงเล็กน้อย มองท่านย่าด้วย ทำที่ประหม่า แต่เดิมท่านแม่บอกว่าจะเก็บสินเดิมของนางไว้ ให้หลาน เรื่องนี้ท่านป้าสะใภ้รู้ดีเจ้าค่ะ ท่านย่าว่าข้าพูดถูกหรือ ไม่เจ้าคะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าสีหน้าไม่สู้ดี สมัยนั้นสะใภ้ตระกูลสวีแต่งเข้า จวนตระกูลเยี่ยถือได้ว่ามีสินเดิมยิ่งใหญ่สมเกียรติ หากให้เยี่ย หลีไปหมด สินเดิมของเยี่ยยิ่งก็จะดูน้อยไปทันที หลายปีมานี้ จวนตระกูลเยียใช้เงินเป็นน้ำ รายได้ไม่พอรายจ่าย หากจัดสิน เดิมให้เท่ากับที่แต่งสะใภ้ตระกูลสวีเข้ามาละก็ เกรงว่าหากเป็ ยอิ่งออกเรือนไปอีกคน ทั้งจวนนี้คงไม่ต้องกินต้องอยู่กันแล้ว

แต่ที่เยี่ยหลีพูดมาก็ถูก ยามที่สะใภ้ตระกูลสวีจากไป หยินเล็กตระกูลสวีก็อยู่ด้วย ได้ยินที่นางสั่งเสียกับหู เยี่ยหลีเห็น ท่านย่าไม่พูดอะไร นางก็ไม่รีบร้อนจะเอ่ยต่อ ทำเพียงยิ้มเยาะ ในใจ อันที่จริงนางไม่สนใจว่าสินเดิมของนางจะน้อยหรือจะ มาก แต่สินเดิมของท่านแม่จะให้บุตรีของหวังชื่อเอาติดตัวไป ไม่ได้

ถึงแม้ยามที่ท่านแม่จากโลกนี้ไปจะทำให้นางระลึกชาติได้ แต่นั่นก็มิอาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าสวีชื่อเป็นมารดา บังเกิดเกล้าของนางไปใต้ สวีชื่อปกป้องดูแลนางมานับแต่เล็ก คอยเอาใจใส่สั่งสอนนางเป็นอย่างดี แล้วเรื่องที่สวีซ่อถูกรังแก ต่างๆ นานา นางจำได้ไม่เคยลืม ตั้งแต่นางแต่งเข้าจวนตระกูลเยี่ยมา นางไม่เคยมีความสุขเลยสักวัน หากจะบอกว่านาง ตรอมใจตายก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไปนัก หากยังต้องเอาสินเต็ม ของนางไปเสริมให้ลูกภรรยาของของสามีนางอีก คนที่ไม่เชื่อ เรื่องผีสางวิญญาณอย่างเยี่ยหลียังนึกกังวลว่าท่านแม่อาจถึง ขั้นต้องปีนขึ้นมาจากหลุมศพกันเลยทีเดียว

ผ่านไปหลายอึดใจ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงกล่าวว่า “พักเรื่องนี้ไว้ ก่อนแล้วกัน ไว้ข้าค่อยปรึกษาเรื่องนี้กับท่านพ่อท่านแม่ของเจ้า อีกที”

เยี่ยหลีเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วเอ่ยรับคำเบาๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ