ไหน!!ผู้ใดบอกว่าท่านคือจอมมาร?

บทที่ 1 จิ้งจอกเก้าหางน้อย



บทที่ 1 จิ้งจอกเก้าหางน้อย

ในอดีตกาลสัตว์ในเผ่าวิเศษน้อยใหญ่ล้วนถูกไล่ล่าจากเหล่า มารเทพเซียน หรือแม้กระทั่งมนุษย์ เพื่อนำร่างกายและเลือดมา ปรุงเป็นยาวิเศษ จึงทำให้พวกมันต่างดิ้นรนเสาะแสวงหาหนทาง เพื่ออยู่รอด

ทุกครั้งที่เกิดการไล่ล่าจากมนุษย์ เหล่าสัตว์เวทซ่อนตัวอยู่นาน จวบจนความมืดเข้าครอบคลุมสิ้นไร้เสียงแห่งการล่าอีกต่อไป

จิ้งจอกเก้าหางน้อยคนหนึ่งพ่นลมหายใจออกมาอย่างช้า ๆ เบาบางที่สุดด้วยความระแวดระวังเมื่อสัตว์ตัวน้อยเห็นว่าบัดนี้ ปลอดภัยแล้วจึงเคลื่อนกายว่องไวออกมาจากที่กำลังพร้อมด้วย สัตว์ตัวอื่น

อีกทิศหนึ่งมีลำแสงชุมนุมสว่างเป็นสัญลักษณ์ จิ้งจอกน้อยเดิน ตามแสงเพื่อเข้าไปร่วมชุมนุมกับเหล่าสัตว์วิเศษตนอื่นด้วยความ หวาดหวั่นด้วยยังตื่นตระหนกหวาดกลัว

เป็นเพราะจิ้งจอกเก้าหางน้อยนั้นไร้ซึ่งบิดามารดาเฉกเช่นผู้อื่น

เมื่อมองพ่อแม่ลูกอยู่พร้อมหน้าส่วนตนเองเป็นเพียงจิ้งจอก กำพร้าร่างน้อยก็สั่นเทาการมีชีวิตเพียงลำพังหาได้ง่ายดาย อย่างที่นางกำลังเสแสร้งออกมา ความน่ากลัวที่สุดในโลกนี้ สำหรับนางแล้วคือการไร้ซึ่งครอบครัวหาใช่การที่คอยเร้นกาย หลบหนีมนุษย์ไม่
“หากปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไปลูกหลานของเรามีอันดับสิ้นแน่ พวกเราต้องหาทางปกป้องพวกเขา”

ประมุขเผ่าสัตว์วิเศษใบหน้าเป็นสิงโต รูปร่างเป็นเสือลาย

พาดกลอนตัวใหญ่เอ่ยขึ้น “มีเพียงวิธีเดียวที่จะหลุดพ้นจากการไล่ล่านี้ได้คือต้องทำข้อ ตกลงกับเผ่าสวรรค์ให้พวกเขาคอยคุ้มครอง”

รองประมุขเผ่าสัตว์วิเศษผู้มีปีกคล้ายนกรูปร่างคล้ายกระต่าย แลดูน่ารักเอ่ยกล่าวต่อ

“พวกเจ้าก็รู้ว่าเผ่าสวรรค์ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งความเป็น ไป พวกเราเป็นเผ่าสัตว์วิเศษหากไม่ได้ถูกจับเพื่อใช้ในการทำ สงครามล้วนถูกจับไปทำยาและของวิเศษ เผ่าของเราเป็นผู้ถูกล่า มาแต่โบราณถือเป็นความเป็นไปในโลกนี้ เผ่าสวรรค์จึงไม่เคย สอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยว” ประมุขเผ่าสัตว์วิเศษกล่าวขึ้นด้วย ใบหน้าหนักใจ

“หากแต่ก่อนมีเพียงเทพและมารเท่านั้นที่ใช้ประโยชน์จาก พวกเราก็ดีกว่านี้ อย่างน้อยพวกเขามีเหตุผลมากกว่าพวกมนุษย์ ใจมารเหล่านั้น ทั้งเทพเซียนและมารยังนำพวกเราไปเป็นสัตว์ เลี้ยง หากจะใช้ประโยชน์จากร่างกายก็เลือกสัตว์เวทที่แก่ชรา ใกล้สิ้นอายุขัยเท่านั้น แต่ในตอนนี้มนุษย์พวกนั้นหันมาฝึกทั้ง วิชามารและเซียนกลับกระโดดเข้ามาเข่นฆ่าเราด้วย พวกเราจึง ต้องหลบหนีอยู่ทุกวันนี้เพราะเผ่ามนุษย์เลวทรามนั่นแท้ๆ ”

สุนัขเวทแผงคอสีขาวสะอาดตนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ข้ารู้มาว่าหากเราบำเพ็ญเพียรมีตบะแก่กล้าก็จะสามารถ กลายร่างเป็นเซียนได้ เช่นนั้นความหวังที่จะรอดพ้นจากการไล่ ล่าก็มี ลูกหลานของพวกเราก็ไม่ต้องกลายเป็นเหยื่อของเผ่า ต่างๆ อีก” ประมุขนั่งลงแล้วกล่าวอย่างมีความหวัง

“ท่านประมุขก็รู้ว่าการบำเพ็ญเพียรไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ ง่ายๆ ต้องอาศัยความอดทนอย่างสูงมีผู้ที่เคยทำได้ไม่มากทุก ตนล้วนเป็นสัตว์เวทชั้นสูงถูกเลี้ยงดูโดยเทพเซียนบนสวรรค์ สัตว์เวทธรรมดาอย่างพวกเราไม่เคยมีปรากฏว่ามีผู้ใดทำได้ ข้า ว่าเรื่องนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ ลูกหลานเราล้วนซุกซนพวกเขา สามารถนั่งนิ่งๆ ได้ไม่ถึงก้านธูปก็หมดความอดทนเสียแล้วส่วน ผู้ใหญ่อย่างพวกเราก็ต้องคอยดูแลพวกเขาอีกเช่นนี้จะเอาเวลา ที่ไหนไปนั่งบำเพ็ญเพียรกันเล่า

สุนัขจิ้งจอกตนหนึ่งเอ่ยอย่างไร้ความหวัง

เสียงดังสวบสาบคล้ายเสียงแหวกอากาศของธนูดังขึ้นพร้อม เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนของสัตว์เวทดังจากอีกฟากของป่า

เหล่าสัตว์เวทต่างพากันตื่นตระหนก พวกเขาเคยได้ยินมาว่า เวลานี้มีการไล่ล่ายามราตรีที่มนุษย์เรียกอีกอย่างว่าการล่า รัตติกาล

สัตว์น้อยใหญ่เริ่มกระจัดกระจายตัวต่างหลบหนีหาที่ซ่อนกาย ทิ้งคำพูดเรื่องการบำเพ็ญเพียรไว้เบื้องหลัง เวลานี้ทุกคนต่าง ดิ้นรนเข้าที่กำลังหาได้มีผู้ใดสนใจถ้อยคำนั้นอีกต่อไป

จิ้งจอกน้อยเก้าหางนั่งฟังพวกผู้อาวุโสของเผ่าพูดคุยกันโดยไม่ปริปากอยู่เมื่อครู่เมื่อได้ยินว่ามีการล่ารัตติกาลแถวนี้ก็รีบวิ่ง เร้นกายเข้าที่กำลัง

นางเป็นจิ้งจอกกำพร้าอาศัยเอาชีวิตรอดมาได้ทุกวันนี้ด้วย ความเฉลียวฉลาดและความคล่องแคล่วของตนเอง แม้จะอายุ เพียงสามร้อยห้าสิบกว่าปีแต่กลับมีสติปัญญาเกินเด็กทั่วไป

อาจเป็นเพราะว่าบิดามารดาของนางเคยเป็นสัตว์เลี้ยงของ เทพผู้สูงส่งมาก่อน ในอดีตสัตว์ทั้งสองอยากครองรักกันเพียง ลำพัง เซียนบนสวรรค์ผู้ชุบเลี้ยงจึงอนุญาตให้พวกเขาออกจาก แดนสวรรค์

เรื่องเลวร้ายเมื่อพวกเขาคลอดนางมาได้ร้อยกว่าปีก็ถูกมนุษย์ ฆ่าตาย ในขณะที่ออกมาหาอาหารในเช้าวันหนึ่ง นางจึงกลาย เป็นกำพร้าอาศัยอยู่เพียงลำพังมาตั้งแต่นั้น

วาจาที่สัตว์เวทตนนั้นเอ่ยยังดังก้องในหู นางไม่อยากหนีเช่นนี้ ไปตลอดชีวิต นางต้องบำเพ็ญตบะจนกลายเป็นเซียนให้ได้ ใน เมื่อเคยมีสัตว์เวททำได้ นางก็ย่อมทำได้เช่นกัน

สุนัขจิ้งจอกเก้าหางสีขาวเร้นกายในความมืดมิด นางกระโดด เข้าไปยืนอยู่ข้างๆ ประมุขสัตว์เวทซึ่งเร้นกายในที่กำลังเดียวกัน กับนางและสัตว์เวทตนอื่นอีกสามคน

“ท่านประมุข โปรดช่วยชี้แนะข้าน้อยด้วย หากว่าข้าต้องการจะ บรรลุเซียนต้องทำเช่นไร”

นางกระซิบถามเสียงเบาดวงตาใสซื่อสุกสกาวสีเหลืองอำพัน จ้องประมุขสัตว์เวทด้วยความหวัง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ