ตอนที่ 1 ปฏิเสธการแต่งงาน
พระราชทานสมรส
“คุณหนู คุณหนูเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”
ภายในสวนที่มีต้นไม้ประปรายและเงียบสงบ หญิงสาวใน ชุดสีเขียวอ่อนพุ่งตัวเข้าไปในห้องราวกับลมหอบ รวดเร็วเสีย จนทำให้กังสดาลที่ห้อยอยู่ข้างประตูส่งเสียงดังกรุ๊งกริ้งขึ้น
ภายในห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายกว่าหรูหรานั้น มีหญิง สาวร่างสะโอดสะองน่าหลงใหลนั่งหันหน้าเข้าหาหน้าต่างที่ เปิดอยู่ครึ่งบาน เข็มและด้ายในมือไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเพราะ คนที่เข้ามารบกวนเลยแม้แต่น้อย รอจนเด็กสาวคนนั้นหยุด หอบแล้วจึงค่อยวางงานในมือลง หันมาถามเสียงกลั้วหัวเราะ ว่า “เรื่องอะไรกันที่ทำให้เจ้าเอะอะโวยวายเช่นนี้
หญิงสาวหน้าตางดงามเกลี้ยงเกลา สายตาเฉียบคมขัด กับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนแอ นางสวมชุดเรียบง่าย ผมยาว สลวยปักปืนหยกเพียงอันเดียวรวบไว้ง่ายๆ หากมีผู้ใดมาเห็น เข้าคงยากจะเชื่อว่านางคือคุณหนูบุตรีของภรรยาเอกแห่งจวน เจ้ากรม
“คุณหนู! คุณหนูยังมีอารมณ์มานั่งเย็บปักถักร้อยอยู่อีก ท่านรู้หรือไม่เจ้าคะ…ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านอ๋องปฏิเสธที่จะ แต่งงานกับท่าน!” เด็กสาวดึงผ้าปักในมือนางออกพร้อม กระทืบเท้าด้วยความร้อนใจ ตั้งแต่หลีอองปฏิเสธการแต่งงาน กับคุณหนูของนางเมื่อสามวันก่อน นางก็ร้อนใจจนไฟแทบจะ ลุกท่วมอยู่แล้ว แต่คุณหนูของนางกลับคล้ายทองไม่รู้ร้อน ประหนึ่งมิใช่เรื่องของตนเช่นนั้น
“ชิงซวง ท่านอ๋องถอนหมั้นขาตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว เจ้า เพิ่งจะมาร้อนใจเอายามนี้ ไม่รู้สึกช้าไปหน่อยหรือ” เยี่ยหมอง สาวใช้คนสนิทด้วยความขบขัน และไม่ถือสาเรื่องที่นางเสีย มารยาทกับตน
“คุณหนู! ชิงซวงถลึงตามองคุณหนูของนาง “บ่าวไม่ได้ ร้อนใจด้วยเรื่องท่านอ๋องเสียหน่อยเจ้าค่ะ” คุณหนูเองยังไม่ สนใจเรื่องหลีอ๋องเลยแล้วนางจะสนใจไปไย เพียงแต่… “โอ๊ย คุณหนู ฮ่องเต้พระราชทานสมรสแก่ท่านอีกแล้ว! นายท่านให้ มาเชิญคุณหนูออกไปรับราชโองการประเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
“พระราชทานสมรสอีกแล้วหรือ” เยี่ยหลีประหลาดใจยิ่ง นักจนเผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวเดิมคิดว่าเมื่อหลีอองถอนหมั้นไปแล้ว ตนจะได้อยู่อย่างสงบสัก สองสามปีเสียอีก เพราะถึงอย่างไรคนสมัยนี้ก็มีน้อยนักที่ยินดี จะแต่งงานกับหญิง ที่เคยถูกถอนหมั้นมาแล้ว
ตระกูลเราเป็นเพียงเจ้ากรมเท่านั้น เหตุใดฮ่องเต้จึงใส่ พระทัยเพียง” สามวันก่อนเพิ่งถูกถอนหมั้น สามวันให้หลัง พระราชทานสมรสให้อีก จะว่าฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับจวน เจ้ากรมดี หรือจะว่าชะตาไม่ต้องกันกับบุรุษที่ต้องแต่งงานกับ นางส
ชิงซวงโกรธจนตาแดงไปหมด เอ่ยด้วยความเป็นเขี้ยว เดี๋ยวฟันว่า “คราวนี้เป็นท่านตั้งอ๋องเจ้าค่ะ ! ต้องเป็นเพราะคุณ หนูใหญ่เพ็ดทูลฮ่องเต้เป็นแน่ นางชอบรังแกคุณหนูมานับแต่ เล็กแล้ว นี่ถึงกับ…ถึงกับให้คุณหนูแต่งงานกับท่านตั้งอ๋อง ฮือๆ…
เยี่ยหลีมองสาวใช้คนสนิทของตนอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ดี สาวน้อยขี้แยผู้นี้ช่างมีนิสัยขัดกับชื่อชิงซวงเสียจริง “เอาละ ถ้อยคำเช่นนี้อย่าได้พูดสุ่มสี่สุ่มห้าข้างนอกเขียว ไปเถิด ออก ไปรับราชโองการกัน
ห้องโถงจวนตระกูลเยี่ย
“ด้วยโองการฟ้า ฮ่องเต้มีรับสั่งว่าคุณหนูตระกูลเยีย นาม เยี่ยหลี มีความฉลาดหลักแหลม ตั้งตนอยู่ในศีลธรรม เพียบ พร้อมด้วยคุณธรรมจรรยาซึ่งเป็นคุณสมบัติของ คู่ชีวิตที่ดี จึง พระราชทานสมรสกับติ้งอ๋อง นามม่อชีวเหยา ดำรงตำแหน่ง พระชายาเอก โดยให้เลือกวันฤกษ์งามยามดีในการจัดงาน จบ ราชโองการ”
สมาชิกตระกูลเยี่ยขานรับขอบพระทัยในพระเมตตาอย่าง พร้อมเพรียง วันทีที่มาทำหน้าที่ประกาศราชโองการยื่นราชโอ งการให้เยี่ยหลี แล้วกล่าวกับนางด้วยเสียงในหัวเราะว่า “ยินดี ด้วยเยี่ยฮูหยิน ยินดีด้วยคุณหนูเยี่ย”
เยี่ยหลีรับราชโองการพลางฝืนยิ้มให้วันที่ท่าทางเป็นปกติ แม้จะรู้สึกขัดหูกับน้ำเสียงกลั้วหัวเราะนั้นก็ตาม “ขอบคุณท่าน กงกงมากเจ้าค่ะ บากท่านกงกงแล้ว
ขันที่ผู้นั้นเหลือบมองเยี่ยหลีด้วยความประหลาดใจเล็ก น้อย ด้วยตนได้ยินมาว่าคุณหนูสามซึ่งเป็นบุตรของอดีตฮูหยิน ใหญ่ตระกูลเยียนั้นเป็นที่เลื่องลือในเมืองหลวงว่าเป็นคุณหนูที่ บกพร่องด้วยคุณสมบัติสามประการ นั่นคือบกพร่องด้วยความ สามารถ บกพร่องด้วยรูปลักษณ์ และบกพร่องด้วยคุณธรรม
ครั้นได้มาเห็นหญิงสาวตรงหน้าด้วยตาตนเองแล้ว ถึงจะ ไม่งดงามหมดจดนเยี่ยเจ้า [1] ที่อยู่ในวังหลวง และเทียบไม่ ได้กับคุณหนูสี่ตระกูลเยี่ยที่ได้ชื่อว่าสะคราญโฉมเป็นอันดับ หนึ่งในเมืองหลวง แต่ก็ถือได้ว่าเป็นสาวงามที่หาได้ยากคน หนึ่ง ไม่เพียงเท่านั้นยังมีกิริยาอ่อนช้อย การพูดการจาดูมีท่าที ทางดีเสียด้วย นางคล้ายกับที่เยี่ยเจ้าอี้บอกไว้เสียที่ใดว่าเป็น คนไม่รู้กาลเทศะ ไม่กล้าสู้หน้าผู้ใด
แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าของคนตระกูลเยี่ยที่ดูมีความสุขบน ความทุกข์ของคุณหนูผู้นี้อย่างยากที่จะปกปิดไว้ได้แล้ว ก็ทำให้ ขันทีผู้นี้แจ้งแก่ใจ โดยพลัน แม้ในใจจะนึกสงสารคุณหนูเขียผู้นี้ อยู่บ้าง แต่เรื่องเช่นนี้ก็หาใช่เรื่องที่ขันที่คนหนึ่งอย่างตนจะ เข้าไปยุ่มย่ามได้ จึงกล่าวเพียงว่ามีบังอาจ แล้วขอตัวจากมา
นายหญิงของตระกูลเยี่ยเรียกให้พ่อบ้านออกไปส่งแขก ด้วยตนเองที่หน้าประตูอย่างให้เกียรติ ก่อนหันมาปรายตามอง เยี่ยหลี แสร้งใช้น้ำเสียงเอื้อเอ็นดูกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “โชคดี จริงที่ฮ่องเต้ทรงพระปรีชาสามารถ จึงพระราชทานสมรสที่ดี เยี่ยงนี้แก่ลูกสามอีกครั้ง มิเช่นนั้น… ” มิเช่นนั้นแล้วหญิงสาวที่ เคยถูกปฏิเสธการแต่งงานมาแล้วไยจะมีโอกาสได้แต่งงานอีก เล่า
สีหน้าของเยี่ยหลียังคงเป็นปกติ แต่ในใจหัวเราะเยาะว่า งานแต่งดีๆ หรือ คงคิดว่าคนที่ไม่ชอบออกไปไหนมาไหนอย่าง นางจะไม่รู้อะไรกับเขาเลยสินะ
ตั้งอ๋อง นามม่อซิวเหยาผู้นี้ เมื่ออายุได้สิบแปดปีประสบ เหตุร้ายแรงจนเสียโฉมและขาพิการทั้งสองข้าง นับแต่นั้นมาจึง ได้แต่นอนป่วยเรื้อรังอยู่บนเตียง ก่อนหน้านี้เคยแต่งงานมีพระ ชายาเอกแล้วถึงสองคน คนแรกแต่งงานเข้าไปยังไม่ถึงครึ่ง เดือนก็มีเหตุให้ตกน้ำตาย ส่วนอีกคน ตกกลางคืนนางหวาด ผวากับแสงเทียนในห้องหอจนตกใจตายไปอีกคน มีข่าวลือว่า เพราะนางเห็นความอัปลักษณ์ของสิ่งอ๋องจึงตกใจตายไปเสีย อย่างนั้น ถ้าไม่เพราะเหตุนี้แล้วจะมีเหตุอันใดที่ทำให้บุรุษที่มี ฐานะสูงส่งอย่างตั้งอ๋องจวบจนอายุยี่สิบห้าปีเข้าไปแล้วก็ยัง ไม่มีพระชายาเอกเป็นตัวเป็นตนอีกเล่า
“ฮูหยินกล่าวถูกแล้ว ถึงอย่างไรท่านอ๋องก็เป็นถึงชื่อสี [2] อ๋องที่มียศชั้นหนึ่ง นับได้ว่าหลีเอ๋อร์ได้รับเกียรติยิ่งแล้วเจ้าค่ะ”
สีหน้าของนายหญิงใหญ่แห่งตระกูลเยี่ยแข็งขึ้นเล็กน้อย หันมองเยี่ยหลีกหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เมื่อเจ้ารู้เช่นนี้แล้ว ก็ไป เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแต่งงานเถิด อย่าให้ขายหน้าจวนเจ้ากรมของเราได้ อีกไม่นานน้องสี่ของเจ้าก็จะแต่งออกไปเช่นกัน ในจวนคง วุ่นวายน่าดู”
“รู้แล้วเจ้าค่ะ ข้าทำให้ฮูหยินต้องกังวลใจแล้ว”
“ข้าเป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลเยี่ย เป็นธรรมดาที่ข้า ต้องเป็นห่วงเป็นใยเรื่องเหล่านี้” นายหญิงใหญ่แห่งตระกูลเป็ ยกล่าว ครั้นเห็นสีหน้าของเยี่ยหลียังคงนิ่งไม่เปลี่ยน นางจึงส่ง เสียงเหอะเบาๆ แล้วเดินจากไป
เยี่ยหลีลอบยิ้มพลางมองนายหญิงใหญ่แห่งตระกูลเยี่ย เดินจากไป เพียงยักคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้กล่าวอะไร
แม้นางจะเป็นคุณหนูบุตรภรรยาเอกของตระกูลเยี่ย แต่ก็ มิใช่บุตรคนโตที่เกิดจากหวังชื่อ [3] **** ฮูหยินใหญ่คนปัจจุบัน แต่เป็นบุตรคนโตที่เกิดจากสวีชื่อ ฮูหยินใหญ่คนก่อนของเจ้า กรมเยี่ย สวีชื่อเกิดในตระกูลที่เต็มไปด้วยบัณฑิต ครั้นให้ กำเนิดเยี่ยหลี สุขภาพร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงนัก เจ้ากรมเยี่ย เดิมทีมีใจรักหวังชื่อ ฮูหยินรองที่แต่งเข้ามาก่อนเป็นทุนเดิมอยู่ แล้ว จึงอาศัยจังหวะที่สวีชื่อป่วยหนักยกอำนาจในจวนทั้งหมด ให้หวังชื่อ จนเมื่อเยี่ยหลีอายุได้เจ็ดขวบ สวีชื่อก็ได้จากโลกนี้ไปและในช่วงเวลานั้น เองที่ทำให้เยี่ยหลีเติบโตมาเป็นเยี่ยหลีอย่างทุกวันนี้
ภายหลังหวัง อเลื่อนมาเป็นภรรยาเอก ด้วยเกรงว่าคนจะ ครหาว่าตนปฏิบัติต่อบุตรีของฮูหยินคนก่อนอย่างไร้ความ เมตตา จึงไม่กล้าโหดร้ายกับนางมากนัก แต่แน่นอนว่าหนีไม่ พ้นที่จะคอยหาวิธีกลั่นแกล้งสร้างความลำบาก ให้นางเป็นครั้ง คราวอยู่บ่อยไป แต่ทุกครั้งความไม่มีปากไม่มีเสียงของเยี่ยหลี ก็ทำให้ทุกอย่าง…คลี่คลายไปเอง แต่นั่นยิ่งทำให้หวังชื่อไม่ ชอบหน้านางเข้าไปใหญ่
“พี่สาม ยินดีกับท่านด้วย
ลับหลังหวังชื่อไม่เท่าไร สาวๆ ตระกูลเยี่ยที่ยังไม่ถึงวัย ออกเรือนสามสี่คนก็เข้ามารุมล้อมนางทันที ใบหน้าที่แสร้งเข้า มาแสดงความยินดีกับนางนั้นซ่อนความสมเพชเวทนาและดูมี ความสุขบนความทุกข์ของนาง
คนที่เปิดปากเอ่ยคนแรกคือคุณหนูหก นามเยี่ยหลิน นาง เป็นบุตรีที่เกิดจากอนุ แต่ไหนแต่ไรมาชอบติดตามคลุกคลีอยู่ กับลูกๆ ของหวังชื่อ และคอยหาเรื่องเยี่ยหลีเพื่อเอาใจบรรดา บุตรีของหวังชื่ออยู่บ่อยครั้ง เยี่ยหลีไม่อยากจะถือสาหาความอะไรกับนาง คิดเสียว่านี่เป็นแค่วิธีการเอาตัวรอดของ บุตรีที่เกิดจากอนุเท่านั้น ขอเพียงอย่าให้มากเกินไป นางเองก็ ไม่อยากมีเรื่องกับเด็กที่เพิ่งอายุสิบขวบหรอก
“พี่สามมีเรื่องอะไรที่น่ายินดีกัน นางต้องแต่งงานกับท่าน ตั้งอ๋องนะ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว ท่านอ๋องผู้นั้นทั้งพิการทั้ง อัปลักษณ์ ยังทำให้พระชายาของตนตกใจตายอีก ผู้ใดเลย จะรู้ว่าพระชายาคนแรกที่ตายไปอาจเป็นท่านอ๋องเองที่ทำให้ นางตายก็เป็นได้ พวกเราสมควรยินดีกับพี่ถึงจะถูก อีกเดือน เดียวพี่ก็จะได้เป็นพระชายาหลีอองแล้ว” คุณหนูห้า เยี่ยซาน เอ่ยเพื่อเอาใจเขียอิ่ง คุณหนู ที่ได้ชื่อว่าเป็นสาวงามอันดับ หนึ่งแห่งเมืองหลวง แต่ในนัยน์ตากลับฉายแววอิจฉาริษยาที่มี อาจซ่อนเร้นได้
แน่นอนว่าเยี่ยยิ่งมีรูปโฉมงดงามสมคำเล่าลือว่าเป็นหญิง งามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง คิ้วโก่งดั่งใบหลิว นัยน์ตาใส ประหนึ่งน้ำในฤดูใบไม้ร่วง รูปลักษณ์ที่งดงามดั่งหยกไม่มีส่วน ใดไม่เปล่งประกายความงดงามออกมา กิริยาท่าทางทุกอย่าง ล้วนอ่อนช้อย สง่างาม น่าทะนุถนอม แต่ความงดงามอ่อนช้อย เช่นนี้สำหรับเยี่ยหลีที่พบเห็นสาวงามมานับไม่ถ้วนแล้ว ถือว่า ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้นางตกตะลึง
“ทุกคนต่างเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น จะมายินดีไม่ยินดีอะไรกัน อีกหน่อยท่านแม่จะต้องช่วยเลือกชายหนุ่มที่ถูกใจให้น้องห้า และน้องหกเช่นกัน” เยี่ยยิ่งพูดเสียงเบา น้ำเสียงของนาง ไพเราะรื่นหู กิริยาท่าทางงดงามล้วนทำให้นางดูน่าหลงใหล เมื่อเห็นว่าทุกคนยังคงรู้สึกอิจฉา จึงรีบเสริมต่อว่า “พี่สาม เรื่อง ท่านหลอ๋อง…ขาต้องขอให้พ่อภัยให้ข้าด้วย” ดวงตาสุก ใสมอง เยี่ยหลีอย่างขอโทษ
เยี่ยหลีหัวเราะอย่างใจกว้าง เอ่ยกับเยี่ยถึงว่า “ไม่เป็นไร หรอก คงเพราะข้าและท่านอ๋องไร้วาสนาต่อกัน ถึงอย่างไรเรื่อง ชายหนุ่มเพียงคนเดียวก็มิอาจทำลายความสัมพันธ์พี่น้องของ พวกเราได้หรอกจริงหรือไม่”
เยี่ยยิ่งแปลกใจมากที่ไม่เห็นปฏิกิริยาตามที่นางคาด การณ์ไว้ ทำให้นางขัดใจมากทีเดียว แต่ที่ทำให้นางผิดหวัง ที่สุดคือ เดิมที่คิดว่าข่าวที่เกี่ยหลีถูกปฏิเสธการแต่งงานเมื่อ สามวันก่อนจะทำให้นางเสียใจจนไม่เป็นผู้เป็นคน แต่ที่ไหนได้ พี่สามของนางนิ่งเงียบอยู่เพียงครู่แล้วเอ่ยเพียงว่าข้ารู้แล้ว ก่อนเดินกลับเข้าเรือนตัวเองไปเสียอย่างนั้น วันนี้ได้พบหน้าอีก ครั้งก็ไม่เห็นว่านางจะมีอาการเสียอกเสียใจเลยแม้แต่น้อย หลี อ๋องเป็นชายหนุ่มในฝันที่เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วเมืองหลวงเชียวนะ นางไม่เชื่อจริงๆ ว่าพี่สามจะไม่รู้สึกอะไร
เพียงแวบเดียวเท่านั้น สีหน้านางก็เปลี่ยนเป็นยิ้มด้วย ความเขินอาย “ข้ารู้ว่าพี่สามเอ็นดูข้าที่สุด อีกหน่อยถ้าพี่สามมี เรื่องลำบากอะไรก็ไปหาอึ้งเอ๋อร์ที่ตำหนักหลีอองได้เจ้าค่ะ”
เยี่ยหลีตอบรับน้อยๆ นางไม่อยากสนใจสีหน้าได้ใจที่ยาก จะซ่อนไว้ของเยี่ยยิ่งอีก จึงเอ่ยลาพี่น้องที่จ้องจะหาโอกาสสร้าง ความกระอักกระอ่วนใจให้นางจนแทบจะอดใจไม่ไหว แล้วเดิน จากมา
เยี่ยหลีพาชิงซวงค่อยๆ เดินกลับไปทางเรือนพักของ ตนเอง ตลอดทางชิงซวงเอาแต่บ่นอุบบ่นอิบว่า “คุณหนู หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ ทั้งๆ ที่นางเป็นคนแย่งท่านอ๋องไป แท้ๆ แต่กลับมาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ช่างน่ารังเกียจเสีย จริง! ”
เยี่ยหลีหมุนตัวกลับมายิ้มให้นาง “เอาน่า ถ้าผู้ใดมาได้ยิน เข้า ระวังเจ้าจะเจ็บตัว จะแต่งงานกับท่านหลีอองหรือท่านตั้ง อ๋อง ข้าก็ไม่อะไรเลยจริงๆ
“จะไม่อะไรได้อย่างไรกันเจ้าคะ !” ซึ่งช่วงจ้องนางเขม็ง “ท่านหลีอองได้ชื่อว่าเป็นชายหนุ่มที่สง่างามที่สุดแห่งเมือง หลวง เป็นพระอนุชาร่วมอุทรของฮ่องเต้เชียวนะเจ้าคะ ผู้ใดก็รู้กันทั้งนั้นว่าท่านตั้งอ๋อง ขาพิการทั้งสองข้าง ทั้งยังเสียโฉมแล้วยังป่วยด้วย…ฮือ… เมื่อ คิดได้ว่าตั้งอ๋องจะต้องมาเป็นสามีของคุณหนูตนแล้ว ซึ่งช่วงจึง ใช้ความพยายามอย่างมากในการกลืนคำว่าไร้สมรรถภาพ กลับลงไป
เช่นนั้นแล้วอย่างไร” เยี่ยหลีเลิกคิ้วถาม มองชิงซวงด้วย ความขบขัน “หรือเจ้าเห็นว่าท่านหลีอ๋องหน้าตาหล่อเหลา เลย อยากแต่งออกไปกับข้าด้วยเผื่อได้เป็นภรรยาของเขาอีกคน
จะหน้าตาหล่อเหลาหรือไม่ เยี่ยหลีไม่สนใจ ถึงแม้คู่หมั้น คนก่อนของนางจะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในยอดชายงามแห่งเมือง หลวงก็ตาม แต่นิสัยของพ่อจึงหลีคงไม่ดีไปกว่าตั้งอ๋องเป็นแน่ ข่าวเรื่องพ่อจึงหลีกับเยี่ยถึงคบหาดูใจกันนั้นมิใช่ว่าไม่เคยผ่าน เข้าหูนางมาก่อน แต่พ่อจึงหลีกลับรอจนใกล้จะถึงวันแต่งงาน เข้าไปทุกทีแล้วค่อยคิดและจงใจปฏิเสธการแต่งงาน ก็สมควร จะต้องไตร่ตรองแล้ว เมื่อคิดมาถึงตรงนี้…การที่ฮ่องเต้ พระราชทานสมรสให้ตนที่เพิ่งถูกปฏิเสธมาหมาดๆ นั้น ก็มี เรื่องให้น่าขบคิดเช่นกัน บอกว่านางเป็นผู้มีความฉลาดหลัก แหลม ตั้งตนอยู่ในศีลธรรม เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมจรรยาซึ่ง เป็นคุณสมบัติของคู่ชีวิตที่ดี…ในเมืองหลวงนี้มีผู้ใดบ้างไม่รู้ว่าคุณหนูสามตระกูลเยี่ยขึ้นชื่อเรื่องหน้าตา อัปลักษณ์ อ่อนด้อยด้วยความสามารถ ทั้งยังขาดคุณสมบัติ ของกุลสตรีที่ดี หรือจะหมายความว่านางที่ขาดคุณสมบัติทั้ง สามประการนี้เหมาะสมกันดีแล้วกับตั้งฮ่องที่ไร้สมรรถภาพทั้ง ปวงกันนะ
“คุณหนู!” ชิงชวงหน้าแดง กระทืบเท้าเราๆ พร้อมบอกว่า “บ่าวไม่เอาด้วยหรอกเจ้าค่ะ ! บ่าว ชิงซวงยอมแต่งงานกับบ่าว รับใช้ แต่จะไม่ยอมเป็นอนผู้ใดเด็ดขาดเจ้าค่ะ” ที่สำคัญที่สุด คือนางจะไม่ยอมเป็นอนุของคนที่เป็นสามีของคุณหนูนาง แน่นอน
มารดาของชิงซวงแต่เดิมเป็นภรรยาบ่าวของเจ้านาย ตระกูลหนึ่ง ครั้นบิดาของนางด่วนจากไป นางและมารดาก็ถูก ภรรยาหลวงขับไล่ออกจากตระกูล ต้องเร่ร่อนอยู่ตามถนน ภาย หลังมารดาของนางป่วยตาย นางเองก็เกือบถูกจับไปขายใน หอนางโลม ดีที่ได้คุณหนูซื้อเอาไว้ ซ้ำยังตั้งชื่อชิงซวง ให้อีก และคอยสอนนางจนอ่านออกเขียนได้ ซึ่งช่วงมิใช่คนลืมบุญ คุณใคร บุญคุณต่อให้ตายนางก็ไม่ลืม
เมื่อเห็นสาวใช้ของตนร้อนใจถึงเพียงนั้น เยี่ยหลีก็อดขำ ไม่ได้ “เอาน่า ขาล้อเล่นหน่อยไม่ได้เชียวหรือ
“คุณหนูก็…”
[1] เจา ตำแหน่งสูงสุดของพระสนมเอกในฮ่องเต้ มี ความหมายว่า ผู้งามเลิศยิ่ง
[2] ชื่อสี หมายถึง ตำแหน่งที่สามารถสืบทอดทางสาย เลือดได้ ในที่นี้ ชื่อสีอ๋อง หมายถึง ตำแหน่งอ๋องที่สามารถ สืบทอดต่อไปยังรุ่นลูกได้
[3] ชื่อ ใช้ต่อหลังนามสกุลเดิมของหญิงที่แต่งงานแล้ว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ