ใครกล้าหือกับข้า

บทที่ 9 เงินก้อนแรก



บทที่ 9 เงินก้อนแรก

เหอเสี่ยวหย่ารู้สึกสงสัยเซี่ยหยาง เซี่ยหยางก็แอบมอง เธอด้วย สงสัยว่าเธอยังโสดอยู่หรือเปล่า กลิ่นหอมๆบน ตัวของเธอไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมหรือกลิ่นจากตัวเธอกัน แน่ สักพัก บรรยากาศในร้านก็ค่อยๆแปลกไป

โชคดีที่สถานการณ์แบบนี้หายไปอย่างรวดเร็ว เพราะ ยี่สิบนาทีต่อมา มีรถมาจอดหน้าร้านขายยา และมีชาย ชราวัยห้าสิบกว่าปีสวมแว่นสายตาเดินลงมาจากรถ และ รีบเดินเข้าไปในร้าน

“เสี่ยวหย่า”ทันทีที่ชายชราเดินเข้ามา เขาก็พยักหน้าให้ เหอเสี่ยวหย่า จากนั้นมองไปที่เซี่ยหยางแล้วถามว่า”เป็น พ่อหนุ่มคนนี้ใช่ไหม? ”

ชายชราคนนี้เป็นปรมาจารย์แพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียง มากกว่า20ปีในอำเภอซานเฉิง เขา อเย้นหงเม่า

“ใช่ค่ะ ลุงเย้น”เหอเสี่ยวหย่ายกที่นั่งตัวเองให้เย้นหงเม่า และพูด

“สวัสดีครับ”เขาคิดในใจว่าคนๆนี้คงเป็นปรมาจารย์ แพทย์แผนจีนที่เหอเสี่ยวหย่าพูดถึง เซี่ยหยางรีบลุกขึ้น ทันทีและพูดด้วยรอยยิ้ม“ท่านคงเป็นปรมาจารย์แพทย์ แผนจีนใช่ไหม? เชิญนั่ง”
“อย่าเรียกข้าว่าปรมาจารย์เลย เรียกข้าว่าเหล่าเย้นก็ พอ”เย้นหงเมายิ้มแล้วโบกมือ จากนั้นเขาก็เห็นโสมที่วาง อยู่บนโต๊ะและพูดด้วยใบหน้าจริงจังว่า”โสมสิบต้นนี้เป็น ของคุณใช่ไหม? –

ขณะพูด เขาก็หยิบโสมต้นหนึ่งขึ้นมาและเริ่มตรวจดู อย่างละเอียด

ผ่านไปชั่วครู่ เย้นหงเม่าได้วางโสมบนมือของเขาลง แล้วเอื้อมมือออกไปหยิบโสมต้นที่สองแล้วตรวจดู ตาม ด้วยโสมต้นที่สาม โสมต้นที่สี่ ตรวจดูจนถึงโสมต้นที่สิบ

“เป็นโสมแฝดสิบต้นที่ดีจริงๆ! “เขาค่อยๆว่างโสมต้นที่ สิบลง แล้วเย้นหงเม่าละสายตาจากโสมและพูดว่า “โสม สิบต้นนี้มีรูปร่างใกล้เคียงกัน และที่สำคัญที่สุดคือ ขนาด ใกล้เคียงกันด้วย! หายากจริงๆ ฉันเคยเห็นโสมแฝดสอง ต้นครั้งเดียวเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ฉันไม่คาดคิดว่าวันนี้จะ

โชคดี! ได้เห็นโสมแฝดสิบต้น มันช่างหายากจริงๆ!

“ฉันขอลองชิมได้ไหม? “เย้นหงเม่าพูดพึมพำกับตัวเอง สักครู่ รู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาท สีหน้าเปลี่ยนไปเล็ก น้อย

เซี่ยหยางสบตากับเหอเสี่ยวหย่า และสามารถเข้าใจ ความรู้สึกของคนอย่างเย้นหงเม่าได้
ความตื่นเต้นที่เขาเจอโสมชั้นดีก็เหมือนมือกระบี่สมัย โบราณที่เจอคัมภีร์วิทยายุทธ์หรือว่าเจอสุดยอดกระบี่

“เหล่าเย้น คุณจะลองชิมก็ได้ ไม่เป็นไร” เซี่ยหยาง หัวเราะแล้วพูด

เย้นหงเม่าพยักหน้า หยิบมีดปอกผลไม้บนโต๊ะขึ้นมา หั่น โสมชิ้นเล็กขนาดเท่าเล็บมืออย่างระมัดระวัง ใส่เข้าไปใน ปากแล้วเคี้ยว

ขณะเคี้ยว เย้นหงเม่าก็หรี่ตาลงและดูเหมือนเขากำลัง เสพสุขอยู่ โสมชิ้นเล็กๆทำให้เขาเคี้ยวเป็นเวลาสิบ นาที!

“ผู้เชี่ยวชาญไม่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปจริงๆ เซี่ย หยางคิด ถ้าเป็นเขาคงคิดว่ามันเป็นหัวไชเท้าแล้วกลืนลง ไปเลย”

ในขณะที่ทั้งสองคนเริ่มหงุดหงิด เย้นหงเม่าก็กลืนโสม ลงไปทันที จากนั้นลืมตาขึ้นมา มองไปที่เหอเสี่ยวหย่า แล้วพยักหน้าและพูดว่า: “โสมชั้นดีจริงๆ โสมตัวนี้ดู เหมือนพึ่งโต แต่จริงๆแล้วมีสรรพคุณทางยามากกว่าพันปี แปลกมากๆ! ถ้าเหล่าเหอทานยาจีนที่ฉันสั่งจ่าย และ ฝังเข็มทุกวัน บวกกับทานโสมสิบต้นนี้ ไม่เกินสองเดือน รับรองหายจากอาการป่วยแน่ๆ! ”
“ขอบคุณลุงเย้น! “เหอเสี่ยวหย่าไม่สงสัยอีกต่อไป ย้ายไปนั่งข้างหน้าเซี่ยหยาง พูดว่า“ยังไม่ได้ถามชื่อคุณ เลย? ”

“ฉันชื่อเซี่ยหยาง เซี่ยที่แปลว่าฤดูร้อน หยางที่แปลว่า พระอาทิตย์” เซี่ยหยางถูกสายตาของเย้นหงเม่าจ้องมอง ทำให้เขารู้สึกประหม่า ทำให้ใบหน้าของเขาแดงขึ้นเล็ก น้อยและพูดว่า

*โอเคเซี่ยหยาง โสมสิบต้นนี้ฉันเอาทั้งหมด คุณต้องการ ขายเท่าไหร่!”

“เรื่องราคา! “เซี่ยหยางเหลือบมองไปที่เย้นหงเม่าที่อยู่ ด้านข้างและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเราสองคนไม่ได้เป็น ผู้เชี่ยวชาญ ที่นี่มีปรมาจารย์เย้นอยู่? เขาคลุกคลีกับยา จีนทุกวัน เขาต้องรู้ราคาดีกว่าพวกเราแน่ๆ ผมพูดถูกใช่ ไหม ลุงเย้น? ”

“เฮ้อๆ พ่อหนุ่มคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ”เย้นหงเม่าถูมือและพูด ด้วยรอยยิ้ม“ถ้าพูดตามหลักเหตุผล ราคาหนึ่งล้านต่อ โสมหนึ่งต้นเป็นราคาที่สมเหตุสมผล แต่ว่า มันยากมาก สำหรับเสี่ยวหย่าที่จะบริหารบริษัทขนาดใหญ่เช่นนี้ ฉัน คิดว่าพวกคุณควรลดราคาให้หน่อย”

“ลุงเย้น เงินไม่ใช่ปัญหา เรื่องใหญ่คือรักษาอาการของ พ่อให้หายเป็นปกติ เรื่องอื่นๆเป็นเรื่องเล็ก” เหอเสี่ยวหย่ายิ้มและพูด”ราคาตามที่ลุงเย้นบอก โสมสิบต้นนี้ฉัน

ให้คุณสิบล้าน โอเคไหม?

เมื่อเห็นเซี่ยหยางไม่พูดอะไร เหอเสี่ยวหย่าพูดต่อ : “ถ้า คุณคิดว่าน้อยไป ฉันสามารถเพิ่มให้คุณได้”

เซี่ยหยางไม่ได้คิดว่ามันน้อยเกินไป ในทางกลับกันเขา รู้สึกมันมากเกินไปจนเขาทำตัวไม่ถูก

เชี่ยเอ๊ย ตั้งสิบล้าน!

เขาคิดไม่ถึงว่าจะได้เยอะขนาดนี้!

เซี่ยหยางกัดฟันไว้แน่นและสงบสติอารมณ์ได้อย่าง รวดเร็ว เขาเกาหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม: “ฉันไม่ได้คิดว่า คุณให้น้อยไป คุณคิดว่าแบบนี้ได้ไหม? ฉันขอเงินแค่ห้า ล้าน แต่มีเงื่อนไข ฉันต้องการเมล็ดพันธุ์ของโสมและเห็ด หลินจือ และเมล็ดพันธุ์ที่ล้ำค่าอื่นๆด้วย!”

“โสมนี้คุณเป็นคนปลูกเองเหรอ? “เมื่อเย้นหงเม่าได้ยิน ก็ตกใจมากและถาม

“ใช่”

“ปลูกมานานแค่ไหน? “เย้นหงเม่าเดินขึ้นไปแล้วรีบจับที่มือของเซี่ยหยางไว้ เขาตื่นเต้นมากๆเหมือนกลัวว่าเซี่ย หยางจะหนีไป

“ปลูกมานานหลายปี! “เซี่ยหยางทนไม่ไหวกับความ กระตือรือร้นของเขา ไม่รู้จะทำยังไง”คุณอย่าตื่นเต้นแบบ นี้ได้ไหม! ”

“โอ้ๆ ฉันต้องขอโทษด้วย ฉันทำตัวเสียมารยาทเกิน ไป! “เย้นหงเม่ารู้สึกอาย รีบนั่งลงและพูดกับเหอเสี่ยว หย่า”เสี่ยวหย่า ฉันคิดว่าข้อเสนอของเขาก็ไม่เลว เธอ สามารถรับปากเขาได้ ไม่ต้องกังวล ส่วนทางฝั่งพ่อของ เธอ ฉันจะไปพูดให้เอง”

“โอเค ตกลงตามนั้น”เหอเสี่ยวหย่าพูด”ฉันจะโอนเงินเข้า บัญชีคุณตอนนี้ จากนั้นค่อยไปหาเมล็ดพันธุ์ พวกคุณนั่ง รอสักครู่”

หลังจากเงินห้าล้านโอนเข้าบัญชีเสร็จ เหอเสี่ยวหย่าลุก ขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้อง

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เซี่ยหยางหยิบเมล็ดพันธุ์ถุงใหญ่ออก มาจากร้านขายยา หากไม่มีผู้ป่วยรอพบแพทย์ เย้นหงเม่า อยากกลับหมู่บ้านไปพร้อมกับเขาเพื่อดูว่าเขาปลูกยังไง

ออกจากร้านขายยาได้ไม่นาน เซี่ยหยางได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการธนาคาร ขอให้เขาไปธนาคารเพื่อ เปลี่ยนประเภทบัตรเครดิต

เซี่ยหยางมาถึงธนาคาร ได้รับบัตรเครดิตแพลทินัมภาย ใต้การดูแลของผู้จัดการธนาคาร และเขาก็ได้เงินก้อน แรกมาอยู่ในมือ

เมื่อกลับมาถึงที่บ้าน เซี่ยหยางเข้าไปที่โลกแห่งหยกและ ปลูกเมล็ดโสมมากกว่าร้อยต้นเรียงกันในไร่สวรรค์ที่อยู่ ด้านหลังสวนป่า จากนั้นแถวที่สองก็ปลูกเมล็ดเห็ดหลิน จือยี่สิบต้น แถวที่สามก็ปลูกโสมเปรู หลังจากทำทุกอย่าง จนเสร็จ เขาหยิบถังขึ้นมาแล้วรดน้ำให้กับเมล็ดพันธุ์ทุก ต้น จานนั้นเขาก็ออกจากโลกแห่งหยกแล้วเข้านอนอย่าง มีความสุข

งานในสวนผักเขาให้หลี่เอ้อนิ้วเป็นคนจัดการทั้งหมด ทำ ให้เซี่ยหยางได้นอนหลับอิ่มสบาย ตื่นขึ้นมาก็เก้าโมงกว่า แล้ว เขากินอาหารเช้าเสร็จ มือไขว้ไว้ด้านหลังแล้วเดินมา ที่สวนผัก เห็นที่ดินขนาด2มู่ (1มู่=0.412ไร่) ของตัวเอง มีคนอยู่สามถึงห้าคนกำลังตั้งเสาเพื่อปลูกต้นกล้าของ แตงกวา เขากล่าวคำทักทายเสร็จ ก็พายเรือข้ามแม่น้ำ มาถึงที่ดิน10มู่ (1มู่=0.412ไร่) ที่เขาเช่ามา

เนื่องจากพื้นที่นี้ปลูกองุ่นอยู่ ดังนั้นจึงมีการจ้างช่างปูน มากว่าสิบคนมาวางเสาปูนคอนกรีต มีเพื่อนบ้านสิบกว่า คน มีบางคนกำลังปลูกมันฝรั่ง บางคนหว่านเมล็ดพืชบางคนรดน้ำ มีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจน ผู้คนทั้งหมด สามสิบกว่าชีวิตกำลังยุ่งกับงานอยู่ และมีเสียงหัวเราะ ออกมาเป็นระยะๆ เป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างมาก

หลังจากตรวจงานเสร็จ เซี่ยหยางก็กลับมาที่บ้าน เขา รู้สึกประหลาดใจที่พบว่ามีคนแต่งตัวดีหลายคนยืนอยู่ หน้าบ้านของตัวเอง

“สวัสดีครับ ไม่ทราบพวกคุณมีธุระอะไร? “เซี่ยหยาง เดินเข้าไปแล้วถาม

“สวัสดี พวกเรามาจากในเมือง”ชายคนหนึ่งพูดออก มา”ไม่ทราบว่าที่นี่คือบ้านของเซี่ยหยางใช่ไหมครับ? ”

“ใช่ ฉันคือเซี่ยหยาง พวกคุณเป็นใคร? “เซี่ยหยาง ประหลาดใจมากขึ้น

“คือเรื่องเป็นแบบนี้”มีเด็กสาวตัวอ้วนๆน่ารักเดินขึ้นมา เธอเลียริมฝีปากของตัวเองและอธิบายด้วยรอยยิ้ม“พวก เราทานอาหารที่ร้านฝูหมั่นโหลว และพบว่าวัตถุดิบของ ร้านอร่อยมากๆ หลังจากที่พวกเราขอร้องถึงได้คำตอบ ผักสดของพวกเขาซื้อมาจากคุณ วันหยุดสุดสัปดาห์สอง วันนี้ เราก็เลยมาหาคุณ เฮ้อๆ พวกเรารบกวนคุณไหม? ”
“ไม่เป็นไร ฉันก็ไม่ได้ยุ่งอะไรอยู่แล้ว” เซี่ยหยางไม่รู้จะ ทำยังไง รู้สึกว่าคนสี่ห้าคนนี้ได้ใช้ประโยชน์ของวันหยุด สุดสัปดาห์ มาที่หมู่บ้านเพื่อมาทานอาหารโดยเฉพาะ

หลังจากเชิญพวกเข้าให้มานั่งที่ห้องรับแขก เซี่ยหยางก็ อธิบายสิ่งที่พวกเขาต้องการให้พ่อของตัวเองฟัง

ตอนนี้เซี่ยซานสามารถเดินเองโดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำแล้ว แม้ว่าเขายังไม่สามารถเดินได้ปกติเหมือนเมื่อก่อน พอ เวลาเดินโดยไม่ใช้ไม้ค้ำก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อย แต่เขายืนยันจะไม่ใช้ไม้ค้ำอีก เมื่อรู้ว่าคนเหล่านี้มาเพื่อ รับประทานอาหารพื้นบ้าน หลังจากที่เขากล่าวคำทักทาย อย่างอบอุ่นเสร็จ เขาก็ไปเก็บผักและแตงกวา จับปลาสอง ตัวที่บ่อน้ำและฆ่าไก่หนึ่งตัว แล้วเข้าห้องครัวไปทำอาหาร

อาหารทําเสร็จอย่างรวดเร็ว คนพวกนี้แย่งกันทาน อาหารเหมือนคนที่หิวและไม่ได้กินอะไรมาแปดร้อยปี หลังจากทานเสร็จและกำลังจะกลับก็ยังให้เงินค่าอาหาร ห้าร้อยหยวนแก่เซียซาน

ตอนบ่ายเซี่ยหยางเข้าไปในตัวเมืองเพื่อลงทะเบียน เรียนขับรถ เมื่อเขากลับมาได้ยินสิ่งที่พ่อตัวเองพูด เขา ก็ไม่ได้สนใจอะไร วันรุ่งขึ้นก็ไปเรียนขับรถ เขาไม่คาด คิดเลยว่าจะเจอคนในเมืองถามหาเส้นทาง เขาพบว่าคน เหล่านี้มาบ้านเขาอีกแล้ว!
คราวนี้มากันเยอะขึ้น มีสิบกว่าคนและขับรถมาด้วยกัน สองคัน เซี่ยหยางไม่มีทางเลือกก็เลยกลับไปช่วยพ่อตัว เองทำอาหารและดูแลคนเหล่านี้ แน่นอนตอนเก็บเงินเขา ก็บวกเพิ่มหลายร้อยหยวน

หลังจากวันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านไป เซี่ยหยางคิดว่าคง ไม่มีคนมาอีกแล้ว ไม่คาดคิดว่าวันที่สามมีคนมาเยอะ มากกว่าเดิม หลังจากสอบถามถึงรู้ คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ เคยทานอาหารที่ร้านฝูหมั่นโหลว ติดใจในรสชาติความ อร่อยของอาหาร ก็เลยมาที่นี่

ถ้าพวกเรารับลูกค้าเอง รายได้ของร้านฝูหมั่นโหลว ต้องลดลง เฉินเจียคงไม่ปล่อยเขาไว้แน่ๆเลย

เซี่ยหยางกำลังคิดอยู่ ก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว

ทําร้านอาหารฟาร์มออร์แกนิค!

คิดได้ก็ทำเลย วันรุ่งขึ้นเซี่ยหยางได้เชิญช่างฝีมือมา ออกแบบ วันที่สามหลังจากวัสดุมาถึง พวกเขาทั้งหมดเริ่ม สร้างบ้านบนที่ดินที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเซี่ยหยางเท่า ไหร่ สร้างร้านอาหารฟาร์มออร์แกนิคขึ้น

เมื่อเซี่ยหยางไปทำหนังสือรับรองการสร้างบ้านจาก ผู้ใหญ่บ้าน หวังหยุนจู้ได้เปลี่ยนความเย่อหยิ่งของเขาในอดีตและสุภาพมากขึ้น ที่ดินผืนนี้เดิมทีเป็นของเซี่ย หยางเอง และเขาก็วางแผนที่จะสร้างบ้านของตัวเองใน อนาคต แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เอาที่ดินผืนนี้ มาสร้างรายได้ให้คนหมู่บ้านก่อน

ด้วยแรงขับเคลื่อนของเงิน บ้านหลังใหญ่ที่มีเอกลักษณ์ ของชนบทก็ถูกสร้างขึ้นภายในสองสัปดาห์

เช้าวันนี้ เซี่ยหยาง รถออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ เขา ต้องการหาทีมเชฟเข้ามาเพื่อทําอาหารในร้านอาหาร ฟาร์มออร์แกนิคของเขา หลังจากที่เขาออกจากหมู่บ้าน ได้ไม่นาน เขาก็เห็นรถLandRoverสีขาวคันหนึ่งวิ่งมา

“ซวยแล้ว เฉินเจีย! “เซี่ยหยางกำลังจะหันรถเพื่อหนี เขาไม่รู้จะอธิบายกับเฉินเจียยังไงเกี่ยวกับลูกค้าที่มาทาน อาหารที่บ้านตัวเอง หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็หยิบหมวก กันน็อกขึ้นมาสวมใส่ แล้วขับหนีไปเลย

“เซี่ยหยาง หยุดเดียวนี้! “เฉินเจียขับรถLandRoverเข้า มาขวางถนนแคบๆของหมู่บ้าน พูดอย่างเย็นชา “คุณคิด ว่าแค่สวมหมวกกันน็อคแล้วฉันจำคุณไม่ได้ใช่ไหม?! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ